Today’s NEWS FEED

News Feed

ฟิทช์ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ของ บมจ. เอสซีจีเจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ ที่ ‘BBB+(tha)’

701

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(7 สิงหาคม 2567)----------บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิชุดใหม่ จำนวนไม่เกิน 4.2 พันล้านบาท ของบริษัท เอสซีจีเจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD ที่ ‘BBB+(tha)’ เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปใช้สำหรับ เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และชำระคืนเงินกู้

หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ SCGJWD เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของ SCGJWD ฟิทช์เชื่อว่าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ มีสิทธิไม่ด้อยกว่าหนี้ที่มีหลักประกันและหนี้ที่มีลำดับสิทธิสูงกว่า มากนัก เนื่องจากหนี้ที่มีลำดับสิทธิสูงกว่า (Prior-ranking Debt) ของบริษัทฯ อยู่ในระดับต่ำ

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

ความสามารถในการรองรับหนี้สินเพิ่มเติมอยู่ในระดับต่ำและค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนที่เพิ่มขึ้น – ความสามารถในการรองรับหนี้สินเพิ่มเติมโดยไม่กระทบต่ออันดับเครดิต (Rating Headroom) ของ SCGJWD จะยังคงอยู่ในระดับต่ำ ในปี 2567 โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุง ต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR Net Leverage) ที่ระดับประมาณ 4.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าระดับที่ฟิทช์อาจพิจารณาปรับลดอันดับเครดิตที่ 5.0 เท่า เพียงเล็กน้อย ฟิทช์ประมาณการณ์ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.4พันล้านบาท ในปี 2567 (2566: 1.9พันล้านบาท) ซึ่งรวมถึงการลงทุนในบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน และบริษัท Swift Haulage Berhad ซึ่งประกอบธุรกิจขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ในประเทศมาเลเซีย ในไตรมาสแรกของปี 2567

กระแสเงินสดสุทธิติดลบ – กระแสเงินสดสุทธิหลังการซื้อกิจการ (Free cash flow after acquisitions) จะยังคงติดลบในช่วงสามปีข้างหน้า เนื่องจากฟิทช์คาดว่าค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนจะยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่กระแสเงินสดที่ได้รับจากการลงทุนอาจไม่เกิดขึ้นทันที บริษัทฯ มีเป้าหมายในการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยจะให้ความสำคัญในการขยายธุรกิจคลังเก็บสินค้าควบคุมอุณหภูมิ และการขนส่งสินค้าตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเข้าซื้อกิจการ เพื่อขยายขอบเขตของธุรกิจและการให้บริการในภูมิภาคที่กว้างขวางขึ้น

EBITDAR ที่เติบโต – ฟิทช์คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR) ของ SCGJWD จะเติบโตสู่ระดับ 3.3 พันล้านบาท ถึง 3.7 พันล้านบาทต่อปี ในปี2567-2568 เนื่องจากอุปสงค์ของปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่ฟื้นตัว การขยายพื้นที่และอัตราการเช่าที่สูงขึ้นของคลังเก็บสินค้าควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงการขยายธุรกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามซึ่งฟิทช์คาดว่าบริษัทฯ จะมีรายได้เพิ่มเติมจากการให้บริการโลจิสติกส์กับกลุ่มบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC, อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ A(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลักของ SCGJWD รวมถึงบริการโลจิสติกส์ของโครงการปิโตรเคมี Long Son Petrochemicals ของ SCC ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567

ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า ต่อรายได้ (EBITDAR Margin) จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณร้อยละ 13 ในปี 2567 (2566: ร้อยละ 11) เนื่องจากปริมาณการขนส่งสินค้า และอัตราการเช่าที่สูงขึ้นจะช่วยเพิ่มการประหยัดต่อขนาด นอกจากนี้ฟิทช์เชื่อว่าบริษัทฯจะดำเนินการตามแผนการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากการรวมกิจการกับ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SCGL) ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราส่วนกำไร

ความสัมพันธ์กับ SCC – ฟิทช์พิจารณาว่าแรงจูงใจในการให้การสนับสนุนด้านการดำเนินงาน (Operational Support Incentive) ของ SCC ต่อ SCGJWD อยู่ในระดับปานกลาง ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก (Parent and Subsidiary Rating Linkage Methodology) เนื่องจาก SCGJWD เป็นบริษัทหลักของกลุ่ม SCC ในการให้บริการขนส่งให้กับบริษัทในกลุ่ม SCC และลูกค้าภายนอก SCC ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินโดยการให้เงินกู้ระหว่างกันในอดีต และฟิทช์เชื่อว่า SCC จะยังคงให้การสนับสนุนต่อ SCGJWD ในอนาคต หากมีความจำเป็น การให้การสนับสนุนด้านการดำเนินงานรวมถึงการที่ SCC มีส่วนในการบริหารจากการที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด โดย SCC ได้แต่งตั้งหนึ่งในสองของประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของบริษัทฯ

อย่างไรก็ตามแรงจูงใจในการให้การสนับสนุนในด้านความสำคัญทางกลยุทธ์ (Strategic Support Incentive) อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจาก SCGJWD มีขนาดของธุรกิจที่เล็กเมื่อเทียบกับบริษัทลูกอื่นๆ ของ SCC ในขณะที่แรงจูงใจในการให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย (Legal Support Incentive) อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากไม่มีการค้ำประกัน หรือเงื่อนไขการผิดนัดไขว้ (Cross Default) ของหนี้ของทั้งสองบริษัท

ผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร – SCGJWD เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หากวัดจากรายได้ บริษัทฯ มีบริการที่หลากหลายและครบวงจรซึ่งรวมถึง การบริหารคลังสินค้าสำหรับสินค้าอันตราย สินค้ายานยนต์ คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ การขนส่งและกระจายสินค้าอุตสาหกรรม SCGJWD มีเครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวางซึ่งรวมถึง ประเทศไทย กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และจีนตอนใต้

รายได้ที่มั่นคง – ประมาณร้อยละ 50 ของรายได้ของ SCGJWD มาจากการให้บริการด้านขนส่ง และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply-chain Service) ต่อบริษัทในกลุ่ม SCC ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้บริการของ SCGJWD ค่อนข้างแน่นอน เนื่องจากกลุ่ม SCC เป็นผู้ดำเนินกิจการรายใหญ่ในธุรกิจที่หลากหลาย เช่น ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจเคมี และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ ฟิทช์ เชื่อว่า SCGJWD ยังได้รับประโยชน์จากการมีอุปสรรคในการเข้าสู่อุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับปานกลาง จากความต้องการเงินลงทุนที่สูง ความชำนาญ และประวัติในการให้บริการที่จำเป็นสำหรับสินค้าบางประเภท SCGJWD เป็นผู้ได้รับสัมปทานเพียงรายเดียวในการให้บริการดูแลรับฝากและขนย้ายสินค้าที่เข้าข่ายสินค้าอันตรายตามกฎหมาย ที่ทำการขนส่งผ่านท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย SCGJWD เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการคลังสินค้าและลานวางสินค้าภายในบริเวณท่าเรือแหลมฉบังที่ใหญ่ที่สุดสามรายแรกในด้านขนาดของพื้นที่

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
SCGJWD เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรรายใหญ่ในประเทศไทย โดยมีรายได้ที่มันคงจากการให้บริการต่อกลุ่ม SCC การที่บริษัทมีสัญญาสัมปทานสำหรับคลังสินค้าในท่าเรือแหลมฉบัง และสัญญาระยะปานกลางถึงระยะยาวกับลูกค้า

อันดับเครดิตโดยลำพังของ SCGJWD ที่ ‘bbb(tha)’ อยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตของบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EPG, อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ A-(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นผู้ผลิตฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ที่ผลิตจากยางสังเคราะห์ประเภท EPDM ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ และธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้ครั้งเดียวสาหรับเครื่องดื่มและอาหาร SCGJWD มีประเภทของผลิตภัณฑ์ และการกระจายตัวของธุรกิจปลายทางที่น้อยกว่า EPG ถึงแม้ว่าขนาดธุรกิจที่วัดจาก EBITDA ของทั้งสองบริษัท อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน นอกจากนี้อัตราส่วนหนี้สินของ EPG อยู่ในระดับต่ำกว่า SCGJWD ทำให้อันดับเครดิตโดยลำพังของ SCGJWD อยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตของ EPG

บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS, อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ BBB(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) มีความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากกว่า SCGJWD เนื่องจาก BAFS เป็นผู้ให้บริการรายเดียวในธุรกิจให้บริการคลังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน และการบริการเติมน้ำมันอากาศยานที่สนามบินหลักในประเทศไทย SCGJWD มี EBITDA ที่สูงกว่า BAFS ประมาณ 2 เท่าแต่อัตราส่วนกำไรต่อรายได้อยู่ในระดับต่ำกว่า BAFS เนื่องจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูงกว่า ดังนั้นแม้ว่า SCGJWD จะมีอัตราส่วนของหนี้สินต่ำ กว่า BAFS ปัจจัยดังกล่าวถูกลดทอนด้วยสถานะทางธุรกิจของSCGJWD ที่อ่อนแอกว่า ส่งผลให้สถานะเครดิตโดยลำพังของ SCGJWD อยู่ที่ระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของ BAFS

SCGJWD มีขนาดของธุรกิจที่เล็กกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC, อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ BBB+(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ สถานะเครดิตโดยลำพังที่ bbb-(tha)) ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันและผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย แต่ IRPC มีความผันผวนของรายได้มากกว่า SCGJWD เนื่องจาก IRPC ต้องเผชิญกับความเสี่ยงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวน และความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของ IRPC จะอยู่ในระดับที่สูงกว่า SCGJWD ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ปัจจัยดังกล่าวลดทอนขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่าของ IRPC ส่งผลให้อันดับเครดิตโดยลำพังของ SCGJWD สูงกว่า อันดับเครดิตโดยลำพังของ IRPC หนึ่งอันดับ

สมมติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ
- รายได้เติบโตร้อยละ 12 ในปี2567 จากการรวมงบการเงินแบบเต็มปีงบการเงินกับ SCGL และการฟื้นตัวของธุรกิจขนส่งและกระจายสินค้า รายได้เติบโตร้อยละ 5-8 ต่อปีในปี 2568-2569
- อัตราส่วน EBITDAR margin อยู่ที่ระดับประมาณร้อยละ 13 ในปี 2567-2569
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและการลงทุนประมาณ 4.4 พันล้านบาทในปี 2567 และ ประมาณ 2.4 พันล้านบาทในปี2568-2569
- จ่ายเงินปันผลร้อยละ 45 ของกำไรสุทธิ

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
- อัตราส่วนหนี้สิน EBITDAR net leverage อยู่ในระดับต่ำกว่า 4.0 เท่า อย่างต่อเนื่อง
- แรงจูงใจในการให้การสนับสนุนจาก SCC ต่อ SCGJWD ที่มากขึ้น
ปัจจัยลบ:
- อัตราส่วนหนี้สิน EBITDAR net leverage อยู่ในระดับสูงกว่า 5.0 เท่า อย่างต่อเนื่อง
- แรงจูงใจในการให้การสนับสนุนจาก SCC ต่อ SCGJWD ที่ลดลง

สภาพคล่อง
สภาพคล่องอยู่ในระดับที่จัดการได้: SCGJWD มีหนี้สินทั้งหมดประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 โดยจำนวน 2.6 พันล้านบาท จะครบกำหนดชำระภายใน 12 เดือนข้างหน้าสิ้นสุด มีนาคม 2568 อย่างไรก็ตามประมาณร้อยละ 65 ของหนี้ที่ถึงกำหนดชำระดังกล่าวเป็นหนี้สินที่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งธนาคารน่าจะทำการต่ออายุได้ เงินสดจำนวน 2.5 พันล้านบาท และวงเงินกู้ที่สามารถยกเลิกได้ที่ยังไม่ได้เบิกถอน (Uncommitted Facilities) จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท น่าจะเพียงพอสำหรับการชำระคืนหนี้ระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระจำนวน 400 ล้านบาท ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

ฟิทช์คาดว่า SCGJWD ซึ่งเป็นบริษัทหลักของ SCC สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ จะมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากธนาคารและตลาดตราสารหนี้ในประเทศที่ดี ในฐานะบริษัทในกลุ่ม SCC ซึ่งมีธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ

ข้อมูลของบริษัทฯ
SCGJWD เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการทั้งสินค้าทั่วไป สินค้าอุตสาหกรรม เคมีภัณฑ์ ยานยนต์ และสินค้าควบคุมอุณหภูมิ

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

NER สานต่อโครงการ “NER ยิ้มสวย สุขภาพฟันดีกับทันตกรรมเคลื่อนที่” ปี 2 ร่วมดูแลสุขภาพช่องปากพนักงานกว่า 1,000 คน

ในยุคที่การดูแลสุขภาพกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน ทั้งการออกกำลังกายหรือการทานอาหารที่ดี แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ

หมดแรง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหลายตลาด หมดแรง อ่อนตัวลง แต่หุ้นไทย วูบไป 1.44% ในเช้าวันนี้ ด้วยใช้ข่าวดี .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้