"Selective Plays"
KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "สร้างฐาน" ต้าน 1289/1296 จุด รับ 1270/1262 จุด ดัชนี S&P500 ฟื้นตัว +1.0% ความกังวลจากเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยคลายลง หลังรายงาน GDPnow 3Q24 (Fed Atlanta) คาดที่ระดับ 2.9% vs Prev. คาด 2.5% และ 2Q24 (ครั้งแรก) 2.8% ส่วนภายในวันนี้ ติดตาม ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ตลาดน่าจะเคลื่อนไหวรอความชัดเจนด้านใดด้านหนึ่ง แต่ตลาดได้ปรับฐานลดเสี่ยงการเมืองล่วงหน้าแล้ว ขณะที่ผลประกอบการ บจ. ล่าสุดออกมากลางถึงบวกอ่อนๆ รายงานแล้ว 53 บริษัท ส่วนใหญ่ดีกว่า+ตามคาด ขณะที่กำไรดีกว่าคาด 5% เติบโต 9.8% มองช่วยรักษาฐาน EPS ตลาดปี 2024 ที่ 90-91 บาท จะหนุน Current และ Forward ERP 4.08% และ 4.5% > จุดกลับตัว Avg +1. S.D. บ่งชี้ SET เป็นกรอบลงทุน กลยุทธ์อยู่ฝั่งซื้อ SET น่าจะพยายามสร้างฐาน มองกลุ่มได้ประโยชน์ Yield พีค (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ ชิ้นส่วน) กลุ่มอิงภาคบริการที่ Defensive (สื่อสาร ค้าปลีก ร.พ.) เด่น วันนี้แนะนำ ADVANC, CPALL, GULF
Daily outlook: "สร้างฐาน" ต้าน 1286/1290 จุด รับ 1270/1262 จุด
What happened around the world ?
•(*/+) US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐ Rebound หลังจากปรับลงแรงจากความกังวล Recession ช่วงก่อน และไม่ได้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสำคัญ อิง Dow Jones +0.76%d-d , S&P500 +1.04%d-d, Nasdaq +1.03%d-d โดยดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นและปิดบวกทุก Sector นำโดย Real Estate, Financial , ICT ฯลฯ ส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นหลักๆคือ Nvidia +3.78% Rebound จากที่ลงแรง, Uber + 10% รับรายงานงบ 2Q24 ดีกว่าคาด,Caterpillar +3% รับรายงานงบดีกว่าคาด, Warner Bros Discovery -3% รับข่างพิจารณาขายสินทรัพย์ขนาดเล็กเพื่อหลีกเลี่ยงการแยกส่วนของบริษัท ฯลฯ
• (*/+) US Econ: ธนาคารกลางสหรัฐ Fed สาขาแอตแลนตา รายงานแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.9% ใน 3Q24 เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์ครั้งก่อน 1 ส.ค. ที่ 2.5% และสูงกว่า 2Q24 (ครั้งที่ 1) ที่ขยายตัว 2.8% KSS มีมุมมองเป็นบวกเพราะตัวเลข GDP ที่ขยายตัวทำให้ความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ทุเลาลง อย่างไรก็ตามคาดการณ์ GDP ดังกล่าวเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของกิจกรรมเศรษฐกิจในเดือน ก.ค. และ ส.ค. บางส่วน ดังนั้นคาดการณ์ GDP 3Q24 อาจจะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้อีกหากมีข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของเดือน ส.ค. และ ก.ย. 24
•(*) Japan Econ 1.)ค่าจ้างญี่ปุ่น +4.5%y-y สูงสุดตั้งแต่ ม.ค.40 เงินเฟ้อ +3.3%y-y Real Wage +1.1%y-y เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 2 ปี 3 เดือน และมากที่สุดในรอบ 37 เดือน 2.) ค่าจ้างตามสัญญาจ้าง +2.3%y-y ทำ New High , ขณะที่รายได้ในส่วน OT +1.3%y-y ขยายตัวขึ้น และโบนัส +7.6% y-y KSS ประเมิน 1.) จิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงเศรษฐกิจญี่ปุ่น อาทิ กลุ่มส่งออกไก่ เน้น GFPT 2.) เงินเฟ้อที่แนวโน้มมีโอกาสทรงตัวสูงคาดจะหนุนให้ BoJ เดินหน้าใช้นโยบายการเงินตึงตัวต่อเนื่อง โดยเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นญี่ปุ่นระยะกลาง - ยาว โดยการปรับตัวลงมาของดัชนี Nikkei 225 -25% จากจุดสูงสุดกลางเดือนก.ค. ทำให้ Valuation ของดัชนีที่เคยตึงตัวดูคลายลง เราจึงปรับน้ำหนักการลงทุนในญี่ปุ่นขึ้น 1 ขั้น จากเดิม Slightly Underweight เป็น Neutral
•(*) Chip : Reuters รายงานบริษัท Technology จีน อาทิ Huawei, Baidu ฯลฯ เดินหน้าตุนชิปหน่วยความจำ HBM รองรับ AI จากบริษัท Samsung Electronics เนื่องจากคาดการณ์ว่าสหรัฐจะจำกัดการส่งออกชิปไปยังจีน KSS มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นชิ้นส่วน อาทิ HANA, KCE
• (*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ Rebound และแนวโน้มระยะสั้นฟื้นตัว หลังจากปรับลงแรงช่วงก่อน ไม่ได้มีปัจจัยใหม่ที่เข้ามากระทบ อายุ 2 ปีปรับขึ้น 10 bps อยู่ที่ 3.99% และอายุ 10 ปี พลิกปรับขึ้น +12 bps ปิด 3.9% ส่วน Dollar Index แกว่งตัวแข็งค่าเล็กน้อยมาบริเวณ 102.8 จุด
•(*) To monitor : จีนติดตาม : 7 ส.ค. ส่งออกและนำเข้าจีน เดือน ก.ค. ตลาดคาด 9.9%y-y และ 4.2%y-y 8-9 ส.ค. ตัวเลข PPI และ CPI เดือน ก.ค.ตลาดคาด -0.9%y-y, 0.3%y-y
•(*/+)Oil : น้ำมันดิบ Brent +0.24%d-d ปิดที่ US$ 76.48/barrel. น้ำมันดิบ West Texas +0.36%d-d ปิดที่ US$ 73.2/barrel
What happened in Thailand ?
• (*/-) SET: SET ยังคงเคลื่อนไหวผันผวน ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านระยะสั้น 1290 จุดก่อนไม่ผ่านและปรับตัวลงปิด 1274 จุด -0.05% กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มท่องเที่ยว (MINT) หลังรายงานกำไรสุทธิงวด 2Q24 ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด แต่กำไรปกติเป็นไปตามคาด และทำระดับสูงสุดประวิตการณ์ และดีต่อเนื่องใน 2H24F เรายังมองเป็นโอกาสทยอยสะสม กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) มองขายสลับกลุ่มลงทุน หลังเป็นหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นวันก่อนหน้าช่วงตลาดผันผวนรุนแรง กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) ตามจิตวิทยาบวกหุ้นเทคโนโลยีต่างประเทศฟื้นตัว กลุ่มขนส่ง (AOT) ตอบรับนักท่องเที่ยว 29 ก.ค. -1 ส.ค. ยังสูงระดับเฉลี่ยเกิน 1.0 แสนคนต่อวัน
• (*) Flow : เม็ดเงินต่างประเทศวันทำการล่าสุดเป็นภาพไหลเข้า ซื้อพันธบัตร +372.8 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -20.4 ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Short ที่ -225 สัญญา เงินบาทเคลื่อนไหวทรงตัวที่ 35.48 +/- บาท
• (*/+) TH Tourism: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุด 29 ก.ค. – 2 ส.ค. อยู่ที่ 7.1 แสนคน -0.9%w-w หนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติ YTD สูง 21 ล้านคน ทั้งนี้ ปัจจุบันยอดนักท่องเที่ยวเฉลี่ยต่อวันเกินกว่าระดับ 1.0 แสนคนต่อเนื่อง 5 สัปดาห์ มองโมเมนตัมดังกล่าวมีโอกาสต่อเนื่อง จะหนุนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024 ไม่ต่ำกว่าตลาดประเมิน 35.5-36 ล้านคน มองบวกต่อหุ้นอิงภาคบริการ อาทิ AOT, ERW, ADVANC, TRUE, CPALL, CPAXT
• (*) Cabinet: ที่ประชุม ครม. วานนี้อนุมัติงบกลาง วงเงิน 433 ล้านบาท กระตุ้นท่องเที่ยวช่วงนอกฤดูกาล เตรียมพร้อมจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายร่วมกับ 9 แพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง และจัดงานมหกรรมเสน่ห์ไทยนำเสนออัตลักษณ์ถิ่น 5 จังหวัดใน 5 ภูมิภาค มองจิตวิทยาบวกอ่อนๆ ต่อหุ้นอิงภาคบริการ อาทิ AOT, ERW, ADVANC, TRUE, CPALL, CPAXT
• (*/+) Short Sales: หลังจากมาตรการ Uptick Rule ตั้งแต่ 1 ก.ค. วานนี้ในส่วนจำนวนหุ้นที่มียอด Short คงค้างอยู่ที่ 401 บริษัท (vs วันทำการล่าสุด 399 บริษัท) พบว่าส่วนใหญ่ยังอยู่ในกลุ่มที่มียอด Short เท่าเดิม +สัดส่วนกลุ่มถูก Short ลดลง โดยมีรายละเอียดดังนี้ โดยกลุ่มที่ลดลงจากวันทำการก่อนหน้าเพิ่มเป็น 144 บริษัท (วันทำการล่าสุด 132 บริษัท) หุ้นที่ Short เท่าเดิมอยู่ที่210 บริษัท (วันทำการล่าสุด 195บริษัท) ส่วนหุ้นที่ Short เพิ่มขึ้นมี 43บริษัท (วันทำการล่าสุด 70 บริษัท) มองจิตวิทยาบวกอ่อนๆต่อ SET
• (*/+) SET 2Q24 Earnings: หุ้นใน SET ที่รายงานกำไรงวด 2Q24 แล้วทั้งสิ้น 53 บริษัท (vs วานนี้ 36 บริษัท) โดยเป็นหุ้นที่มีคาดการณ์กำไรของตลาด 30 บริษัท (vs ล่าสุด 26 บริษัท)ดีกว่าคาด 16 บริษัท ตามคาด 10 บริษัท แย่กว่าคาด 4 บริษัท กำไรดีกว่าตลาดคาด 5.3% (vs ล่าสุด 4.1%) เติบโต 9.8%y-y (vs ล่าสุด +5.6%y-y) หุ้นที่รายงานกำไรวานนี้
กลุ่มที่ดีกว่าคาด ได้แก่ ITC (127%y-y, 23%q-q) AAI (1042%y-y, 23.8%q-q) QH (-7.4%y-y, 26.5%q-q)
กลุ่มที่เป็นไปตามคาด คือ DCC (-2.7%y-y, 54.2%q-q) ADVANC (19.5%y-y, 1.5%q-q) แต่กำไรปกติดีกว่าคาด SHR (ขาดทุนลดลง y-y, พลิกขาดทุน q-q) IPRC (ขาดทุนลดลงy-y, พลิกจากกำไร q-q) MTC(20%y-y, 4%q-q) ,
กลุ่มที่ต่ำกว่าคาด คือ DOHOME (389%y-y, -21%q-q) INSET (-50%y-y, +21%q-q)
กลุ่มที่ไม่มีคาด คือ GUNKUL (2.3%y-y, 54%q-q)
ส่วนกลุ่มที่คาดรายงานกำไรวันนี้ อาทิ ICHI, INTUCH, IRPC, THCOM, TU โดยหุ้นคาดกำไรจะออมาดี คือ ICHI (ตลาดคาด 51%y-y, 6%q-q) INTUCH (ตลาดคาด 18%y-y, 5%q-q) TU (ตลาดคาด 21%y-y, 8%q-q)
• (*) TH CPI: วันนี้ (7 ส.ค.) ติดตามรายงานเงินเฟ้อทั่วไป CPI ตลาดคาด 0.4%y-y, +0.1%m-m vs prev. 0.62%y-y, -0.31%m-m
• (*) TH Politic: วันนี้ (7 ส.ค.) ติดตามการวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล เราประเมินความชัดเจนของการเมืองจะสร้างจิตวิทยาบวกให้กับตลาด โดยในส่วนคำวินิจฉัยกรณีพรรคก้าวไกล เรามองไม่ว่าจะออกมาในกรณีใดน่าจะส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลที่จำกัด แต่กรณียุบพรรคมองต้องติดตามความเสี่ยงการเมืองนอกสภาเพิ่มเติม ทั้งนี้ เรายังให้น้ำหนักประเด็นดังกล่าวต่ำกว่าเรื่องคุณสมบัตินายกที่มีจะการวินิจฉัยสัปดาห์หน้า (14 พ..ค.) ที่คาดจะมีผลต่อความราบรื่นในการบริหารประเทศรัฐบาลมากกว่า หากศาลตัดสินให้นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง
Daily Strategy : ADVANC, CPALL, GULF เด่น
ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "สร้างฐาน" แม้ความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยบรรเทาลงเป็นลำดับ อิงคาดการณ์ GDPnow งวด 3Q24 ของ Fed Atlanta ที่ยังเป็นภาพเร่งขึ้น แต่หุ้นที่รีบาวน์ขึ้นมา น่าจะรอติดตามพัฒนาการรายงานใหม่ๆ ระยะถัดไป ส่วนภายในน่าจะเป็นการรอความชัดเจนเรื่องการเมืองกรณีศาลเตรียมวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลวันนี้ (15:00) หุ้นนำมอง 1.) กลุ่มได้ประโยชน์ Yield พีค (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ ชิ้นส่วน) 2.) กลุ่มอิงภาคบริการที่ Defensive (สื่อสาร ค้าปลีก ร.พ.)
กลุ่มภาคผลิตไทย PMI ภาคผลิตไทยอยู่ในระดับขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือนหนุน (GFPT, TU, CBG, OSP, KCE, HANA )
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, CPAXT, OSP, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, MTC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, WHA)
• AUG24 Best Picks: ADVANC, CPALL, CPAXT, HANA, MINT, TRUE, WHA
• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP
Tactical & Investment Idea
Research Highlight
• Strategy Update : Fed คงดอกเบี้ยตามคาด แต่ตลาดมองดอกเบี้ยลด 3 ครั้ง ย้ำภาพดอกเบี้ยขาลง
ผลประชุม Fed : ผลประชุม Fed มติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.5% Key Highlight คือถ้อยแถลงของ ประธาน Fed เผยข้อมูลเศรษฐกิจมีพัฒนาการที่ดี โดยเฉพาะฝั่งเงินเฟ้อ และเริ่มกล่าวถึงการเปิดทางการลดดอกเบี้ยในปีนี้ หากอิง Statement ประเด็นที่เปลี่ยนแปลงรอบก่อน และสนับสนุนมุมมองการลดดอกเบี้ยคือ การอ่อนตัวลงของตลาดแรงงาน ปรับประโยคการจ้างงานเป็น "Moderated" (จากรอบก่อน Remained Strong) และ คาดอัตราการว่างงานสูงขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ สนับสนุนมุมมองตลาดคาดโอกาสการลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งปี 3 ครั้งๆละ 25 bps อัตราดอกเบี้ยสิ้นปีอยู่ที่ 4.5-4.75% สอดคล้องกับ MUFG คาดปีนี้จะเห็นการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งเช่นกัน
KSS ประเมิน หลังจากนี้ ตลาดจะเริ่มจับตารายงานทิศทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคแรงงานมากขึ้น นำโดยอัตราว่างงาน (Unemployment Rate) ก.ค. 24 ที่จะประกาศ 2 ส.ค. ไม่ควรสูงเกิน 4.2% อิงเกณฑ์ Sahm's Rule เสี่ยง "US Recession" ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า หรือช่วงต้นปี 2025 (Consensus คาดเฉลี่ย 4.1%) อย่างไรก็ตาม เรายังให้น้ำหนักอัตราว่างงานยังต่ำกว่าระดับดังกล่าวและเห็นด้วยกับมุมมอง Consensus ซึ่งจะเป็นภาพ Soft landing หากอิงดัชนีชี้นำฝั่ง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
ทั้งนี้ น้ำหนักหลักในส่วนอัตราดอกเบี้ยเป็นขาลงทิศทางดังกล่าวจะหนุนภาพ Search for Yield มายัง SET Index ยังแกว่งที่ระดับ Current และ Forward ERP สูง 3.75% และ 4.31% ล้วนใกล้ระดับ Avg + 1 S.D. ที่ 4.07% น่าจะหนุน SET ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง กลยุทธ์เน้นกลุ่ม Yield ลดลง อาทิ โรงไฟฟ้า เน้น GULF, BGRIM กลุ่มเช่าซื้อ กลุ่มหนี้สูง เน้น CPALL, CPAXT, TRUE, MINT
• MSCI Rebalance: ดัชนี MSCI มีกำหนดการประกาศผลการ Rebalance รอบใหม่วันที่ 12 ส.ค. (ไทยทราบผลเช้า 13 ส.ค.) โดยการ Rebalance จะมีผล 30 ส.ค. เบื้องต้นเราคาดหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงหลุดออกจากดัชนี ได้แก่ AWC GPSC EA เสี่ยงระดับกลาง คือ IVL เสี่ยงต่ำ คือ KTC ระยะสั้นมีโอกาสหุ้นชุดดังกล่าวจะมีโอกาสเคลื่อนไหว Underperform เชิงกลยุทธ์ให้เลี่ยงลงทุนไปก่อน
• Strategy Update : เลือกตั้งสหรัฐ สร้างความไม่แน่นอน แต่เป็นโอกาสระยะสั้น-กลางของเอเชียและไทย
การเลือกตั้งสหรัฐ 5 พ.ย.24 ตลาดเริ่มให้น้ำหนักมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังคุณ Kamara Harris สลับมาเป็นตัวแทนผู้สมัครรับเลือกตั้งปธน. แทนคุณ Biden ที่ถอนตัวออกไป ทำให้ผลคะแนนเดิมที่คุณ Biden ถูกคุณ Trump ทิ้งห่างกลับมาสูสีมากขึ้น อย่างไรก็ดีด้วยระดับคะแนนปัจจุบันโอกาสที่ Trump จะเป็นประธานาธิบดียังเหนือกว่า และนโยบายทั้งสองพรรคเหมือนกัน ในส่วนการทำสงครามการค้า (Trade War) สงครามเทคโนโลยี (Tech War) กับจีน ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความเสี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นคล้ายกับสมัยคุณ Trump ดำรงตำแหน่งครั้งแรกปี 2017-21
อิงผลการศึกษา Krungsri Research ประเมิน หากมีการยกระดับ Tariff ขึ้นราว 25% จากปัจจุบัน 1.) คาดกระทบยอดส่งออกจีน -5.76% และสหรัฐฯ -3.26% แต่จะบวกต่ออาเซียน และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงไทย และ 2.) KSS ประเมินผลกระทบจะไม่สูงเท่ารอบปี 2018-19 เพราะภาพ Supply Chain ของโลกมีความเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ช่วงคุณ Trump ดำรงตำแหน่งสมัยแรก อิงสัดส่วนการส่งออกสินค้าจีนไปยังกลุ่มประเทศ Belt and Road ที่ปัจจุบันสูง 46% จากระดับต่ำราว 26% ในปี 2006 รวมถึงสัดส่วนการส่งออกจีนไปยังประเทศพัฒนาแล้วเหลือ 22% จากปี 2006 ที่ 50% 3.) คาดกรณีดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อไทย GDP +0.04% และส่งออก +0.87%
ส่วนผลกระทบตลาดหุ้นสหรัฐ และ SET Index ก่อนและหลังการเลือกตั้ง จากการศึกษา KSS ในอดีต พบว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 5 ครั้งหลังสุด ดัชนี S&P 500 มักปรับตัวผันผวนก่อนการเลือกตั้ง ก่อนจะปรับตัวขึ้นหลังการเลือกตั้ง ส่วนปี 2024 KSS ประเมินมีโอกาสอาจจะเห็นภาพ Fund Flows สลับยังมา ไทย SET Index -6.8%นับตั้งแต่ต้นปี(ytd) และ Valuation จูงใจ และมีโอกาสที่ Upside เพิ่มจากการที่ดอกเบี้ยไทยคาดมีโอกาสที่ กนง. อาจจะพิจารณากลับมาเดินหน้าลดดอกเบี้ย ลงอย่างน้อย 1 ครั้งๆ ราว 25 bps ทำให้โดยรวม KSS ยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้ม SET Index ช่วง 3Q24 ปรับขึ้น วางดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1,540 จุด กลยุทธ์การลงทุนยังให้เน้นลงทุนในหุ้น Theme US Election แนวนโยบายที่จะยังคงอยู่คือการเดินหน้าสงครามการค้าและเทคโนโลยีกับจีน ผสาน กระแส FDI เข้าไทยที่ดีช่วงหลัง ทำให้ยังคงมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม เน้น WHA และกลุ่มส่งออกอาหาร ชิ้นส่วน คาดได้จิตวิทยาบวกเช่นกัน อาหาร CPF, GFPT, TU ชิ้นส่วน KCE, HANA
• Strategy Update : ThaiESG 2024 ต่อ SET Index
รัฐบาลมีแผนปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์จากกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG ใหม่ โดยปรับเงื่อนไขให้สิทธิซื้อเพิ่มลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นทั้งเม็ดเงิน และสัดส่วนเทียบกับฐานรายได้ ผสาน ระยะเวลาลงทุนสั้นลง KSS คาดว่าฐานเม็ดเงินที่เข้าสู่กองทุน ThaiESG รอบนี้ จะสูงราว 7.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่ SET ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ใน Value Zone น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกตลาดหุ้นไทยนับจากนี้.
เชิงกลยุทธ์ : โดยรวม KSS ประเมินเป็น "บวก" ต่อตลาดหุ้นไทยคล้ายสมัยมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน LTF ในอดีต เนื่องจากเป็นการเสริมสภาพคล่องของเงินลงทุนระยะยาวในประเทศให้กลับมาแข็งแรงขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนในหุ้นใน SETESG ที่มีคุณสมบัติราคาลงแรงกว่า SET -6.6%YTD ได้แก่ BTS SCC, CRC, IVL, PTTGC, CPN, BBL, HMPRO และกลุ่มที่มีน้ำหนัก (Weight) ใน ESG สูง ได้แก่ GULF AOT, MTC, CPALL, GPSC
• ADVANC (Buy, TP280): ADVANC is our Buy and raise TP to Bt280 from Bt275 to reflect earnings upgrade. Bt8.55b 2Q24 earnings seems below our estimate. But it was because extra accrual bonus expense of Bt267m was booked in this quarter. Stripping out this, core profit was Bt8.75b, slightly above our estimate. Earnings seen in 2Q24 will carry into 2H24. We revised up earnings in 2024-25 by 4% on average to reflect higher revenue from mobile. Bt4.87 interim DPS is announced.
• ITC (N/A): เรามีมุมมอง "Positive" ต่อกำไรสุทธิ 2Q24 ของ ITC ที่ 1,010 ลบ. (+127%y-y, +23%q-q) ดีกว่าที่เราและตลาดคาด +21%/+18% ตามลำดับ จากยอดขายและ GPM ดีกว่าคาด ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตดี โดยกลุ่มขนมทานเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีอัตรากำไรดีเติบโตสูงและต้นทุนการผลิตลดลงหนุน GPM มาอยู่ที่ 30% เพิ่มขึ้น +1152 bps y-y, +429 bps q-q สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท สำหรับโมเมนตั้ม 3Q24F คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น y-y จาก Demand เพิ่ม และ Product mix ดีขึ้น แต่คาดกำไรปกติลดลง q-q จาก GPM ที่เป็นฐานสูง ใน 2Q24 ขณะที่แนวโน้มต้นทุนทูน่าเริ่มเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทมีการปรับเป้าปี 24F เพิ่มขึ้นและมีปันผลระหว่างกาล 0.4 บ./หุ้น (yield 1.9%) XD 19 ส.ค. 24 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรายังไม่ได้ Cover หุ้น ITC จึงยังไม่มีคำแนะนำและราคาเป้าหมาย (IAA Median Consensus ที่ 27 บ.)
• SHR (Buy, TP2.2) : We resume coverage of SHR with a BUY rating and Bt2.20 TP, premised on the following: i) Expected earnings recovery in 2H24F after 2Q24 smaller Bt72m core loss, driven by peak seasons and rate increases. ii) Entering a growth phase, expect 50% p.a. core profit growth (2-year CAGR) over 2024-26F due to strategy adjustments and renovated hotels reopening. iii) Currently trading at only 7x 2024F EV/EBITDA, 0.5x PBV, significantly below sector average, we expect limited downside potential from the current level.
• Healthcare (Neutral) : เรามอง Slightly negative ต่อ BCH และ CHG จากประเด็นสำนักงานประกันสังคมแจ้งการจ่ายค่ารักษาส่วน RW>2 งวดเดือน พ.ย.-ธ.ค.23 ที่อัตรา 7,200 บาท/RW ทำให้เกิดส่วนต่างกับที่ BCH และ CHG บันทึกไว้ -4,800 บาท/RW จำนวน 2 เดือน เบื้องต้นเราคาดว่า BCH และ CHG อาจจะมีการหักรายได้ประกันสังคมออกใน 2Q24F ราว 40-50 ลบ. และ 15 ลบ. ตามลำดับ จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิปี 24F ของ BCH ราว 2-3% และ CHG ราว -1.0% ตามลำดับ เรามองว่าประเด็นดังกล่าว จะไม่เปลี่ยนทิศทางการเติบโตกำไรรวมของกลุ่มฯ ในปีนี้ คงคำแนะนำ Bullish ต่อกลุ่มการแพทย์ หุ้นเด่นเลือก BDMS (TP 37 บาท) และ CHG (TP 3.70 บาท)
3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak
Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA
Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP