Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

788

 

"Big Cap Plays"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Rebound" ต้าน 1296/1300 จุด รับ 1270/1262 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯผันผวนน้อยลง ดัชนี S&P500 ปิด -3% และตลาด Futures เริ่มฟื้นตัว vs ช่วงเปิดตลาด -4.2% ความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐคลายลงบ้าง หลังดัชนีชี้นำภาคบริการ(สัดส่วน 70%) ของ GDP สหรัฐ คือ PMI ภาคบริการ (ISM) ก.ค. 24 กลับมาขยายตัว 51.4 จุด ดีกว่าคาด vs prev. ที่ 48.8 จุด ผสาน ความเห็นกรรมการหลายท่านเริ่มมองว่า Fed อาจต้องปรับนโยบายการเงินในอนาคตอันใกล้ หนุนการ Search for Yield ต่อกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และเป็นตลาด Laggard เช่น ไทย GDP ช่วงที่เหลือยังน่าจะฟื้นเป็นขั้นบันได ขณะที่แรงกดดันจากแรงขายต่างชาติจางลง ล่าสุดท่องเที่ยวเด่น 1-3 ส.ค. ผู้ใช้บริการสนามบินไป ตปท. พุ่งสู่ 96.2% ของ Pre-COVID และ SET เป็น Value Zone สำหรับระยะกลาง-ยาว มี Current และ Forward Equity Risk Premium (ERP) สูง 4.17% และ 4.62% ทะลุ Avg + 1 S.D. ที่มักเป็นจุดกลับตัวกรณีไม่มีวิกฤติรุนแรงแล้ว ส่วนระยะสั้นมองตลาดรีบาวน์หลังปรับฐานแรง หุ้นนำตลาด คือ หุ้นอิงภาคบริการ กลุ่ม Yield พีค วันนี้แนะนำ ADVANC, GULF, MINT

 


Daily outlook: "Rebound" ต้าน 1288/1296 จุด รับ 1270/1262 จุด

What happened around the world ?

•(*) US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐวันจันทร์ยังปรับลงแรงต่อแรงกดดันหลักยังคงเป็นความกังวล US Recession กลับมา Dow Jones -2.6%d-d , S&P500 -3.0%, Nasdaq -3.4% โดยดัชนี S&P Sector ปรับลงทุก Sector หลักๆนำโดยกลุ่ม IT, ICT, Consumer discretionary , Real estate โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวเด่นๆคือ Meta -2%, Nvidia -6% จากข่าวชิป AI ของบริษัทจะล่าช้าเนื่องจากข้อบกพร่องในการออกแบบ, Apple -4% รับข่าว Berkshire Hathaway รายงานได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทลงราว 50% ฯลฯ

• (*)Fed Speaks : คุณ Mary Daly ประธาน Fed สาขา San Francisco (Voter) และ คุณ Austan Goolsbee ประธาน Fed สาขา Chicago (Non voter) ให้ความเห็นสอดคล้องกันคือ มองสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในตลาดแรงงาน และมองว่ าFed อาจต้องปรับนโยบายการเงินในอนาคตอันใกล้

•(+) US Econ: สหรัฐรายงานดัชนี PMI ภาคบริการเดือน ก.ค. ยังแข็งแกร่งโดยเฉพาะตัวเลขจาก ISM พลิกกลับมาขยายตัวและดีกว่าที่ Consensus คาดไว้ทำให้ความกังวลกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐลดลง โดยดัชนี PMI ภาคบริการเดือน ก.ค. จาก S&P Global อยู่ที่ระดับ 55 ลดลงจาก 55.3 จุดในเดือน มิ.ย. และต่ำกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 56 แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่า 50 สะท้อนภาคบริการยังขยายตัว ส่วน PMI ภาคบริการจาก ISM ปรับขึ้นสู่ระดับ 51.4 จาก 48.8 ในเดือน มิ.ย. และมากกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 51 เนื่องจากการบริโภคและภาคบริการคิดเป็น 70% ของ GDP สหรัฐ การที่ดัชนี PMI ภาคบริการซึ่งเป็น leading Indicator ภาคบริการยังแข็งแกร่งทำให้ความกลัวว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทุเลาลงนับเป็นจิตวิทยาบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ

•(+) Fear & Greed Index : ดัชนีวัดความกลัวกล้า นักลงทุนมักนำค่าของดัชนีดังกล่าวมาใช้เป็นจุดเข้าซื้อและขายหุ้นที่เข้าลงทุนไว้ โดยจะเข้าซื้อเมื่อดัชนีลดลงสู่ระดับ Extreme Fear ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนในตลาดมีความกลัวมากและจะพิจารณาขายเมื่อดัชนีปรับขึ้นสู่โซน Extreme Greed ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนอยู่ในภาวะโลภหรือกล้ามากๆ โดยล่าสุด Fear & Greed Index ร่วงแตะระดับ 20 ซึ่งเป็นโซน Extreme Fear บ่งชี้ได้ว่านักลงทุนในตลาดกำลังตกอยู่ในภาวะ Panic หรือกลัวมากๆ จึงเป็นโอกาสในเชิง Tactical ที่นักลงทุนจะทยอยเข้าซื้อคาดหวังดัชนีฟื้นตัวหรือมี Technical Rebound จากที่ร่วงแรงในช่วงก่อนหน้า (ซื้อเมื่อคนอื่นกลัวและขายเมื่อคนอื่นกล้า)

• (*/+) China Econ : จีนรายงาน Caixin Service PMI ก.ค. 24 ดีกว่าคาด เพิ่มสู่ 52.1 จุด จาก prev. 51.2 จุด (ตัวเลขเร่งขึ้นและยังยืนเหนือ 50 จุด บ่งชี้ภาคบริการจีนยังอยู่ในโซนขยายตัว โดยจีนมีสัดส่วนภาคบริการราว 54.6% ของ GDP ปี 2023) มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงจีน

• (*/-) US-China Trade war : Reuter เผยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐคาดว่าจะเสนอการห้ามใช้ Software จีนในยานยนต์ที่มีระบบอัตโนมัติระดับ 3 ขึ้นไปในสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการห้ามการทดสอบยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติที่ผลิตโดยบริษัทจีนบนถนนสหรัฐ ประเมินเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นจีนระยะสั้น เพราะเป็นประเด็นการกีดกันเคยเกิดขึ้นก่อนหน้า และมองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นที่ทำธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ระยะสั้น อาทิ KCE

• (*/-) China : ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลการจดทะเบียนสมรสของจีนจำนวนคู่รักที่แต่งงานในช่วง 1H2024 อยู่ที่ 3.43 ล้านคู่ -12.5%y-y เพราะกังวลด้านการงาน รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับอนาคต ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนที่ชะลอ KSS มองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นที่ในกลุ่มทำธุรกิจให้บริการทำ IVF เด็กหลอดแก้ว อาทิ SAFE, GFC

• (*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐแนวโน้มแกว่งตัวลงต่อ อายุ 2 ปีออกข้าง โซนบริเวณที่ 3.88% ต่ำสุดในส่วนรอบ 5 เดือนครึ่ง)แต่อายุ 10 ปี ปรับลงติดต่อกัน 11 วันติด เมื่อวาน -2 bps ปิด 3.78%(ต่ำสุดในส่วนรอบ 1 ปี 2 เดือน) โดยรวมมองบวกต่อหุ้นใน ธีมดอกเบี้ยขาลง อาทิ กลุ่มหนี้สูง เน้น CPAL, CPAXT, MINT กลุ่มการเงิน กลุ่ม ICT อาทิ ADVANC. กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF ส่วน Dollar Index อ่อนค่าแรงต่อ ลงมาบริเวณ 102.5 จุด (อ่อนค่ามากสุดตั้งแต่ มี.ค.2024 ) มองเป็นปัจจัยทำให้ค่าเงินสกุลเอเซียแข็งค่าในวันนี้ มองเป็นจิตวิทยาบวก Fundflow

•(*) To monitor : จีนติดตาม : 7 ส.ค. ส่งออกและนำเข้าจีน เดือน ก.ค. ตลาดคาด 9.9%y-y และ 4.2%y-y 8-9 ส.ค. ตัวเลข PPI และ CPI เดือน ก.ค.ตลาดคาด -0.9%y-y, 0.3%y-y สหรัฐ 6 ส.ค. ดุลการค้า มิ.ย.

•(*/-) Oil : น้ำมันดิบยังปรับลงต่อ Brent -0.66%d-d ปิดที่ US$ 76.3/barrel น้ำมันดิบ West Texas -0.79%d-d ปิดที่ US$ 72.94/barrel เป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

 

What happened in Thailand ?

• (-) SET: SET วันทำการล่าสุดปรับตัวลดลงสอดคล้องต่างประเทศ จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย, ความเสี่ยงความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ และ Side Effect จากการทำ Yen Carry Trade แต่ผันผวนน้อยกว่าต่างประเทศที่ผันผวนรุนแรง -38.41 จุด หรือ -2.93% ปิดที่ 1274.67 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่ม REIT (LPF, DIF, TFFIF) เริ่มเห็นเม็ดเงินสลับเข้าในฐานะมีคุณลักษณะใกล้เคียงกับพันธบัตรที่กระแสเงินเข้าเร่งตัว กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) เด่นในฐานะหุ้น Defensive ขณะที่อยู่ในรอบการเติบโต โดยมี TRUE รายงานกำไรปกติ 2Q24 เด่นเป็นภาพชี้นำฝั่ง ADVANC ที่รายงานกำไรพรุ่งนี้ กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) ถ่วงหลักจากมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯเสี่ยงเข้าภาวะถดถอยกระทบความต้องการใช้น้ำมัน กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, KCE, HANA) ตามจิตวิทยาแรงเทขายหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก

• (*/-) Flow : เม็ดเงินต่างประเทศวันทำการล่าสุดเป็นภาพไหลออก ขายพันธบัตร -25.3 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -2.0 ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Short ที่ -51,291 สัญญา เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าเล็กน้อยที่ 36.48 +/- บาท

• (+) TH Tourism: ยอดผู้ใช้บริการสนามบิน AOT เดินทาง ตปท. (ชี้นำนักท่องเที่ยวต่างชาติ) วันที่ 1-3 ส.ค. 24 สูง 96.2% ของ Pre-COVD เร่งขึ้นจาก ก.ค. 24 ที่อยู่ราว 93.4% และนักท่องเที่ยว 1H24 ที่ 88.4% มองนักท่องเที่ยว ส.ค. 24 มีโอกาสเร่งสู่ 3.3 +/- ล้านคน จากประเมิน ก.ค. 24 อยู่ราว 3.1 +/- ล้านคน และ 1H24 ที่ 17.5 ล้านคน โดยรวมประเมินนักท่องเที่ยว 8M24 ใกล้ 23.5-24 +/- ล้านคน ขณะที่ 5 เดือนที่เหลือของปีมองรักษาระดับวันละ 1.0 +/- แสนคนได้ จากมาตรการกระตุ้นต่างๆของรัฐฯ ประเมินนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024 ที่ตลาดคาดราว 35.5-36 ล้านคนจะมี Upside เล็กน้อย น่าทยอยสะสมหุ้นอิงภาคบริการ (ค้าปลีก สื่อสาร ท่องเที่ยว) อาทิ AOT, ADVANC, TRUE, CPALL, CPAXT

• (*) Cabinet: ติดตามที่ประชุม ครม. วันนี้ คาดว่าจะมีการพิจารณาเรื่องสำคัญๆ อาทิ การพิจารณานโยบาย Quick-win ฟื้นภาคท่องเที่ยวผลักดันเศรษฐกิจ และวาระแจ้งเพื่อทราบของสำนักเลขานายกฯ แจ้งผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินในส่วนมาตรการ Digital Wallet มองจิตวิทยาบวกหุ้นท่องเที่ยว ภาคบริการ อาทิ AOT, ADVANC, TRUE, CPALL, CPAXT

• (*) Short Sales: หลังจากมาตรการ Uptick Rule ตั้งแต่ 1 ก.ค. วานนี้ในส่วนจำนวนหุ้นที่มียอด Short คงค้างอยู่ที่ 399 บริษัท (vs วันทำการล่าสุด 398 บริษัท) พบว่าส่วนใหญ่ยังอยู่ในกลุ่มที่มียอด Short เท่าเดิม +สัดส่วนกลุ่มถูก Short ลดลง โดยมีรายละเอียดดังนี้ โดยกลุ่มที่ลดลงจากวันทำการก่อนหน้าเพิ่มเป็น 132 บริษัท (วันทำการล่าสุด 70 บริษัท) หุ้นที่ Short เท่าเดิมอยู่ที่195 บริษัท (วันทำการล่าสุด 258บริษัท) ส่วนหุ้นที่ Short เพิ่มขึ้นมี 70บริษัท (วันทำการล่าสุด 67 บริษัท)

• (*) SET 2Q24 Earnings: หุ้นใน SET ที่รายงานกำไรงวด 2Q24 แล้วทั้งสิ้น 36 บริษัท เป็นหุ้นที่มีคาดการณ์กำไรของตลาด 26 บริษัท กำไรดีกว่าตลาดคาด 4.1% เติบโต 5.6%y-y หุ้นที่รายงานกำไรวานนี้

กลุ่มที่ดีกว่าคาด ได้แก่ TNP (+11.7%y-y, -5.9%q-q) แต่กำไรปกติเป็นไปตามคาด TCAP (8%y-y, 9%q-q)
กลุ่มที่เป็นไปตามคาด คือ –
กลุ่มที่ต่ำกว่าคาด คือ MINT (-13.3%y-y, +146.3%q-q) แต่กำไรปกติเป็นไปตามคาด
ส่วนกลุ่มที่คาดรายงานกำไรวันนี้ อาทิ ADVANC, INSET, ITC, SHR โดยหุ้นคาดกำไรจะออมาดี คือ ADVANC (ตลาดคาด 15%y-y, 2%q-q), ITC (ตลาดคาด 92%y-y, 4%q-q)

• (*) To Monitor: สัปดาห์นี้ ติดตาม 1.) 7 ส.ค. เงินเฟ้อทั่วไป CPI ยังไม่มีคาด vs prev. 0.62%y-y 2.) 7 ส.ค. การวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล

 

 

Daily Strategy : ADVANC, GULF, MINT เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Rebound" ความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยบรรเทาลงบางส่วน หลังดัชนี PMI ภาคบริการ (ISM) ยังอยู่ในระดับขยายตัว (>50 จุด) มองจิตวิทยาบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนภายในพัฒนาการเศรษฐกิจเข้ามาเพิ่มเติมฝั่งท่องเที่ยว ล่าสุดผู้ใช้บริการสนามบินเดินทาง ตปท. 1-3 ส.ค. สูงสุดของปีที่ 93.4% บ่งชี้นักท่องเที่ยว มองหนุน1.) หุ้นอิงภาคบริการ อาทิ ท่องเที่ยว สื่อสาร ค้าปลีก เด่น 2.) กลุ่ม Yield พีคหนุน อาทิ เช่าซื้อ ชิ้นส่วน โรงไฟฟ้า

 

กลุ่มภาคผลิตไทย PMI ภาคผลิตไทยอยู่ในระดับขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือนหนุน (GFPT, TU, CBG, OSP )
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, CPAXT, OSP, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, MTC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, WHA)

• AUG24 Best Picks: ADVANC, CPALL, CPAXT, HANA, MINT, TRUE, WHA

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : Fed คงดอกเบี้ยตามคาด แต่ตลาดมองดอกเบี้ยลด 3 ครั้ง ย้ำภาพดอกเบี้ยขาลง

ผลประชุม Fed : ผลประชุม Fed มติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.5% Key Highlight คือถ้อยแถลงของ ประธาน Fed เผยข้อมูลเศรษฐกิจมีพัฒนาการที่ดี โดยเฉพาะฝั่งเงินเฟ้อ และเริ่มกล่าวถึงการเปิดทางการลดดอกเบี้ยในปีนี้ หากอิง Statement ประเด็นที่เปลี่ยนแปลงรอบก่อน และสนับสนุนมุมมองการลดดอกเบี้ยคือ การอ่อนตัวลงของตลาดแรงงาน ปรับประโยคการจ้างงานเป็น "Moderated" (จากรอบก่อน Remained Strong) และ คาดอัตราการว่างงานสูงขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ สนับสนุนมุมมองตลาดคาดโอกาสการลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งปี 3 ครั้งๆละ 25 bps อัตราดอกเบี้ยสิ้นปีอยู่ที่ 4.5-4.75% สอดคล้องกับ MUFG คาดปีนี้จะเห็นการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งเช่นกัน

KSS ประเมิน หลังจากนี้ ตลาดจะเริ่มจับตารายงานทิศทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคแรงงานมากขึ้น นำโดยอัตราว่างงาน (Unemployment Rate) ก.ค. 24 ที่จะประกาศ 2 ส.ค. ไม่ควรสูงเกิน 4.2% อิงเกณฑ์ Sahm's Rule เสี่ยง "US Recession" ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า หรือช่วงต้นปี 2025 (Consensus คาดเฉลี่ย 4.1%) อย่างไรก็ตาม เรายังให้น้ำหนักอัตราว่างงานยังต่ำกว่าระดับดังกล่าวและเห็นด้วยกับมุมมอง Consensus ซึ่งจะเป็นภาพ Soft landing หากอิงดัชนีชี้นำฝั่ง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

ทั้งนี้ น้ำหนักหลักในส่วนอัตราดอกเบี้ยเป็นขาลงทิศทางดังกล่าวจะหนุนภาพ Search for Yield มายัง SET Index ยังแกว่งที่ระดับ Current และ Forward ERP สูง 3.75% และ 4.31% ล้วนใกล้ระดับ Avg + 1 S.D. ที่ 4.07% น่าจะหนุน SET ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง กลยุทธ์เน้นกลุ่ม Yield ลดลง อาทิ โรงไฟฟ้า เน้น GULF, BGRIM กลุ่มเช่าซื้อ กลุ่มหนี้สูง เน้น CPALL, CPAXT, TRUE, MINT

• MSCI Rebalance: ดัชนี MSCI มีกำหนดการประกาศผลการ Rebalance รอบใหม่วันที่ 12 ส.ค. (ไทยทราบผลเช้า 13 ส.ค.) โดยการ Rebalance จะมีผล 30 ส.ค. เบื้องต้นเราคาดหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงหลุดออกจากดัชนี ได้แก่ AWC GPSC EA เสี่ยงระดับกลาง คือ IVL เสี่ยงต่ำ คือ KTC ระยะสั้นมีโอกาสหุ้นชุดดังกล่าวจะมีโอกาสเคลื่อนไหว Underperform เชิงกลยุทธ์ให้เลี่ยงลงทุนไปก่อน

• Strategy Update : เลือกตั้งสหรัฐ สร้างความไม่แน่นอน แต่เป็นโอกาสระยะสั้น-กลางของเอเชียและไทย

การเลือกตั้งสหรัฐ 5 พ.ย.24 ตลาดเริ่มให้น้ำหนักมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังคุณ Kamara Harris สลับมาเป็นตัวแทนผู้สมัครรับเลือกตั้งปธน. แทนคุณ Biden ที่ถอนตัวออกไป ทำให้ผลคะแนนเดิมที่คุณ Biden ถูกคุณ Trump ทิ้งห่างกลับมาสูสีมากขึ้น อย่างไรก็ดีด้วยระดับคะแนนปัจจุบันโอกาสที่ Trump จะเป็นประธานาธิบดียังเหนือกว่า และนโยบายทั้งสองพรรคเหมือนกัน ในส่วนการทำสงครามการค้า (Trade War) สงครามเทคโนโลยี (Tech War) กับจีน ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความเสี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นคล้ายกับสมัยคุณ Trump ดำรงตำแหน่งครั้งแรกปี 2017-21

อิงผลการศึกษา Krungsri Research ประเมิน หากมีการยกระดับ Tariff ขึ้นราว 25% จากปัจจุบัน 1.) คาดกระทบยอดส่งออกจีน -5.76% และสหรัฐฯ -3.26% แต่จะบวกต่ออาเซียน และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงไทย และ 2.) KSS ประเมินผลกระทบจะไม่สูงเท่ารอบปี 2018-19 เพราะภาพ Supply Chain ของโลกมีความเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ช่วงคุณ Trump ดำรงตำแหน่งสมัยแรก อิงสัดส่วนการส่งออกสินค้าจีนไปยังกลุ่มประเทศ Belt and Road ที่ปัจจุบันสูง 46% จากระดับต่ำราว 26% ในปี 2006 รวมถึงสัดส่วนการส่งออกจีนไปยังประเทศพัฒนาแล้วเหลือ 22% จากปี 2006 ที่ 50% 3.) คาดกรณีดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อไทย GDP +0.04% และส่งออก +0.87%

ส่วนผลกระทบตลาดหุ้นสหรัฐ และ SET Index ก่อนและหลังการเลือกตั้ง จากการศึกษา KSS ในอดีต พบว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 5 ครั้งหลังสุด ดัชนี S&P 500 มักปรับตัวผันผวนก่อนการเลือกตั้ง ก่อนจะปรับตัวขึ้นหลังการเลือกตั้ง ส่วนปี 2024 KSS ประเมินมีโอกาสอาจจะเห็นภาพ Fund Flows สลับยังมา ไทย SET Index -6.8%นับตั้งแต่ต้นปี(ytd) และ Valuation จูงใจ และมีโอกาสที่ Upside เพิ่มจากการที่ดอกเบี้ยไทยคาดมีโอกาสที่ กนง. อาจจะพิจารณากลับมาเดินหน้าลดดอกเบี้ย ลงอย่างน้อย 1 ครั้งๆ ราว 25 bps ทำให้โดยรวม KSS ยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้ม SET Index ช่วง 3Q24 ปรับขึ้น วางดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1,540 จุด กลยุทธ์การลงทุนยังให้เน้นลงทุนในหุ้น Theme US Election แนวนโยบายที่จะยังคงอยู่คือการเดินหน้าสงครามการค้าและเทคโนโลยีกับจีน ผสาน กระแส FDI เข้าไทยที่ดีช่วงหลัง ทำให้ยังคงมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม เน้น WHA และกลุ่มส่งออกอาหาร ชิ้นส่วน คาดได้จิตวิทยาบวกเช่นกัน อาหาร CPF, GFPT, TU ชิ้นส่วน KCE, HANA

• Strategy Update : ThaiESG 2024 ต่อ SET Index

รัฐบาลมีแผนปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์จากกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG ใหม่ โดยปรับเงื่อนไขให้สิทธิซื้อเพิ่มลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นทั้งเม็ดเงิน และสัดส่วนเทียบกับฐานรายได้ ผสาน ระยะเวลาลงทุนสั้นลง KSS คาดว่าฐานเม็ดเงินที่เข้าสู่กองทุน ThaiESG รอบนี้ จะสูงราว 7.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่ SET ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ใน Value Zone น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกตลาดหุ้นไทยนับจากนี้.

เชิงกลยุทธ์ : โดยรวม KSS ประเมินเป็น "บวก" ต่อตลาดหุ้นไทยคล้ายสมัยมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน LTF ในอดีต เนื่องจากเป็นการเสริมสภาพคล่องของเงินลงทุนระยะยาวในประเทศให้กลับมาแข็งแรงขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนในหุ้นใน SETESG ที่มีคุณสมบัติราคาลงแรงกว่า SET -6.6%YTD ได้แก่ BTS SCC, CRC, IVL, PTTGC, CPN, BBL, HMPRO และกลุ่มที่มีน้ำหนัก (Weight) ใน ESG สูง ได้แก่ GULF AOT, MTC, CPALL, GPSC

 

 

• MINT (Buy, TP42): We maintain a BUY rating with a target price of Bt42. Premised on: i) MINT's record-high 2Q24 as expected ii) anticipated robust 3Q24F, supported by mid-teen forward booking growth in key markets and decreasing interest rates; iii) attractive valuation at 7x EV/EBITDA, trading at -2SD of its historical average, implying conservative RevPAR growth suggest that existing concerns are largely priced in

• BTS (Buy, TP6.4): Despite our Buy rating, we maintain our view that we don't like this move from BTS. BTS held a physical meeting yesterday, explaining the rationale for VGI's move and BTS's cash call. We maintain our view that moving into virtual banking for VGI is risky. This project might incur a loss to VGI and it will eventually contribute a loss to BTS. While we like ROCTEC, we remain skeptical on RABBIT's earnings outlook. We haven't incorporated this cash call and financial performance of VGI, ROCTEC and RABBIT in our model.

• REIT, PROPERTY AND INFRA FUND (Positive): The recent economic data suggests Fed would cut rate up to 120bps this year and 100bps next year. We anticipate Thai's policy rate would cut next year up to 50bps. This is a time to invest in REIT premised on attractive valuations and opportunity to lock in interim dividend. Our top picks derive from the best valuations of each five themes and we select the stocks that fall in several themes (at least 3 out of 5). We identified following: EGATIF, AIMIRT, BTSGIF, CPNREIT, WHAIR and WHART.

 

3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak

Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

งบหมดแล้ว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา SET หมุนทะลุเส้น 1200 จุด อีกครั้ง ด้วยแบงก์ ,อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงาน....

เอาคืน By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม ไปเร็ว มาเร็ว รอบการเอาคืน สำหรับตลาดหุ้นไทย บนการเมืองไทย เข้มข้น หมดข่าว บริษัทจดทะเบียนประกาศ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้