Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

532

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
อัพเดต Sentiment การลงทุนในภูมิภาคจาก Fund Flow
ประเด็นสำคัญ:
การติดตามกระแสการลงทุน (fund flows) ใน 5 ประเทศในสัปดาห์ที่ผ่านมา มียอดขายสุทธิ 3,248 ล้านเหรียญ ชะลอตัวลงจาก net outflow 5,883 ล้านเหรียญ โดยมีแรงขายหลักๆใน 2 ประเทศ ได้แก่ ไต้หวัน 2,559 ล้านเหรียญ และเกาหลีใต้ 734 ล้านเหรียญ ส่วน TIP market มีแรงซื้อสุทธิรวมกันบางๆ 45 ล้านเหรียญ แบ่งเป็น ไทย 2 ล้านเหรียญ อินโดนีเซีย 20 ล้านเหรียญ และฟิลิปปินส์ 23 ล้านเหรียญ
สำหรับเซคเตอร์เด่นของภูมิภาคจากการจับสัญญาณด้วย Volume Index มีดังนี้ (1) Technology (อินโดนีเซีย) (2) Communication (เกาหลีใต้) และ (3) Oil Electric & Gas (ไต้หวัน)
แนวโน้ม:
เซคเตอร์ไทยที่น่าจับตาในระยะสั้น (เฉพาะที่ cover ในรายงาน Flow Tracker) ได้แก่
Tier 1: กลุ่มที่ Volume Index มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากระดับสูงกว่า mid-point ได้แก่ ICT
Tier 2: กลุ่มที่ Volume Index มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำกว่า mid-point ได้แก่ Bank และ Commerce
Tier 3: กลุ่มที่ Volume Index มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากระดับใกล้กรอบล่าง ได้แก่ Energy & Utilities
อัพเดต Market-timing Indicator (เฉพาะตลาดหุ้นไทย):
ดัชนี SET ฟื้นตัวจากแนวรับที่ 1290 จุดในวันศุกร์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับที่เราคาด สำหรับแนวโน้มระยะสั้น เราเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสฟื้นตัวต่อไปได้ แม้อาจมีความผันผวนเพิ่มขึ้นบ้าง โดยมีสัญญาณสนับสนุนดังนี้ (1) ดัชนี Short-term Bull-to-Bear เพิ่งฟื้นตัวจาก 25.9% เป็น 28.3% ซึ่งบ่งชี้ว่าโมเมนตัมของหุ้นหลายกลุ่มกำลังเกิดภาพ mean-reversion (2) Short-term Market Breadth Indicator เพิ่งฟื้นตัวจากระดับ -5.3 จุด และกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้โซนบวก

สรุปภาพตลาดวานนี้ SET กำลังจะรีบาวน์ดีๆ โดนเทท้ายตลาด หุ้นบวกนำโดย DELTA ที่งบดีกว่าคาด ดึง KCE HANA CCET ขึ้นมาด้วยระหว่างวัน นอกจากนี้กลุ่ม GULF-ADVANC-INTUCH ก็ยังบวกต่อ รวมทั้ง BTS ก็กลับมาเด้งรับข่าวชนะคดี (หลังวันก่อนมีขาย Sell-on-fact) พาหุ้นในกลุ่มทั้ง VGI ROCTEC ขึ้นมาด้วย และหุ้นกลาง-เล็กหลายตัว กลับมาบวกดีกว่าตลาด เช่น SFLEX Q-CON CIVIL MONO NSL INSET 24CS อย่างไรก็ตาม พบว่าแรงกดดันด้านลบกดดันตลาดวานนี้ ใช้จังหวะ DELTA หนุนตลาด ขายหุ้นใหญ่อย่าง PTTEP AOT SCC CPALL CPN CRC MINT AWC CPF

 

แนวโน้มตลาดวันนี้
SET Struggling (ไม่ง่ายอย่างที่คิด)
หุ้นไทยยังเล่นยาก ตามที่เราคิด ยกตัวอย่างเมื่อวานหุ้นบวกกระจุกตัว (ดูชื่อหุ้นตามสรุปตลาดด้านบน) แต่ถ้าหว่านเงินซื้อหุ้นตัวอื่นๆ ด้วยความคาดหวังบนข่าวดี หรือ กราฟทางเทคนิคอาจเกิดสัญญาณหลอก เช่น BEM CK STA STGT GLOBAL DOHOME CPN ฯลฯ ดังนั้นเราจึงยังจำกัดความเสี่ยงด้วยการลดความคาดหวังลง และเลือกที่จะเฝ้าหุ้นบูลชิพที่เราแนะไปก่อนหน้า ราคายังอยู่ล่าง เบต้าไม่สูงนัก และ Defensive ไว้ก่อน
สำหรับตัวแปรที่จะเปลี่ยนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ไม่ใช่เพียงแค่การอ่านสัญญาณ จากราคาหุ้น แต่จะขึ้นอยู่กับการรอความชัดเจนต่อประเด็นการลงทุนต่างๆด้วย เช่น หลังเห็นงบไตรมาส 2 แนวโน้มหลังจากนี้เป็นอย่างไรผ่านการประชุมนักวิเคราะห์, รอความชัดเจนการเมืองในประเทศ คดีถอดถอนนายกฯ, รอการประชุมธนาคารกลางสำคัญๆ และเมื่อวานชัดไปแล้ว เรื่องกองทุน TESG เพื่อลดหย่อนภาษีเพิ่ม หลัง ครม.อนุมัติเกณฑ์ใหม่...
ส่วนปัจจัยพื้นฐานของหุ้น จะช่วยจำกัดความเสี่ยงด้านล่าง คือ ปันผลระหว่างกาล, PE หุ้นที่ไม่แพง และอาจถูกลงอีก จากงบไตรมาส 2 ที่ดีกว่าคาด เราจึงประเมินว่าตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีแนวโน้ม ลุกขึ้นเดินหน้า หลังผ่านจังหวะนรก ล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SETพยายามทะลุโซนต้านเส้นกดบริเวณ 1,320 จุด แต่!ยังไม่ผ่าน (ทะลุได้จะเป็นสัญญาณกลับตัวขาขึ้น) นอกจากนี้ MACD ฟื้นตัวนิดๆ หากตัดเส้น signal line จะหนุนจุดกลับตัว….ส่วนภาพรวมได้ DELTA +7% เป็นพระเอกช่วยหนุนดัชนี +6.7 จุด เนื่องจากประกาศงบไตรมาส 2/67 ดีกว่าคาด และ GULF, ADVANC , KBANK ช่วยประคอง ส่วนหุ้นกดดัชนีได้แก่ PTTEP AOT และ SCC โดยหุ้นทั้ง 3 ตัวกด SET ลดลงรวมกันทั้งสิ้น -3 จุด
สรุป: จุดกลับตัวของดัชนียังต้องรอต่อไป จับตาภาพรายเดือนเนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือนก.ค.….อาจต้องลุ้นเหนื่อย เนื่องจากเดือนมิ.ย หลุด low ปิดแท่งแดงเต็มเหนี่ยว ขอลุ้นปิดใกล้ๆ โซนต้านที่ 1320 จุด อย่างไรก็ตามความเสี่ยงด้านล่าง ยังอยู่ที่จุด low 1,281 จุด….ห้ามหลุดเป็นอันขาด

 


What to watch
ไทม์ไลน์คดี การเมือง: ศาลฯนัดพิจารณาคดีถอดถอนนายก 14 ส.ค. ลงมติ 13:00 น. เป็นต้นไป, 7 สค. ศาลกำหนดวัน นัดลงมติตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล เวลาบ่าย 3 โมงเป็นต้นไป
การประชุมธนาคารกลาง สหรัฐฯ และญี่ปุ่น วันพุธ, วันพฤหัสประชุมธนาคารกลางอังกฤษ คาดลดดอกเบี้ยลง 0..25% เหลือ 5%
สมาคมอสังหาฯ รวมตัวส่งหนังสือถึงผู้ว่าการแบงก์ชาติ จี้ยกเลิก LTV ชั่วคราว ชี้มาตรการบังคับเงินดาวน์ 20% ซื้อบ้านหลังที่สอง ซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ชี้ผู้บริโภคยุคใหม่ซื้อหลังที่สองเพราะความจำเป็น โดยเน้นซื้อใกล้ที่ทำงานหรือโรงเรียนลูก อย่ามองด้านลบว่าเก็งกำไร ด้านสมาคมบ้านจัดสรรเผยผลสำรวจคนไทยต้องการซื้อบ้าน 2 หลัง ยอดพุ่ง 30% จี้รัฐบาลออกวงเงินกู้ดอกเบี้ยถูกอุ้มคนซื้อบ้าน เหมือนที่เคยทำมาในอดีต
ประชาชนเริ่มทยอยโหลดแอพฯ ทางรัฐ ลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับสิทธ์เงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท

หุ้นแนะนำวันนี้
BBL (หลบไปพักเงินในหุ้นใหญ่ที่ ทรงออกข้าง ราคาอยู่ล่าง เบต้าไม่สูงนัก) หนึ่งในหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ (S 134.5 R 139 SL 133)

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

DELTA
เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)
มาร์จิ้นมีอัพไซด์
ภาพรวมฝั่งรายได้ยังมองเหมือนเดิม โดยคงเป้าเติบโต 10-20% สำหรับทั้งปี มีทั้งปัจจัยบวกและลบ โดยมีปัจจัยบวก เช่น การเติบโตของ Data center และ AI อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของ EV ในยุโรป แต่ปัจจัยกดดันยังมีส่วนของ EV ใน US และกลุ่มสินค้า Consumer electronics, Telecom, Fan อัตรากำไรขั้นต้น บริษัทยัง Conservative มองภาพทั้งปีที่ 23%-24% แต่เรามองว่ามีโอกาสที่จะยืน 25-26% ใน 2H24 หนุนโดยยอดขายที่ฟื้น Product mix ที่ทรงจาก Q2 และ Provision ที่ยังเหลืออีกกว่า 6 พันล้านบาท เราประเมินกำไรใน 3Q24 น่าจะแตะระดับ 5.8-5.9 พันล้านบาท หรือโต 15-20% YoY ได้ ภาพทั้งปีคาดจะเห็นการปรับประมาณการกำไรจากตลาดขึ้นไปที่ระดับ 2.1-2.2 หมื่นล้านบาท
Fundamental view: โดยปกติ Guidance ของบริษัทจะค่อนข้าง Conservative โดยเรายังมองโอกาสการซื้อเก็งกำไรได้

Residential Property
แม้จะมีสัญญาณฟื้นตัว แต่ยังมีความท้าทายรออยู่
เราคาดการณ์กำไรหลักรวมของกลุ่มอสังหา ใน 2Q24 ที่ 6.1 พันล้านบาท ลดลง 13% YoY แต่เพิ่มขึ้น 45% QoQ (จากฐานที่ต่ำ) โดยยอดโอนลดลงเพียง 4% YoY และเพิ่มขึ้น 20% QoQ ซึ่งกำไรที่ลดลงมากกว่ารายได้ เป็นการแข่งขันและสงครามราคาที่เพิ่มขึ้น กดดันอัตรากำไรขั้นต้น (GM) อยู่ที่ 32.1% หรือลดลงทั้ง YoY และ QoQ
ใน 2Q24 นี้ SIRI จะเป็นคนที่เติบโตโดดเด่นที่สุด คาดกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY และ QoQ นอกจากนี้ เรายังคาดว่า SPALI จะมีกำไร 1.6 พันล้านบาท ลดลง 7% YoY แต่เพิ่มขึ้น 160% (จากฐานที่ต่ำมาก) และ AP คาดกำไรจะอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 19% YoY แต่เพิ่มขึ้น 24% QoQ สำหรับ SC จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินให้บริษัทร่วมทุน และ LH จะเป็นบริษัทเดียวที่ประกาศกำไรลดลงทั้ง YoY และ QoQ
แนวโน้ม 2H24 ทุกบริษัทยังคงให้ภาพเดียวกันว่า กำลังซื้อที่ยังคงเปราะบางอยู่ จะทำให้กลุ่มอสังหาฯ ได้รับแรงกดดันจากการพยายามคุมต้นทุน โด้วยการใช้กลยุทธ์ทางด้านราคา ลด แลก แจก แถม แต่หลายๆ บริษัทก็ยังคงเห็นสัญญาณอุปสงค์ที่จะดูดีขึ้นกว่าใน 1H24
Fundamental view: เรายังแนะนำเลือกเล่นเป็นรายตัว ทั้งนี้ วันนี้เราได้มีการปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นบาง บจ. ลง (ผ่านการ De-rate Valuation) เช่น AP ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 10 บาท, LH 6.5 บาท SC ที่ 3.2 บาท เป็นต้น

Commodities
ค่าการกลั่นและส่วนต่างปิโตรเคมียังดีขึ้นต่อ
ในสัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันดิบดูไบ ลดลง $2.91 WoW เป็น $81.40/บาร์เรล (ลบต่อ PTTEP) หลังประเด็นกังวลอุปสงค์โลกที่ลดลง โดยเฉพาะจากจีนที่เศณษฐกิจดูชะลอตัว และปัญหา Supply ในตะวันออกกลางดูคลี่คลายลงไป
ค่าการกลั่น (อิงสิงคโปร์) ขยายตัวต่อ $0.38 WoW เป็น $4.54/บาร์เรล จากทุนผลิตภัณฑ์ (บวกต่อ SPRC และ TOP) หนุนโดยการปิดซ่อมโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชีย และอุปสงค์ที่มากขึ้น
ส่วนต่างราคา (Spread) ส่วนใหญ่ขยายตัว หลักๆ เป็นเรื่องต้นทุนลดลงตามราคาน้ำมันดิบ (โดยรวมบวกต่อ PTTGC มากสุด)
ราคาถ่านหิน ลดลง 1% WoW ที่ $136.34/ตัน (ลบต่อ BANPU เล็กน้อย)
ค่าระวางเรือเทกอง (BDI) ลดลง 4% WoW เป็น 1,854 จุด (กดดันต่อ PSL และ TTA เล็กน้อย)
ส่วนค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ (World Container Index) ย่อตัว 2% WoW เป็น 5,806 จุด (ลบต่อ RCL เล็กน้อย)
Fundamental View: เชิงพื้นฐานเราชอบ PTTEP มากสุดสำหรับพลังงานต้นน้ำ, TOP มากสุดในกลุ่มโรงกลั่น และเห็นโอกาสเก็งกำไรในกลุ่มเดินเรือ


รายงานผลประกอบการวันนี้

PTTEP
ปตท.สำรวจและ ผลิตปิโตรเลียม
(+) PTTEP รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 23,978 ล้านบาท หักรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 24,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% YoY และ 26% QoQ สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 17% และ 13% ตามลำดับ เกิดจากต้นทุนต่อหน่วย และภาษีจ่ายต่ำกว่าคาด ทั้งนี้ PTTEP ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 4.50 บาท คิดเป็น Div. yields 3.2% ขึ้น XD 13 ส.ค. แนวโน้ม 3Q24 คาดกำไรหลักเพิ่มขึ้นทั้ง YoY จาก 1) ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 2) รายได้บริการเติบโต แต่กำไรหลักจะลดลง QoQ ตามปริมาณขายลดลง และต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นมา เรายังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 215 บาท


สรุปประเด็นจาก Quick take

AOT
ท่าอากาศยานไทย
AOT ชี้แจงผลกระทบยกเลิกร้าน Duty Free ขาเข้า
AOT ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าอนุมัติให้บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) หยุดประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรขาเข้า และให้ AOT รับคืนพื้นที่ดังกล่าว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2024 เป็นต้นไป
View From Fundamental: เราคาดรายได้จากค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำจาก KPD จะลดลง 13% หรือคิดเป็นผลกระทบกำไรปี 2025 ของ AOT ประมาณ 10% ตัวเลขผลกระทบดังกล่าวสูงกว่าที่เราเคยคาดไว้ เรามองเป็นข่าวร้าย แต่ถือว่าน่าจะปลดความกังวลออกไปจาก AOT ได้อีกประเด็น

 


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้