AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกข้าง
กลยุทธ์ เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก TESG

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างตามกรอบ 1300-1320 จุด จากปัจจัยแวดล้อมต่างประเทศที่อยู่ในโหมด Wait & See ความชัดเจนผลการประชุม FED และ BOJ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯและตลาดหุ้นภูมิภาคพักตัว ขณะที่ประเด็นในประเทศอยู่ในช่วงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q67 แต่อย่างไรก็ตามด้วยตลาดหุ้นบ้านเราที่อยู่ในภาวะ Laggard ตลาดหุ้นโลก ขณะที่การรายงานผลประกอบการที่ผ่านมาโดยรวมยังไม่ได้เปิด Downside เพิ่มเติม ทำให้ SET Index ยังยืนเหนือ 1300 จุดได้ กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกองทุน TESG ใหม่ วันนี้ เลือก TRUE และ BH

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้แกว่งผสมผสานจากนักลงทุนอยู่ในโหมด Wait & See รอผลการประชุม FED (รู้ผลวันพรุ่งนี้เช้า) ทำให้บรรยากาศโดยรวมเป็นการ Rotation จากหุ้นกลุ่ม Growth Stock มา Value Stock สะท้อนจากดัชนี NASDAQ ปรับลง 1.3% สวนทาง Dow Jones ที่ปรับขึ้น 0.5% ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเรามองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นบ้านเราที่สัดส่วนหุ้นในกลุ่ม Value Stock มีสัดส่วน Market Cap สูงกว่า Growth Stock และกลุ่มเทคฯ

ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้ผลการประชุม ครม. มีมติเห็นชอบกองทุน TESG ใหม่ โดยเงื่อนไขระยะเวลาถือครอง 5 ปีตามปีปฏทินจาก TESG เดิม 8 ปี วงเงินลดหย่อนสูงสุด 3 แสนบาทจากเดิม 1 แสนบาท โดยนโยบายการลงทุนมีการขยายขอบเขตไปที่ 1) หุ้นที่มี ESG Rating จากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น MSCI , FTSE Russel 2) หุ้นที่มีธรรมาภิบาลในระดับดีเลิศ ซึ่งจะทำให้ Universe การลงทุนของหุ้นใน TESG ใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยเรามองหุ้นที่ได้ประโยชน์ เช่น TRUE และ BH เป็นต้น ส่วนประเด็นอืนๆ วันนี้ติดตามการประชุม BOJ ซึ่งคาดว่าจะส่งสัญญาณในการปรับขึ้นดอกเบี้ยฯ และลดวงเงินการซื้อพันธบัตรฯ

Market Summary
SET Index ปรับขึ้นเล็กน้อย 0.88 จุด แรงหนุนหลักมาจากกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์จาก DELTA +7.3% หลังงบออกมาดีกว่าหนุนช่วยสร้าง Sentiment บวกต่อกลุ่ม HANA +2.2% KCE +1.7% ตามด้วยกลุ่มธนาคารจาก KBANK +3.1% จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นใน 2Q67 และกลุ่ม ICT ADVANC +1.3% และ TRUE +1.7% ส่วนกลุ่มที่กดดัน คือ พลังงานที่ลงตามน้ำมันดิบ PTTEP -3.4% BCP -1.6%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BH TRUE

TRUE กำไร 2Q67 ดูดี
คาดการณ์กำไรหลัก 2Q67E ที่ 1.5 พันล้านบาท ดีกว่าขาดทุนหลัก -2.4 พันล้านบาท 2Q66 และกำไรหลัก 768 ล้านบาทใน 1Q67 โดยได้แรงหนุนจากรายได้จากบริการหลัก 4.14 หมื่นล้านบาท (+5.4% YoY, +0.3% QoQ) และการลดค่าใช้จ่ายจากการสร้าง synergy จากต้นทุนที่ลดลงในด้านค่าคอมมิชชั่น การตลาด ค่าเสื่อมราคาของเครือข่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารขณะที่กำไรหลักปี 67 คาดพลิกกำไร 5.9 พันล้านบาท จากขาดทุนในปี 66 ที่ 6.9
การขยายกรอบการลงทุนของกองทุน TESG ใหม่ ที่สามารถลงทุนหุ้น ที่มี ธรรมาภิบาลในระดับดีเลิศ เราเชื่อว่าประโยชน์ต่อ TRUE ที่มี CG Score =5 อาจส่งผลให้กองทุน TESG ใหม่สามารถเพิ่มน้ำหนักลงทุนใน TRUE มากขึ้นเป็นแรงหนุนต่อราคาหุ้นต่อไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.60 บาท

BH Top Pick กลุ่ม ร.พ.
แนวโน้มกำไร 2Q67 มีขยายตัวแข็งแกร่งYoY จากจำนวนวันของเทศกาลรอมฎอนที่น้อยลงและเชื่อว่าผลประกอบการจะดีขึ้นต่อจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลใน 3Q67
กลยุทธ์การปรับเพิ่มราคาให้บริการ จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และการขยายจำนวนเตียงหนุนการเติบโตกำไรเฉลี่ยปีละ 9% ในปี 67-69 ซึ่งเติบโตมากกว่าช่วงปี 60-62 (Pre-Covid) ที่มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 1% ด้าน Valuation ซื้อขายบน PER67 24x ต่ำกว่าช่วง Pre-Covid ที่ 37x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1.4 S.D.
การขยายกรอบการลงทุนของกองทุน TESG ใหม่ ที่ไม่จำกัดต้องเป็นหุ้นที่ความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (E) หรือด้านความยั่งยืน (ESG) ที่ถูกคัดเลือก โดยตลาดหลักทรัพย์และสามารถ ลงทุนหุ้น ที่มีธรรมาภิบาลในระดับดีเลิศ เราเชื่อว่าประโยชน์ต่อ BH ที่มี CG Score =5 อาจส่งผลให้กองทุน TESG ใหม่สามารถเพิ่มน้ำหนักลงทุนใน BH มากขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 310.00 บาท

KEY FACTOR
ปัจจัยเมื่อวานนี้ ถือว่าโดยรวมออกมาโทนเป็นบวก นำโดย 1)ครม. อนุมัติปรับเกณฑ์ TESG ใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีวงเงิน 3 แสนบาท (ไม่เกิน 30% ของเงินได้) ระยะเวลาถือครอง 5 ปี นับแบบวันชนวัน ซึ่งคาดว่าจะหนุนให้มีเม็ดเงินเข้าซื้อราว 3–5 หมื่นล้านบาท ในช่วงที่เหลือของปี 2) ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ GDP 2Q67 ของ Eurozone ขยายตัวดีกว่าคาดเล็กน้อย +0.3%QoQ และ +0.6% YoY (Consensus คาด +0.2% QoQ, +0.5% YoY)
ในวันนี้ติดตาม 1) PMI ภาคการผลิตและบริการของจีน เดือน ก.ค. ซึ่ง Consensus คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 49.4 และ 50.3 ตามลำดับ เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า สะท้อนภาพภาคการผลิตที่ยังฟื้นตัวช้า 2) การจ้างงานเอกชน ADP เดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ ซึ่ง Consensus คาดที่ระดับ 1.5 แสนตำแหน่ง เพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร่งเท่ากับเดือนที่ผ่านมา 3) บทสรุปการประชุม FOMC เดือน ก.ค. ซึ่งตลาดให้น้ำหนัก Fed คงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25% - 5.50% แต่คาดว่าจะมีการส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลายเพิ่มเติม 4) CPI และ Core CPI เดือน ก.ค. ของ Eurozone ซึ่ง Consensus คาด +2.5% YoY และ +2.8% YoY ตามลำดับ

Eyes on
31 ก.ค. การประชุม FOMC, CPI เดือน ก.ค. ของ Eurozone, PMI ภาคการผลิตและบริการเดิอน ก.ค. ของจีน
1 ส.ค. Caixin PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ค.
2 ส.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ, อัตราการว่างงานเดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ