Market Wrap-Up
- SET วันที่ 25 ก.ค.67 ปิด -6.50 จุด อยู่ที่ 1,291.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,128 ลบ.สถาบันขาย 405 ลบ.ต่างชาติขาย 225 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 139 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 111 ลบ.โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น CPALL,PTTGC,ADVANC,TIDLOR,BDMS และมียอดขายสุทธิ BH,BTS,GULF,PTTEP,PTT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,096 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ GULF-R,DCC-R,TISCO โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 4,621 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 5,977 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 4,834 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.20%, S&P500 -0.51%, Nasdaq -0.93% จากแรงขายกลุ่มบริการสื่อสาร -1.86%, เทคโนโลยี -1.14% แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +1.47%, อุตสาหกรรม +0.76% ดัชนีหุ้นสหรัฐฟื้นตัวรับ US GDP Q2/67 +2.8% สูงกว่าคาดที่ +2.1% YoY ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.72% ถูกแรงขายจากกลุ่มบริการสื่อสาร -3%, เทคโนโลยี -2.8%, ยานยนต์ -1.7% และสินค้าหรูหรา -1.7% ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ฟื้นตัวตอบรับรายงาน US GDP Q2/67 +2.8% สูงกว่าคาด +2.1% & Q1/67 +1.4% QoQ ได้แรงหนุนจากการบริโภค & ลงทุนภาคเอกชน ขณะที่ US PCE Q2/67 อยู่ที่ 2.6% ชะลอตัวจาก Q1/67 ที่ 3.4% YoY และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 10,000 อยู่ที่ 235,000 ต่ำกว่าคาดที่ 237,000 ราย บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวดีและสามารถคุมเงินเฟ้อได้ดี (Soft Landing) นักลงทุนสหรัฐได้มีปรับพอร์ตการลงทุนจากกลุ่มเทคโนโลยีที่ Valuation สูงเข้าสู่กลุ่มหุ้นมี Maket Cap.ต่ำที่คาดกำไรฟื้นได้ดีจากแนวโน้มเฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย.ปัจจัยสำคัญวันนี้ติดตาม US PCE มิ.ย. คาด 2.4% & พ.ค. 2.6% YoY
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มเทคโนโลยี หลัง BEIS บริษัทผู้ผลิตขิปของเนเธอร์แลนด์ -14% จากคาดการณ์ยอดขายใน Q3/67 จะทรงตัว ส่วนกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์, สินค้าหรูหราปรับลดลง จากความกังวลอุปสงค์จากลูกค้าจีนฟื้นตัวช้าและอาจถูกระทบจาก ม.กีดกันการค้าระหว่างยุโรป & จีน ขณะที่ IFO เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมัน ก.ค. ลดลงอยู่ที่ 87.0 & มิ.ย. 88.6 บ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจเยอรมันที่ฟื้นตัวช้า
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีนิเกอิ -3.28% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี & กลุ่มส่งออกหลังค่าเงินเยนแข็งค่าสุดวานนี้ที่ 151.93 เยน/ดอลลาร์ โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นญี่ปุ่น ณ วันที่ 19 ก.ค. คิดเป็นมูลค่า 5.38 พัน ล.ดอลลาร์ เป็นเม็ดเงินไหลออกมากสุดในรอบ 3 เดือน ส่วนเช้านี้รายงาน Tokyo Core CPI ก.ค. อยู่ที่ 2.2 % & มิ.ย. 2.1% YoY ก่อนการประชุม BOJ สัปดาห์หน้าวันที่ 31 ก.ค.
- ดัชนี SET วานนี้ -0.50% ปริมาณการซื้อขาย 3.4 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 405 บ. ต่างชาติขาย 225 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 139 ลบ. รายย่อยซื้อ 769 ลบ. ดัชนีปรับลดลงตามกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเชียเหนือ หลัง Tesla, Alphabet รายงานผลประกอบการต่ำกว่าคาด ส่วนกลุ่มเกษตร & อาหารก็ปรับลดลงระหว่างรอตัวเลขส่งออกไทย มิ.ย.คาด +2% ชะลอตัวจาก พ.ค.+7.2% YoY และกลุ่มไฟแนนท์ -1.56% จากความกังวล NPL มีแนวโน้มสูงขึ้นและยังต้องกันสำรองหนี้เสี่ยในระดับสูงต่อไป ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ ค้าปลีก +0.65% ตอบรับโครงการดิจิทัล วอลเล็ตที่เริ่มลงทะเบียนใน ส.ค. และกลุ่มบรรจุภัณฑ์ +1.26% หลัง SCGP รายงานกำไร Q2/67 อยู่ในภาวะทรงตัว โดยภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่หนุน และรอรายงานกำไร บจ.ซึ่งจาก Bloomberg Consensus จำนวน 124 บริษัท คาดกำไร Q2/67 +10% QoQ, +42% YoY ส่งผลให้บวกในด้าน Downside Risk ของดัชนีน่าจะจำกัดจากแนวโน้มกำไรที่เติบโต
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,285 – 1,290 แนวต้าน 1,300 ประเมินดัชนีทรงตัวในช่วงวันหยุดปลายสัปดาห์ และรอการทยอยรายงานงบ Q2/67 ของกลุ่ม Real Sector แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวกลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT,DOHOME/ ท่องเที่ยว MINT,CENTEL / ไอซีท๊ ADVANC,THCOM
- PRM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.25 บาท) แนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีคาดเติบโต YoY ได้ทุกไตรมาส หนุนจากรายได้เพิ่มขึ้นของธุรกิจ Offshore support (OVS) เรือ AWB ใหม่เริ่มให้บริการตั้งแต่กลางเดือน ม.ค.และจะมีเรือ Hybrid Crew Boat ใหม่อีก 2 ลำ เริ่มให้บริการในช่วงปลาย 1Q67- ต้น 2Q67 ส่วนธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ (COC) และธุรกิจขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีเหลว (PCT) จากเรือ VLCC และเรือปิโตร 2 ลำ ผ่านช่วง dry dock ส่วนธุรกิจ FSU U-rate อยู่ในระดับสูงและมีแผนซื้อเรือเพิ่มในช่วง 2H67 ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67 ที่ 2 พันล้านบาท แม้ชะลอลงจากปีก่อนที่มีกำไรพิเศษจากการขายเรือ แต่หากถ้าคิดกำไรปกติจะยังคงมีการเติบโต รวมถึงมีแผนที่ตัดหุ้นจากโครงการซื้อหุ้นคืนทั้งหมดจะทำให้ EPS เพิ่มขึ้น 8%
- KCG* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 12.53 บาท) แนวโน้มการดำเนินงานยังมีปัจจัยหนุนต่อเนื่อง YoY จาก 1.ศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า KCG Logistics Park ที่เริ่มเปิดใช้งาน(คาดช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการเช่าคลังข้างนอกปีละราว 50 ลบ.) 2.ระดับราคาต้นทุนวัตถุดิบหลัก(เช่น แป้งสาลี, น้ำมันปาล์ม, น้ำมันเนย) ที่ยังอยู่ในระดับไม่สูงเกินไป 3.การปรับปรุง Production line ให้เป็น automatic มากขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของ KCG* เองวางเป้ารายได้ปี67นี้ +10%YoY และ ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ KCG* จะอยู่ที่ระดับ 380 ลบ.(+24.33%YoY) และ 439 ลบ.(+15.43%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ก.ย. +$0.69 อยู่ที่ $78.28 / บาร์เรล, Brent ก.ย. +$0.66 อยู่ที่ $82.37/บาร์เรล ได้แรงหนุนหลังรายงาน US GDP Q2/67 +2.8% & คาด +2.1% QoQ เป็นปัจจัยช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมัน
Gold Update(-) Comex Gold ส.ค.-$62.20 อยู่ที่ $2,353.50/ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไรก่อนรายงาน US PCE มิ.ย. ในช่วงค่ำวันนี้ เพื่อประเมินโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย.
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +14.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -6.22 ล.ดอลลาร์สหรัฐ, ซื้อหุ้นอินโดฯ +24.48 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -3.5 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 36.23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงตัวอยู่ที่ 4.247%
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -30 จุด อยู่ที่ 1,834
(+) BitCoinเช้านี้ +2.84% อยู่ที่ 66,307 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
31 ก.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย
สัปดาห์ที5 สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
ต่างประเทศ
26 ก.ค. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (มิ.ย.)
US ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (มิ.ย.)
30 ก.ค. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี ( ก.ค.)
US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs (มิ.ย.)
31 ก.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ( ก.ค.)
EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ก.ค.)
US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ก.ค.)
01 ส.ค. US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC
US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ก.ค.)
02 ส.ค. US อัตราการว่างงาน ( ก.ค.)
US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( ก.ค.)
US อัตราการว่างงาน ( ก.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio July 2024: GFPT*, SAPPE*, BH, BTG*, KLINIQ
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th