Today’s NEWS FEED

News Feed

ฟิทช์ ปรับลดอันดับเครดิต FNS Holdings เป็น CCC-(tha) นำอันดับเครดิตออกจากเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ

203

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (25 กรกฎาคม 2567 )-----บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ หรือ FNS) เป็น CCC-(tha) จาก B-(tha) และลดอันดับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) เป็น C(tha) จาก B(tha) ในขณะเดียวกันอันดับเครดิตทั้งหมดของบริษัทฯ ถูกนำออกจากเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ (Rating Watch Negative)

การปรับลดอันดับเครดิตสู่ระดับ CCC-(tha) สะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ในการจัดหาเงินกู้ใหม่เพื่อใช้ชำระคืนหนี้เดิม (Refinance) ที่จะถึงกำหนดชำระในระยะเวลาอันใกล้ และความยืดหยุ่นทางการเงินที่อ่อนแอ ในการชำระคืนหุ้นกู้ของบริษัทลูกที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนกันยายน และเดือนตุลาคม ปี 2567 การขายสินทรัพย์ที่ล่าช้าทำให้ความเสี่ยงในการ Refinance ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น ฟิทช์คาดว่าบริษัทฯจะต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนอื่นๆ เพื่อชำระคืนหนี้ที่จะครบกำหนดในระยะสั้น ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการดำเนินการและศึกษาทางเลือกของแหล่งเงิน แต่ยังคงไม่มีข้อสรุป

ความเสี่ยงในการ Refinance ที่เพิ่มสูงขึ้น ยังสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย (EBITDA Interest Coverage) ของบริษัทฯ จะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่าในช่วง 2 ปีข้างหน้า สถาณการณ์ดังกล่าวจะจำกัดความสามารถของบริษัทฯ ในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ตามปกติ ฟิทช์มองว่าการที่ บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงมาก และมีกระแสเงินสดสุทธิ (Free Cash Flow) ติดลบอย่างต่อเนื่อง จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันกับสภาพคล่องของบริษัทฯ

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
สภาพคล่องที่จำกัด: ฟิทช์เชื่อว่า FNS มีสภาพคล่องในระยะสั้นที่อ่อนแอมาก จากภาระในการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนจำนวณ 500 ล้านบาทในเดือนกันยายน 2567 และ 600 ล้านบาทในเดือนตุลาคม 2567 ของ บริษัท มั่นคงเคหะการ จํากัด (มหาชน) หรือ MK ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ FNS หนี้ที่ใกล้ครบกำหนดชำระดังกล่าว และกระแสเงินสดสุทธิ (Free Cash Flow) ที่ติดลบ จะกดดันสภาพคล่องในระยะสั้นของ FNS

ทางเลือกในการ Refinance ที่จำกัด: ฟิทช์เชื่อว่า FNS มีทางเลือกในการ Refinance ที่จำกัดหลังจากที่บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการขายสินทรัพย์ภายในกรอบเวลาที่เคยวางแผนไว้ ฟิทช์เชื่อว่าบริษัทฯ จะต้องการแหล่งเงินทุนอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บเงินจากตั๋วสัญญาใช้เงินจากการขายคอนโดมิเนี่ยม การขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมจากธนาคารบนหลักประกันที่มีอยู่เดิมกับธนาคาร และการเสนอขายหุ้นกู้ โดยความสำเร็จในการจัดหาแหล่งเงินทุนใหม่ดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของ FNS และสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย การที่บริษัทไม่สามารถจัดหาแหล่งเงินทุนใหม่ได้ทันเวลา อาจเพิ่มความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้

การขายสินทรัพย์ล่าช้าถึงปี 2568: FNS คาดว่าจะมีการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment property) ที่ถือโดย MK ให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (Prospect REIT) เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องในปี 2568 โดย FNS คาดว่าจะนำเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ดังกล่าว ไปชำระคืนหุ้นกู้ของ MK ที่จะครบกำหนด จำนวน 523 ล้านบาทในเดือน กุมภาพันธ์ 2568 และจำนวน 1,189ล้านบาทในเดือนมีนาคม 2568 โดยการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าว จะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหน่วยลงทุนของ Prospect REIT ในการเข้าซื้อ รวมถึงต้องมีการเพิ่มทุนใน Prospect REIT ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดหลักทรัพย์ และมีความเสี่ยงในการดำเนินการด้วย ความเสี่ยงในการดำเนินการดังกล่าว ได้เคยเกิดขึ้นในอตีตจากแผนการจำหน่ายสินทรัพย์ที่ล่าช้า เนื่องจากสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย

ธุรกิจบริการด้านสุขภาพจำกัดความช่วยเหลือของ FNS: ฟิทช์คาดว่าธุรกิจบริการด้านสุขภาพจะยังคงมีกระแสเงินสดสุทธิติดลบในช่วง12-18เดือนข้างหน้า ซึ่งจะจำกัดความสามารถของ FNS ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ MK โดย FNS ได้มีการจำหน่ายเงินลงทุนใน บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ Neo และได้รับเงินจำนวน 370 ล้านบาทในเดือนเมษายน 2567 หลังจาก Neo มีการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering, IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ฟิทช์คาดว่า FNS จะมีการจำหน่ายเงินลงทุนใน Neo ส่วนที่เหลือภายในเดือนตุลาคม 2568 โดยเงินที่ได้รับจากการขายจะถูกนำไปชำระหนี้ที่ครบกำหนดของ FNS และสบับสนุนธุรกิจบริการด้านสุขภาพที่ยังมีกระแสเงินสดสุทธิติดลบ

โครงสร้างเงินทุนที่ไม่ยั่งยืน: FNS มีอัตราส่วนหนี้สินที่สูง เมื่อเทียบกับความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน อย่างมาก การปรับลดอัตราส่วนหนี้สินอย่างมีนัยยสำคัญขึ้นอยู่กับการขายสินทรัพย์ โดยหนี้สุทธิอาจปรับตัวลดลงในปี 2568 หากบริษัทฯ สามารถขายสินทรัพย์เข้ากองทุน Prospect REIT ได้ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจาหน่าย (EBITDA Net Leverage) น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้

ความเสี่ยงจากผลกระทบต่อเนื่องจากบริษัทลูก: ฟิทช์เชื่อว่า MK มีความสำคัญต่อกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของ FNS ในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่า บริษัททั้งสอง มีการจัดหาเงินทุนที่แยกจากกัน แต่ฟิทช์เชื่อว่า ความเสี่ยงจากผลกระทบต่อเนื่องทางการเงิน (Financial Contagion) จากบริษัทลูกอยู่ในระดับสูง เนื่องจากผู้ให้กู้อาจจะพิจารณาความเสี่ยงทางการเงินของ FNS โดยรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับ MK หลังจาก FNS เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน MK นอกจากนี้ FNS มีการพึ่งพาเงินปันผลรับและการขายสินทรัพย์ของ MK ในระดับหนึ่งเพื่อทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ระดับของ FNS เอง มีความยั่งยืน

ความไม่แน่นอนที่เกี่ยวกับการดำเนินงานต่อเนื่อง: ผู้สอบบัญชีของ FNS ได้ให้ข้อสังเกตถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของ FNS ในรายงานของผู้สอบบัญชีสำหรับงบการเงินปี 2566 เนื่องจากบริษัทฯมีหนี้สินหมุนเวียนรวมสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนรวมประมาณ 1.6 พันล้านบาท ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดข้อสงสัยอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องบริษัทฯ
การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
อันดับเครดิตของ FNS อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตของบริษัทที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิตในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งสะท้อนถึงสภาพคล่องที่อ่อนแอและความเสี่ยงในการ Refinance ที่สูง

สมมติฐานที่สำคัญ
สมมติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ
- FNS โดยผ่าน MK มีแผนที่จะลดการดำเนินงานในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย โดยจะขายโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยที่เหลืออยู่ให้หมดภายในปี 2570
- Free Cash Flow ของงบการเงินรวมจะยังคงติดลบประมาณ 1.1 พันล้านบาทในปี 2567 และติดลบ 0.5 พันล้านบาทในปี 2568
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน 1.0 พันล้านบาทในปี 2567 โดยส่วนใหญ่สำหรับการพัฒนาคลังสินค้าให้เช่าซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างเป็นหลัก ซึ่งใช้วงเงินกู้ที่สัญญาไว้ (Committed)เป็นแหล่งเงินทุน

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
- บริษัทฯ สามารถชำระหนี้หุ้นกู้ได้ตามกำหนด
- บริษัทฯ สามารถขายสินทรัพย์ได้ ซึ่งทำให้สภาพคล่องของบริษัทฯ ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ปัจจัยลบ:
- บริษัทฯไม่สามารถชำระหนี้หุ้นกู้ที่ใกล้ครบกำหนดชำระได้
- มีความเป็นไปได้ที่บริษัทฯ จะผิดนัดชำระหนี้ หรืออยู่ในสถานะที่ใกล้เคียง

สภาพคล่อง
สภาพคล่องอ่อนแอ: FNS มีเงินสดและวงเงินกู้ที่ไม่สามารถเพิกถอนได้ (Committed) ที่ยังไม่ได้เบิก ไม่เพียงพอสำหรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จาก ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 จำนวนประมาณ 2.8 พันล้านบาท โดยหนี้ที่จะครบกำหนดชำระทั้งหมดเป็นของ MK การชำระคืนหนี้ดังกล่าวขึ้นอยู่กับการขายทรัพย์สิน การเรียกชำระเงินจากตั๋วสัญญาใช้เงิน การขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมจากธนาคาร และการเสนอขายหุ้นกู้ ซึ่งโอกาสในการได้รับแหล่งเงินทุนดังกล่าวนี้จะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด และยังคงมีความเสี่ยงในการดำเนินการ

ลักษณะธุรกิจ


FNS เป็นบริษัทที่ถือหุ้นในบริษัทอื่นเพื่อการลงทุน (Investment Holding Company) โดยเงินลงทุนที่สูงที่สุดของ FNS ได้แก่เงินลงทุนใน MK ในสัดส่วนร้อยละ 49.5 เงินลงทุนอื่นๆ ได้แก่เงินลงทุนในธุรกิจสินค้าอุปโภคในครัวเรือนและสินค้าเพื่อดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล ธุรกิจเครือข่ายร้านเบเกอรี่ และธุรกิจขนาดเล็กอื่นๆ ที่เป็นช่วงเริ่มต้นดำเนินธุรกิจ MK เป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่า ในเขตปลอดภาษีอากร (Free Trade Zone) ในประเทศไทย และมีแนวโน้มที่จะเป็นธุรกิจที่ FNS จะขยายในช่วง2-3 ปีข้างหน้า

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

หุ้นฝ่าต้าน By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม มองรอบของหุ้นไทย รอบนี้ ต้องฝ่าด่าน ฝ่าแนวต้าน แบบวัดกำลังเงิน ความสูงชันของดัชนี ของราคาหุ้น..

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้