ภาพตลาดและแนวโน้ม
/Market wrap & Outlook
แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
อัพเดต Sentiment การลงทุนในภูมิภาคจาก Fund Flow
ประเด็นสำคัญ:
การติดตามกระแสการลงทุน (fund flows) ใน 5 ประเทศในสัปดาห์ที่ผ่านมา มียอดขายสุทธิ 5,883 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจาก net outflow 1,302 ล้านเหรียญ โดยมีแรงขายหลักๆใน 2 ประเทศ ได้แก่ ไต้หวัน 5,401 ล้านเหรียญ และเกาหลีใต้ 625 ล้านเหรียญ ส่วน TIP market มีแรงซื้อสุทธิรวมกัน 143 ล้านเหรียญ แบ่งเป็น ไทย 49 ล้านเหรียญ อินโดนีเซีย 47 ล้านเหรียญ และฟิลิปปินส์ 48 ล้านเหรียญ
สำหรับเซคเตอร์เด่นของภูมิภาคจากการจับสัญญาณด้วย Volume Index มีดังนี้ (1) ICT/ Communication (ไทยและเกาหลีไต้) (2) Technology (อินโดนีเซีย) และ (3) Financials (อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์)
แนวโน้ม:
เซคเตอร์ไทยที่น่าจับตาในระยะสั้น (เฉพาะที่ cover ในรายงาน Flow Tracker) ได้แก่
กลุ่มที่ Volume Index มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำกว่า mid-point ได้แก่ Commerce
กลุ่มที่ Volume Index มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากระดับใกล้กรอบล่าง ได้แก่ Energy & Utilities
อัพเดต Market-timing Indicator (เฉพาะตลาดหุ้นไทย):
ดัชนี SET ออกสตาร์ตดีในช่วงครึ่งแรกของเดือน ก.ค. โดยปรับตัวขึ้น 2% ก่อนที่จะเผชิญแรงกดดันจาก (1) ข่าวลบเกี่ยวกับ EA (2) การคงค่าไฟฟ้า และ (3) ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ส่งผลให้ล่าสุด SET ให้ผลตอบแทนทรงตัว ในเดือนนี้
เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังมีแนวโน้มผันผวนต่อไปในระยะสั้น จากสัญญาณของ Market-timing Indicator ดังต่อไปนี้
1 แม้ว่าดัชนี Composite Short-term จะเพิ่งฟื้นตัวจากกรอบล่าง แต่ข่าวลบได้ทำให้ Short-term Bull-to-Bear Indicator ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักอันหนึ่งปรับตัวลงจาก 43% เป็น 35% ส่งผลให้ตลาดสูญเสียโมเมนตัมในช่วงนี้
2 การปรับตัวลงของ Short-term Bull-to-Bear Indicator จะทำให้ Overnight Volatility มีแนวโน้มสูงขึ้นจากระดับ 9.2% ซึ่งใกล้กรอบล่างของการเคลื่อนไหวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
3 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากดัชนี Short-term Market Breadth ได้ปรับตัวเข้าสู่ inflection zone แล้ว จึงทำให้ SET มีโอกาสรีบาวด์จากแนวรับ 1290 จุด
สรุปภาพตลาดวานนี้
ดัชนีดิ่งแรงอีกรอบ แต่สังเกตุว่าแรงขายหุ้นกลาง-เล็ก จากความกังวลความเชื่อมั่นทั้งตลาดเงิน (หุ้นกู้-บีอี) และตลาดทุน จากควันหลงความกังวลจากงบฯ กลุ่มธนาคาร ที่เห็นสัญญาณการตั้งสำรองกลับมาเชื่อมโยง Real sector อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารที่ลงมาวันก่อน วานนี้กลับมาเป็นตัวพยุงตลาด เช่น KTB BBL KBANK ส่วนกลุ่มหุ้นใหญ่ที่มีประเด็นเฉพาะตัวอย่าง BTS ก็บวกแรงสวนตลาดขึ้นมา
แนวโน้มตลาดวันนี้
ลดความคาดหวังลง (ต่อ)
หุ้นตกเมื่อวาน แล้ววันนี้อย่าเพิ่งรีบหวังจะรีบาวด์และฟื้นทันที จากโมเมนตั้มตลาดฯ ตลอดจนเหตุและผลที่เราแจงไว้เมื่อวาน (ดูกลยุทธ์ประจำสัปดาห์) ที่เพิ่มเติมคือ วิตกภาวะตลาดหุ้นกู้ฯ ที่อาจลุกลาม จากกรณีหุ้น EA ที่เลื่อนจ่ายตั๋ว BE และไม่สามารถ Roll-over หุ้นกู้ชุดใหม่ได้ตามแผนงาน
จนกลายเป็นกระแสดราม่า ว่าจะมีบริษัทไหนอีกที่จะเดินรอยตามกลุ่ม EA ซึ่งเคยมีเคสแบบนี้มาแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อน ที่เกิดภาวะวิกฤตศรัทธา หุ้นกู้ และตั๋ว BE ที่บริษัทฯขนาดกลาง เล็ก ออกเป็นหุ้นกู้ Unrated-ไม่สามารถ Roll over และผิดนัดชำระในที่สุด นลท.ในตลาดรับรู้และเริ่มระวังความเสี่ยง (ตั้งแต่ตอนนั้น) จนผ่านไปได้ และ กลต.มีการเข้มงวดขึ้น รวมถึงตอนนี้เราเห็นมีการล้างหนี้ไปแล้วบ้าง ซึ่งไม่ได้กระทบต่อ การ Roll over ของหุ้นกู้ระดับ Investment grade แต่อย่างใดในตอนนั้น...
และรอบนี้ก็เช่นกันเรายังคงเชื่อว่าตลาดหุ้นกู้ที่มีระดับ Investment grade จะฝ่ามรสุมนี้ไปได้อีกครั้ง แต่คงต้องให้เวลา กอปรกับวันนี้ คดีถอดถอนนายกฯที่จะมีการประชุมต่อเพื่อกำหนดวันพิพากษา, น้ำมันโลกร่วง, หุ้นภูมิภาคเปิดไม่ค่อยสู้ดี อาจกลบข่าวดี แถลงเงินดิจิตอลไทย ไปเสียหมด...
เราคาดว่าโมเมนตั้มแบบนี้ ไม่เป็นผลดีกับแนวโน้มหุ้นไทยตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ด้วย ตลาดหุ้นไทยมีความอ่อนไหว (เปราะบางกับข่าวลบ) เป็นทุนเดิม หากข่าวดีงบการเงินยังช่วยให้ราคาหุ้นฟื้นไม่ได้ คงต้องปล่อยให้หุ้นไทย Consolidated อยู่ในกรอบล่าง และระมัดระวังในการ เลือกหุ้นเล่นให้มากขึ้น “ไม่ควรมอง SET โลกสวยเกินไป”
กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว เริ่มโฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้
วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ร่วงภายหลังไม่ผ่านโซนต้านหรือจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือนบริเวณ 1,330 จุด ขณะที่โมเมนตัม RSI alert! ตัดเส้น signal line ลงบ่งชี้ภาวะอ่อนแรง…เสี่ยงปรับฐาน คำถามจะลงแค่ไหน! วิเคราะห์ by ขีดเส้น support ชี้จุดรับจะอยู่ที่ 1,295 จุด หรืออาจลงทดสอบจุดต่ำสุดที่เคยทำไว้บริเวณ 1,281 จุด ดังนั้นหากดัชนีหลุด 1,300 จุด อาจปรับลงมาสู้ที่ previous low แต่ระยะสั้นๆ ขอลุ้นวันนี้ให้ฟื้นตัวกลับขึ้นปิดบวกให้ได้
Note: หัวข้อื่นๆ CPALL ปรับฐานแบบนี้ สู้ไหวหรือไม่! & แผนแก้เกมส์ BBL ได้ผล!
What to watch
ไทม์ไลน์คดี การเมือง: ศาลฯนัดพิจารณาประชุมคดีถอดถอนนายก ครั้งต่อไป 24 ก.ค. , 7 ส.ค. ศาลกำหนดวัน นัดลงมติตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล เวลาบ่าย 3 โมงเป็นต้นไป
นายกฯแถลงความคืบหน้าดิจิตอลวอลเล็ต 24 ก.ค. คาดเริ่มลงทะเบียน 1 ส.ค.นี้
ตามดู ทิศทางการเลือกตั้งในสหรัฐฯ หลังไบเดนประกาศถอนตัวชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
MS ปรับกลยุทธ์สำหรับ Asia-EM แนะ Take-profit ลดน้ำหนักกลุ่ม IT และเพิ่มน้ำหนักกลุ่ม Consumer Stable โดยมี CPALL เป็นหนึ่งในหุ้นแนะนำที่เพิ่มน้ำหนัก
หุ้นแนะนำวันนี้
CPALL เก็งกำไรหุ้นงบฯ ดีจากรายได้-อัตรากำไร แต่ราคาเพิ่งจะฟื้น และ Valuation ยังไม่สูง(S 56 R 59 SL 55)
Tactical port
ถอด SAWAD เพิ่ม CPALL
รายงานพื้นฐานวันนี้
Quantitative Strategy
คาดตลาดหุ้นไทยผันผวนขึ้น
ดัชนี SET ออกสตาร์ตดีในช่วงครึ่งแรกของเดือน ก.ค. โดยปรับตัวขึ้น 2% ก่อนที่จะเผชิญแรงกดดันจาก (1) ข่าวลบเกี่ยวกับ EA (2) การคงค่าไฟฟ้า และ (3) ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ส่งผลให้ล่าสุด SET ให้ผลตอบแทนทรงตัวในเดือนนี้ เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังมีแนวโน้มผันผวนต่อไปในระยะสั้น จากสัญญาณของ Market-timing Indicator ดังต่อไปนี้ (1) แม้ว่าดัชนี Composite Short-term จะเพิ่งฟื้นตัวจากกรอบล่าง แต่ข่าวลบได้ทำให้ Short-term Bull-to-Bear Indicator ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักอันหนึ่งปรับตัวลงจาก 43% เป็น 35% ส่งผลให้ตลาดสูญเสียโมเมนตัมในช่วงนี้ (2) การปรับตัวลงของ Short-term Bull-to-Bear Indicator จะทำให้ Overnight Volatility มีแนวโน้มสูงขึ้นจากระดับ 9.2% ซึ่งใกล้กรอบล่างของการเคลื่อนไหวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (3) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากดัชนี Short-term Market Breadth ได้ปรับตัวเข้าสู่ inflection zone แล้ว จึงทำให้ SET มีโอกาสรีบาวด์จากแนวรับ 1290 จุด
Thai Market Strategy
ฟื้นกองวายุภักษ์ ... ดัน SET ได้แค่ไหน? หุ้นอะไรได้ประโยชน์?
กระทรวงการคลังเตรียมฟื้น "กองทุนรวมวายุภักษ์" โดยจุดเด่นเป็นกองทุนการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% คาดระดมทุนขั้นต่ำ 1 แสนล้านบาท เริ่มได้ในไตรมาส 3-ต้นไตรมาส 4
ในเบื้องต้น เราประเมินว่าเงินใหม่ 1 แสนล้าน จะเข้าหุ้นประมาณ 9 หมื่นล้าน หรือประมาณ 90% ของพอร์ต (อิงจากกองวายุฯ ในอดีต เฉลี่ยช่วงปี 2003-2013) และคาดจะเข้าภายใน 1-2 เดือน ประเมิน upside ต่อ SET ราว 90 จุด หุ้นที่คาดจะเป็นเป้าหมายของกองฯ ถ้าอิงจากอดีต สัดส่วนการลงทุนจะเน้น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มรัฐวิสาหกิจ และ 2) กลุ่มธุรกิจจำเป็น (essential services) หรือ เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เช่น กลุ่มพลังงาน ธนาคาร ขนส่ง ICT วัสดุก่อสร้าง
ถ้ามีเงินใหม่เข้า มองว่าจะไปเติมหุ้นตัวที่มีอยู่แล้วในพอร์ต ได้แก่ กลุ่มพลังงาน PTT BCP กลุ่มธนาคาร SCB TTB KTB กลุ่มขนส่ง AOT กลุ่ม ICT ADVANC กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC
และหากเลือก Top Picks 3 หุ้น ที่เราเลือกมา ได้แก่ ADVANC (Synergy จาก GULF-INTUCH), GULF (New growth opportunities จากทั้งธุรกิจไฟฟ้า สื่อสาร และ BCP (Trading opportunity จาก US driving season + Hurricane season)
Commodities
ค่าการกลั่นและส่วนต่างปิโตรเคมีนำกลุ่ม
ในสัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันดิบดูไบ ลดลง $1.20 WoW เป็น $84.31/บาร์เรล (ลบต่อ PTTEP) หลังประเด็นกังวลอุปสงค์โลกที่ลดลง โดยเฉพาะจากจีนที่เศณษฐกิจดูชะลอตัว
ค่าการกลั่น (อิงสิงคโปร์) ขยายตัว $0.31 WoW เป็น $4.17/บาร์เรล นำโดยกลุ่ม Gasoline (บวกต่อ SPRC และ TOP)
ส่วนต่างราคา (Spread) ส่วนใหญ่ขยายตัว หลักๆ เป็นเรื่องต้นทุนลดลง (โดยรวมบวกต่อ PTTGC มากสุด)
ราคาถ่านหิน เพิ่มขึ้น 3% WoW ที่ $137.34/ตัน (บวกต่อ BANPU เล็กน้อย)
ค่าระวางเรือเทกอง (BDI) ลดลง 1% WoW เป็น 1,928 จุด (กดดันต่อ PSL และ TTA เล็กน้อย)
ส่วนค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ (World Container Index) เพิ่มขึ้น 1% WoW เป็น 5,937 จุด (บวกต่อ RCL เล็กน้อย)
Fundamental View: เชิงพื้นฐานเราชอบ PTTEP มากสุดสำหรับพลังงานต้นน้ำ, TOP มากสุดในกลุ่มโรงกลั่น และเห็นโอกาสเก็งกำไรในกลุ่มเดินเรือ และเห็นโอกาสเก็งกำไร RCL
OSP
โอสถสภา
อัตรากำไรหนุนไตรมาส 2 ดีกว่าคาดเดิม
เราคาดการณ์กำไรหลัก OSP น่าจะออกมาที่ 985 ล้านบาท เติบโต 90% YoY และ 19% QoQ ซึ่งดีกว่าเราและตลาดคาดไว้เดิมก่อนหน้านี้มาก มาจาก GM ที่จะพุ่งไปถึง 38.7% จาก 36.5% ใน 1Q24 และ 34.0% ใน 2Q23 เพราะ 1) ต้นทุนลง, 2) สัดส่วนขาย ตปท. สูงขึ้น (อัตรากำไรสูง) และ3) มีบริหารประสิทธิภาพต้นทุน ของสายการผลิตขวดแก้ว
อย่างไรก็ดี 2Q24 อาจจะเป็นจุดสูงสุดของปี เนื่องจากใน 3Q24 จะเป็น low season ของต่างประเทศ ทำให้ GM จะลด QoQ และกำไรลด QoQ (แต่ยังเติบโต YoY) หลังจากนั้น คาดว่า 4Q24 จะกลับมาเติบโต QoQ และ YoY เพราะในประเทศ ทั้งกลุ่มเครื่องดื่มและ personal care จะกลับมาช่วย
Fundamental view: เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาท
รายงานผลประกอบการวันนี้
SCGD
เอสซีจี เดคคอร์
(+) SCGD รายงานกำไรสุทธิ/หลัก 2Q24 ที่ 284 ล้านบาท และคิดเป็นกำไรหลักเติบโต 45% YoY และ 10% QoQ สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 31% และ 7% ตามลำดับ จาก GM ที่สูงกว่าคาด พร้อมทั้งประกาศจ่ายเงินปันผล 1H24 ที่ 0.10 บาท คิดเป็น Div. yields 1.4% ขึ้น XD วันที่ 5 ส.ค. ส่วนแนวโน้ม 3Q24 คาดกำไรหลักจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ตามปริมาณการขายกลุ่มกระเบื้องและสุขภัณฑ์ รวมทั้งอัตรากำไรดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เราหั่นประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ลง 26% เพื่อ Fine-tune ให้สะท้อนภาพตลาดที่อ่อนแอกว่าคาดไว้ก่อนหน้านี้ ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 10 บาท (จาก 12.70 บาท) แต่มองราคาหุ้นสะท้อนภาพลบไปแล้ว จึงยังให้คำแนะนำซื้อ
SCGP
เอสซีจี แพคเกจจิ้ง
(0) SCGP รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 1,454 ล้านบาท หักรายการพิเศษกำไรหลักจะอยู่ที่ 1,499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY แต่ลดลง 10% QoQ เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด พร้อมประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.25 บาท คิดเป็น Div. yields 0.9% ขึ้น XD วันที่ 6 ส.ค. แนวโน้มกำไร 3Q24 คาดขยายตัวทั้ง YoY, QoQ จากทั้งกลุ่มแพ็คเกจจิ้งและเยื่อกระดาษ จากปริมาณ-ราคา-อัตรากำไร อย่างไรก็ตาม เราปรับลดประมาณการกำไรทั้งปี 2024 ลง 7% สะท้อนส่วนแบ่งขาดทุนจาก Fajar (ที่จะเพิ่มสัดส่วนลงทุนตั้งแต่ ก.ย. 2024) และ ดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น รวมทั้งปรับราคาเป้าหมายใหม่ลงมาเป็น 40 บาท (จาก 58 บาท) โดยลดความคาดหวังการเติบโตระยะยาว (Terminal growth ลงจาก 3.5% เหลือ 2.5%) แต่ราคาที่ลงมามองสะท้อนภาพลบไปแล้ว จึงยังคงคำแนะนำซื้อ
สรุปประเด็นจาก Quick take
BEM
ทางด่วนและ รถไฟฟ้ากรุงเทพ
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยผู้บริหารมีมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
View From Fundamental: นอกจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้ว เรายังมองเห็นโอกาสของ BEM ในการพัฒนาธุรกิจผ่านการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในประเทศไทยอีกมาก เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 12.40 บาท)
TFG
ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป
คาด 2Q24 กำไรหลักสูงกว่าที่เคยประเมินไว้
เราได้อัพเดทข้อมูลผลการดำเนินงาน 2Q24 โดยข้อมูลจากผู้บริหารแสดงถึงการเติบโตของยอดขายโดยรวมจาก 1) ธุรกิจไก่และหมู เทียบ QoQ จากราคาขายที่เพิ่มขึ้น 2) ต้นทุนการเลี้ยงที่ถูกลง QoQ และ 3) ธุรกิจร้านค้า ไทย ฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต ที่ผลการดำเนินงานดีขึ้น ส่งผลให้เราคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นภาพรวมสูงขึ้น QoQ และ YoY
View From Fundamental: การฟื้นตัวของกำไรมาเร็วกว่าที่เราเคยคาดการณ์ไว้ เราจึงมองเห็น อัพไซด์ต่อประมาณการกำไรทั้งปีของเรา เราคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมายปัจจุบัน 4.40 บาท
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน