SPA : มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วใน 2H24 ขณะที่การท่องเที่ยวเริ่มคึกคัก

กำไรจะชะลอตัวลงเมื่อเข้าสู่ช่วง low season
เรายังคงมองในแง่ดีต่อกำไรหลักของ SPA สำหรับ 2Q24F โดยคาดการณ์ที่ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY จากอัตราการใช้งานพนักงานที่สูงขึ้น ท่ามกลางการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของนักท่องเที่ยว การปรับตัวลดลงของราคาหุ้น 29% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาควรสะท้อนถึงความอ่อนแอตามฤดูกาลของ SPA ใน 2Q24F และปริมาณหุ้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการจ่ายหุ้นปันผลในอัตรา 2:1 (ส่วนหนึ่งของแผนการย้าย SPA จาก MAI ไปยัง SET) แผนการขยายกิจการของบริษัทในปีนี้จะเริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคมด้วยสัญญาดำเนินการใหม่ 3 ฉบับ ด้วย 1H24F คิดเป็นประมาณ 45% ของการคาดการณ์ทั้งปี 2024F ของเรา เรายังคงรักษาการคาดการณ์ และคำแนะนำ "ซื้อ" ของเราไว้

คาดการณ์กำไรหลักใน 2Q ที่ 65 ล้านบาท (+14% YoY, -6% QoQ)
คาดว่ายอดขายจะถึง 375 ล้านบาทใน 2Q24 เพิ่มขึ้น 5% YoY จากผลของฐานที่ต่ำ แต่ลดลง 5% QoQ เนื่องจากความอ่อนแอตามฤดูกาล และไม่มีการเพิ่มสาขาใหม่ เราคาดว่าอัตราการใช้งานพนักงานจะอยู่ที่ประมาณ 80-81% ลดลง QoQ จาก 83% ใน 1Q24 แต่อัตรากำไรขั้นต้นควรจะเพิ่มขึ้นเป็น 33.0% จาก 29.3% ใน 2Q23 เนื่องจากอัตราการใช้งานพนักงานที่สูงขึ้น YoY จะปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน อีกปัจจัยบวกคือ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลยุทธ์ของ SPA ที่เปลี่ยนข้อตกลงการเช่าบางส่วนเป็นข้อตกลงแบ่งรายได้

ส่วนใหญ่ของการขยายกิจการในปี 2024 จะอยู่ในช่วง 2H24
SPA ประกาศวันนี้ว่าจะเปิดสาขา Let’s Relax ใหม่ 3 แห่งในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ที่ 1) Holiday Inn ภูเก็ต กะรน, 2) เซ็นทารา อ่าวนาง, และ 3) เซ็นทารา อันดาเทวี กระบี่ ทั้งหมดผ่านข้อตกลงสัญญาดำเนินการ นอกเหนือจากนี้ SPA ยังมีแผนที่จะเปิดอีก 3-4 สาขาใน 2H24 รวมถึงสองสาขาในกรุงเทพฯ และหนึ่งสาขาในเชียงใหม่ (เป็นการลงทุนของบริษัทเอง) ในทางกลับกัน เราคาดว่า SPA จะยุติการร่วมลงทุนใน Sleep Lab กับกลุ่มอมรา และอาจจะบันทึกผลขาดทุนเล็กน้อยจากธุรกิจนี้

เราใช้วิธี DCF เป็นฐานในการกำหนดมูลค่าที่เหมาะสม
เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ SPA โดยมีมูลค่าที่เหมาะสมคงเดิมที่ 10.50 บาท ซึ่งอิงจากวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) (ใช้ WACC ที่ 7.4% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%)