ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook
แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
Cybersecurity x AI: ฉลาดล้ำท่ามกลางภัยคุกคาม
วันนี้เราได้ออกรายงานเมกะเทรนด์ในหัวข้อความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยกล่าวถึงว่า AI จะเข้ามาสร้างผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบต่อธุรกิจความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างไร โดยมีประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้
1 AI เปรียบเหมือนดาบสองคมเพราะในแง่หนึ่ง AI ได้เพิ่มความซับซ้อนให้กับการโจมตีทางไซเบอร์ เนื่องจากสามารถสร้างเนื้อหาที่สมจริงมากขึ้น ทำให้คนถูกหลอกได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการหลอกลวงแบบ Phishing ซึ่งเพิ่มขึ้น 58% ในปี 2023 คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 มูลค่าความเสียหายจากการโจมตีทาง ไซเบอร์จะเพิ่มขึ้นเป็น 10.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือ เพิ่มขึ้นเกือบ 300% จากปี 2015 แต่อีกแง่หนึ่ง AI ก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เช่น การตรวจจับความผิดปกติ การแจ้งเตือน และการทดสอบระบบ บริษัทต่างๆ เริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์ AI สำหรับความปลอดภัย เช่น Charlotte AI ของ CrowdStrike และ Infinity AI Copilot ของ Check Point เป็นต้น
2 คาดว่าการใช้จ่ายด้าน Cybersecurity จะเติบโต 12% ต่อปีในช่วง 2024-2032 แตะระดับ 5.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2032 แม้ว่าอุตสาหกรรมไอทีโดยรวมจะชะลอตัวใน 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่การใช้จ่ายด้าน Cybersecurity ยังคงเติบโตเฉลี่ย 10-15% ต่อปี ผลสำรวจพบว่าแผนงบประมาณด้านนี้จะเติบโต 11.2% ในปี 2024 ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของงบไอทีโดยรวมที่ 3.3%
3 หลายๆบริษัทต่างให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านความปลอดภัยของข้อมูลมากที่สุดสำหรับการเตรียมพร้อมด้าน AI โดยเซกเมนต์ย่อยที่คาดว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปีนี้ ได้แก่ การจัดการระบุตัวตนและการเข้าถึง การรักษาความปลอดภัยแก่อุปกรณ์ปลายทาง และการรักษาความปลอดภัยแก่เครือข่าย นอกจากนี้ งบประมาณด้าน Cybersecurity ยังเป็นงบที่มีความเสี่ยงในการถูกปรับลดน้อยที่สุดแม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม
4 ผลประกอบการของบริษัท Cybersecurity ชั้นนำ 4 แห่งที่ถือโดย Global X Cybersecurity ETF (BUG) แสดงแนวโน้มที่ดีขึ้น โดย EBITDA รวมพลิกเป็นบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีในปี 2023 และขาดทุนสุทธิลดลงจาก 1,655.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 เหลือเพียง 28.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 ซึ่งชี้ให้เห็นถึงอัตราการยอมรับและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้น คล้ายกับกรณีของ Tesla ที่ EBITDA เริ่มเป็นบวกในปี 2016 ก่อนที่จะเห็นกำไรสุทธิเป็นบวกตามมาในอีกไม่กี่ปีต่อมา
5 BUG ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 45% นับจากต้นปี 2023 ทำให้มีโอกาสเข้าสู่วงจรของการปรับฐานคล้ายกับดัชนีหุ้นสหรัฐอื่นๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อย่างไร ก็ตาม เนื่องจากอุตสาหกรรม Cybersecurity ยังมีโอกาสเติบโตได้ดีในระยะกลางถึงยาว จึงทำให้ BUG มีโอกาสกลับมาปรับตัวขึ้นได้ใหม่ ภายหลังจากการปรับฐานนี้แล้ว (อ่านรายงานฉบับเต็ม คลิกที่นี่)
สรุปภาพตลาดวานนี้
ดัชนีปิดแบบ Sideway down แม้กลุ่ม GULF INTUCH ADVANC THCOM จะบวกนำตลาดจากดีล Amalgamation และยังมี DELTA ขึ้นด้วย แต่ก็โดนแรกกดดันของหุ้นใหญ่อย่าง AOT SCGP MINT BDMS TRUE PTTGC BBL และ EA (ลงฟอร์ต่อ) คอยกดดันแรงกว่า
แนวโน้มตลาดวันนี้
พักฐานเพื่อขึ้นต่อ
คาดดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งออกข้าง บรรยากาศลงทุนโดยรวมเริ่มผ่อนคลาย ดีขึ้นกว่าช่วงต้นสัปดาห์ หลังข่าวลบหุ้น EA และกลุ่มเริ่มสงบ ขณะที่ตลาดหุ้นได้ประเด็นดีลรวมหุ้นระหว่าง GULF+INTUCH สร้างความหวังเชิงบวกต่อ Synergy ที่จะเกิดรวมถึงโอกาสได้ปันผลพิเศษจาก INTUCH
โดยการ Rotation ยังคงเกิดขึ้นเมื่อวาน โดยพบเงินหมุนเข้ากลุ่ม ส่งออก, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, สื่อสารฯ (ADVANC INTUCH) ตลอดจนหุ้นที่มี Preview คาดการณ์กำไรเชิงบวก เช่น COCOCO HANA (ราคายังเปิดบวกได้แม้จะไม่ยืนบวกได้ทั้งวัน) ตามที่เราคาดว่าโมเมนตั้มตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ จะมีการหมุนกลุ่มเล่น และหุ้นรายตัวเลือกเล่นตาม Preview งบฯ
และระหว่างที่รอตลาดพักฐาน เพื่อขึ้นต่อ เราคงคำแนะนำ พิจารณาเลือกหุ้นตามแนวโน้มงบการเงินที่กำลังทำ “Previews” คาดการณ์กำไรไตรมาส 2 เป็นหลัก ตามมุมมองกลยุทธ์ประจำสัปดาห์ที่เรา เห็นสัญญาณบวกจากหุ้นตัวก่อนๆที่มีการ preview งบดีเกินคาด...
กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว เริ่มโฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้ม ผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้
วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ติดเส้นต้านภายหลังปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 40 จุด (low 1,390 – high 1,330) ถึงแม้จะได้แรงหนุนจาก INTUCH, ADVANC และ GULF (หุ้นขึ้นเนื่องจากดีลควบรวมกิจการ) อย่างไรก็ตามหุ้นที่ฉุดดัชนีลง ได้แก่ AOT & EA impact SET รวมกัน -1.6 จุด…ไม่เยอะ…แนวโน้มตลาดยังคาดว่าอยู่ในเส้นทาง recovery จับตาโมเมนตัม MACD รอจังหวะข้ามเส้น 0 ชี้จุดกลับตัวภาวะกระทิงรอบใหม่….อาจต้องรออีกสักหน่อย….SET แนวรับ 1,310-1,320 จุด สู้ได้โดยมีเป้าหมายรายเดือน base case อยู่ที่ 1,340 จุด.....
Note: หัวข้ออื่นๆ เช่น แผนจับคู่ซื้อขายหุ้นแบงค์ & หุ้นนิคมฯ แข่งกันวิ่ง
What to watch
ไทม์ไลน์คดี การเมือง: ศาลฯนัดพิจารณาประชุมคดีถอดถอนนายก ครั้งต่อไป 24 ก.ค. , 7 สค. ศาลกำหนดวัน นัดลงมติตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล เวลาบ่าย 3 โมงเป็นต้นไป
ครม.เศรษฐกิจ หาแนวทาง แก้หนี้ครัวเรือน เบื้องต้นมีแววให้กลับมาจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ 5% และยังต้องตามมาตรการนอกกรอบ ที่นายกส่งสัญญาณ, นายกฯแถลงความคืบหน้าดิจิตอลวอลเล็ต 24 ก.ค. คาดเริ่มลงทะเบียน 1 ส.ค.นี้
งบการเงินกลุ่มธนาคาร พฤ. นี้ BBL และที่เหลือออกวันศุกร์นี้
ครม.เห็นชอบ งานประมูลสายสีส้ม ครม. ไฟเขียว BEM ดำเนินโครงการหลังคดีสิ้นสุดในชั้นศาล เบื้องต้นจะนัดเซ็นสัญญา 18 ก.ค.นี้, และ ครม.เห็นชอบ โครงการหวยเกษียณ มีลุ้นรางวัลทุกวันศุกร์ คาดเริ่ม ต้นปี 68
สมาคม บลจ.สั่งห้ามเพิ่มการลงทุนหุ้น EA เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีแผนดำเนินงานที่ชัดเจน ส่วนผลกระทบจาก การแห่ไถ่ถอนจนปิดกองนั้น สามารถบริหารจัดการได้ และมั่นใจว่าจะไม่เกิดภาวะ ฟันด์รัน (นลท. แห่ขายหน่วยจนต้องปิดกอง)
หุ้นแนะนำวันนี้
CKคาด Backlog เพิ่มจากการเซ็นสร้าง รฟฟ.สายสีส้ม (S 19.6 R 20.5 SL 19.5)
รายงานพื้นฐานวันนี้
Quant Portfolio
อัพเดทพอร์ตการลงทุน
พอร์ตการลงทุนของเราให้ผลตอบแทน 0.1% นับจากวันที่เราออกบทวิเคราะห์ฉบับล่าสุดในวันที่ 15 ก.ค. ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยซึ่งอยู่ที่ -0.6% ในบทวิเคราะห์ฉบับนี้เรามีการปรับหุ้นในพอร์ต โดยถอดหุ้น INTUCH ILM และ TKN ออกจากพอร์ต และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น CBG COCOCO CPALL CPAXT KCE MINT OSP และ TU
Thai Market Strategy
หาหุ้นปันผลกลางปี
เข้าสู่ฤดูปันผลระหว่างกาล สำหรับหุ้นใน BLS coverage มี 23 ตัวที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลกลางปี มากกว่า 2% อยู่ใน กลุ่มธนาคาร เช่น TTB 3.6%, KTB 3%, BBL 2.7% กลุ่มโรงไฟฟ้า WHAUP 3.7% กลุ่มอสังหาฯ SIRI 4.2% กลุ่มสื่อสาร ADVANC 2.2% และกลุ่มนิคม WHA 2.2%
โดยเรา Screen เพิ่มเติม หาหุ้นเด่น 3 ตัวที่เข้าเกณฑ์ 1) ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ดี ทั้งระหว่างกาลและเต็มปี, 2) จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ [จ่ายทุกปีใน 3 ปีที่ผ่านมา], 3) จ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปี (เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง) มากกว่าอัตราเงินเฟ้อที่ 2%, 4) กำไร/รายได้ไตรมาสก่อนไม่ต่ำคาด, 5) เห็นโมเมนตั้มการปรับประมาณการณ์กำไร/รายได้ขึ้นในช่วง 1-3 เดือนที่ผ่านมา, 6) Valuations ยังมี upside และ 7) มีปัจจัยหนุนต่อใน 2H24 เช่น การใช้ไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นในนิคมฯ, Synergy จาก GULF-INTUCH, อุปสงค์เครื่องดื่มชูกำลังโตต่อ โดยแบ่งหุ้นตาม Sector ได้ ดังนี้ กลุ่มโรงไฟฟ้า WHAUP 3.7% กลุ่มสื่อสาร ADVANC 2.2% กลุ่มเครื่องดื่ม OSP 2.3%
SCB (Idea Sell)
เอสซีบี เอกซ์
ปรับคำแนะนำลงเป็น “ขาย” จากหลากหลายปัจจัยรุมเร้าในปี 2024
เราออกบทวิเคราะห์ Idea call พร้อมปรับลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น ขาย เนื่องจากเราเห็นความเสี่ยง 3 เรื่อง ได้แก่
1) แนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์จะฟื้นตัวล่าช้า โดยเฉพาะในสินเชื่อรายย่อย เช่น สินเชื่อบ้าน เช่าซื้อรถยนต์และบัตรเครดิต
2) ความเสี่ยงที่จะต้องตั้งสำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้นสำหรับสินเชื่อของ EA ที่โดน Downgrade อันดับเครดิตจาก BBB+ เหลือ BB+ ทำให้โอกาสออกหุ้นกู้ใหม่ยากขึ้น และท้ายที่สุดอาจจะทำให้แบงค์ประเมิน Credit risk เพิ่ม และจัดกลุ่มสำรองใหม่ (อาจจะขยับจาก Stage-1 ไป Stage-2 หรือ Special mention loans)
3) ความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งด้อยค่าของธุรกิจ Robinhood (แต่ก็จะทำให้ปี 2025 เป็นต้นไปไม่มีขาดทุนธุรกิจนี้ และมี Tax credit ใช้ได้ 5 ปี)
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ลง 8% ทำให้แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2024 จะอ่อนตัวลง 6% YoY และต่ำกว่าประมาณการกำไรสุทธิของตลาดราว 6% ซึ่งก็มีความเสี่ยงที่จะเห็นตลาดปรับลดประมาณการกำไรลงมาได้ใน 2H24
INTUCH (Idea Sell)
อินทัช โฮลดิ้งส์
ล็อคกำไร...
ราคาหุ้น INTUCH ที่ขึ้นมาวานนี้ จากการเก็งกำไรตามข่าวดีล GULF-INTUCH เปิดโอกาสให้สามารถ “ล็อคกำไร” ได้ เราจึงปรับลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น ขาย โดยอัปเดทประเด็นสำคัญ ดังนี้
1) หลังประกาศดีลเมื่อวาน ตลาดอาจจะเข้าใจว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นหลักของ GULF จะต้องซื้อ INTUCH บนราคา 76 บาท/หุ้น และได้ปันผลพิเศษ 4.50 บาท (ทำให้ราคาหุ้นเมื่อวานวิ่งไป 79 บาท) แต่ความจริงหากทำความเข้าใจดีลนี้ จะพบว่าในเงื่อนไขการกำหนดราคารับซื้อ เป็นราคาปิดในวันที่ 2 ตุลาคม (หรือก่อนการประชุม) และกลุ่มผู้ถือหุ้นหลัก GULF สามารถปฏิเสธที่จะซื้อได้หากราคาเข้าซื้อ INTUCH สูงกว่า 76 บาท ในทางกลับกัน หากราคาถูกกำหนดไว้ต่ำกว่า 76 บาท เช่น 72 บาท ผู้ถือหุ้นที่ปฏิเสธดีล ก็จะขายหุ้น INTUCH ได้เพียง 72 บาท และยังไม่ได้รับปันผลพิเศษ 4.50 บาทด้วย เพราะวัน XD อยู่หลังวันซื้อขาย
2) หากกังวลว่าดีลจะไม่สำเร็จ ควรขายตอนนี้: กรณีที่แย่ที่สุด หากดีลไม่ไปต่อ (ผู้ถือหุ้น INTUCH vote ผ่านไม่ถึง 75%) ก็จะไม่มีปันผลพิเศษเกิดขึ้น และราคาหุ้น INTUCH ก็จะกลับมาเทรดด้วยราคาส่วนลดจาก ADVANC หรืออาจกลับไปอยู่ในช่วง 66.5-73.9 บาท ถ้าหุ้น ADVANC ซื้อขายที่ราคา 220-230 บาท
3) หากเชื่อว่าดีลจะสำเร็จ ซื้อ GULF แทนดีกว่า: เมื่อพิจารณาบน conversion ratio แปลงสภาพเป็นหุ้นในบริษัทใหม่ ราคาปิด GULF เมื่อวานที่ 45 บาท เทียบได้ราคา INTUCH เพียง 74 บาท ดังนั้น ขาย INTUCH แล้วเข้าซื้อ GULF น่าจะเป็นตัวเลือกที่ราคาถูกกว่า
ทั้งนี้ เมื่อ INTUCH เปลี่ยนไปเป็นบริษัทใหม่ ธุรกิจจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากโทรคมนาคม กลายเป็นธุรกิจพลังงานที่มีสัดส่วนกำไรสูงกว่า และจ่ายเงินปันผลน้อยกว่า INTUCH เดิม เนื่องจากเปลี่ยนจากหุ้นปันผล ไปเป็นหุ้นเติบโต ปัจจัยเชิงพื้นฐานที่จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้เราปรับวิธีประเมินราคาเป้าหมาย (เนื่องจากราคาหุ้น INTUCH มีแนวโน้มจะแปรผันตามดีลดังกล่าว มากกว่าราคาเป้าหมายของ ADVANC ได้) ทำให้เราปรับราคาเป้าหมายลงจาก 102 บาท มาอยู่ที่ 76 บาท อ้างอิงจากราคาสูงสุดที่อาจมีคำเสนอซื้อเกิดขึ้น
Fundamental view: เราปรับลดคำแนะนำลงเป็นขาย และลดราคาเป้าหมายลงเป็น 76 บาท
SAFE
เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป
เตือนกำไร 2Q24 อาจต่ำกว่าเคยเดิม นำสู่การลดประมาณการ
หลังจากพ้นช่วงคนที่อยากมีลูกปีมังกรใน 1Q24 ที่ผ่านมา จำนวนคนที่เข้ามาเก็บไข่ใน 2Q24 ปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคม ถึงแม้ว่าตัวเลขเดือนมิถุนายน จะดีขึ้น แต่ภาพรวม ไตรมาส 2 ก็ยังคงอ่อนแอเป็นอย่างมาก ทำให้เราคาดรายได้ของ SAFE จะออกมาที่ 215 ล้านบาท ลดลง 2% YoY และ 14% QoQ จากรายได้ที่ลดลง ขณะที่ต้นทุนคงที่ (fix cost) ที่สูงของธุรกิจนี้ ทำให้กดดันอัตรากำไรของบริษัท
เราคาดกำไร 2Q24 ที่ 48 ล้านบาท ลดลง 8% YoY และ 28% QoQ ซึ่งต่ำกว่าที่เราเคยคาดจากเดิมที่จะสามารถ เติบโต YoY ได้เพราะปีก่อนก็ไม่ได้ฐานสูงเลย
ดังนั้น ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2024 ลง 10% เป็น 234 ล้านบาท โดยกำไรที่เราคาดใหม่ในปีนี้ ต่ำกว่าตลาดคาด 9% ทำให้เราเห็นโอกาสปรับลดประมาณการกำไรจากตลาด (earnings down grade flow) พอสมควร นอกจากนี้ยังคงมี downside จากตลาดจีน ที่ทางรัฐบาลจีนออกมาสนับสนุนการทำ IVF ในประเทศจีน โดยจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ (subsidy) ถึง 50% จึงมองว่ายังมี downside เพิ่มเติม จากตลาดจีนราว 5-7% หากลูกค้าชาวจีนหายไปหมด
Fundamental view: จากตัวเลขกำไรใหม่ และการเติบโตที่ลดลง ทำให้เราปรับราคาเป้าหมายใหม่ที่ 19.5 บาท ลดลงจาก 23 บาท และเรายังคงคำแนะนำ ถือ
TOP
ไทยออยล์
มองข้ามไป 3Q24 คาดเห็นกำไรกลับมาเติบโต QoQ
เราคาดกำไรหลัก 2Q24 อยู่ที่ 2,487 ล้านบาท ลดลง 24% YoY และ 65% QoQ กดดันจากค่าการกลั่นที่ลดลงและอัตรากำไรที่แคบลง อีกทั้งในช่วงไตรมาส 2 มีการหยุดเดินเครื่องโรง CDU#1 โดยค่าการกลั่นเฉลี่ยค่าที่ $3.8 ต่อบาร์เรล ลดลงจาก $4.5 ใน 2Q24 และ $9 ใน 1Q24
อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม 3Q24 คาดว่าค่าการกลั่นจะกลับมาฟื้นตัว QoQ หนุนโดยปัจจัยด้านฤดูกาล (driving season) แต่ภาพ YoY ยังคงลดลงจากฐานที่สูง นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมายังมีประเด็น Supply ตึงตัว จากกรณีเกิดเฮอริเคนฯ และยังมีการคาดการณ์ว่าอาจจะเป็นปีที่มีพายุมากกว่าปกติ โดยรวมคาดกำไรหลัก 3Q24 ลดลง YoY แต่ฟื้นตัว QoQ
Fundamental view: เรายังคงคำแนะนำซื้อ และราคาเป้าหมายที่ 68 บาท
สรุปประเด็นจาก Quick take
Global Macro Update
ยอดค้าปลีกสหรัฐดีกว่าคาด
ยอดขายปลีกของสหรัฐฯ ทรงตัวในเดือนมิถุนายน (เทียบกับการเพิ่มขึ้น 0.3% MoM ในเดือนพฤษภาคม) ดีกว่าที่ตลาดคาดจะติดลบ -0.3% โดยยอดขายน้ำมันลดลง 3% และยอดขายรถยนต์ลดลง 2.3% ขณะที่ยอดขายร้านอุปกรณ์กีฬา (-0.1%) ลดลงเล็กน้อย แต่ถูกชดเชยด้วยการเติบโตของยอดขายสำหรับร้านค้าที่ไม่มีหน้าร้าน (1.9%) ร้านวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ทำสวน (1.4%) และกลุ่มสุขภาพและการดูแลส่วนบุคคล (0.9%)
Thai Market Strategy
Quantamental stock screening
7 Star Stocks! 7 ดาวเด่นโมเมนตัมของกำไรไตรมาส 2-3
เราคัด 7 หุ้นเด่นที่มีโมเมนตัมของกำไรที่ดี โดยคาด ...
1) กำไร 2Q24 จะเติบโตดี 2) มีแนวโน้มเติบโตต่อใน 3Q24 3) อยู่ในอุตสาหกรรมที่คาดเห็นกำไรโตดี
4) กำไร/รายได้ไตรมาสก่อนไม่ต่ำคาด 5) เห็นโมเมนตั้มการปรับประมาณการณ์กำไร/รายได้ขึ้นในช่วง 1-3 เดือนที่ผ่านมา 6) Valuations ยังมี upside
Sector เด่น
อาหารและเครื่องดื่ม ITC COCOCO OSP
ค้าปลีก CPALL
สื่อสาร ADVANC INTUCH
โรงพยาบาล BH
Top pick ได้แก่ OSP COCOCO
GULF/INTUCH/ADVANC
กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ อินทัช โฮลดิ้งส์ และ แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์กับ GULF เกี่ยวกับดีลการควบรวมระหว่าง GULF-INTUCH เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อดีลดังกล่าว
View From Fundamental: เราเชื่อว่า ธุรกรรมดังกล่าวจะหนุนให้ GULF และ ADVANC แข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว และเพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนเพิ่มเติม เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ต่อ GULF (ราคาเป้าหมาย 68 บาท), INTUCH (ราคาเป้าหมาย 102 บาท) และ ADVANC (ราคาเป้าหมาย 270 บาท)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน