Market Wrap-Up
- SET วันที่ 17 ก.ค.67 ปิด -1.52 จุด อยู่ที่ 1,319.79 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,505 ลบ.สถาบันขาย 202 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 474 ลบ.ต่างชาติซื้อ 695 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 1,748 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น DELTA,ADVANC,INTUCH,CPALL,KBANK และมียอดขายสุทธิ BCP,PTTEP,SCB,BANPU,KTB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,023 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CENTEL,TISCO,TOA-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 17,968 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 39,372 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 7,957 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.59%, S&P500 -1.39%, Nasdaq -2.77% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี -3.7%,บริการสื่อสาร -2.1% และดัชนีเซมิ ฯ ในตลาดฟิลาเดลเฟีย -6.8% หลัง ปธ.ไบเดนเตรียมใช้ ม.คุมเข้มห้ามบริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.48% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี -4.5% จากแรงขายบริษัทด้านอุปกรณ์ผลิตชิป เช่น ASLM, ASM, BESI ของเนเธอร์แลนด์
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าอุปโภค, พลังาน หลังนักลงทุนสลับเม็ดเงินออกจากกลุ่มเทคโนโลยี, ผู้ผลิตชิป จากความกังวลสหรัฐจะใช้ ม.คุมเข้มการส่งออกชิปไปยังตลาดจีน โดย DJIA ได้แรงจากรายงานกำไร Q2/67 ที่ดีกว่าคาดของ UnitedHealth Group, Johnson & Johnson ขณะที่ความเห็นของคณะกรรมการเฟด คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ชี้ดอกเบี้ยสหรัฐจะลดลงในไม่ช้า โดยรอประเมินข้อมูลเศรษฐกิจในช่วง 2 – 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งเพิ่มน้ำหนักการลดดอกเบี้ยใน ก.ย.สัปดาห์นี้ติดตามรายงาน Fed Beige Book ,ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐ มิ.ย.
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตชิป เช่น ASLM -11% จากความกังวลสหรัฐคุมการส่งออกชิปไปตลาดจีน ส่วนรายงาน CPI ยูโรโซน มิ.ย. อยู่ที่ 5% YoY ตามคาด ดังนั้นการประชุม ECB วันนี้คาดจะคงดอกเบี้ยรีไฟแนนท์ที่ 4.25% ขณะที่ CPI อังกฤษ มิ.ย. ทรงตัวที่ 2.0% YoY ลดโอกาสที่ BOE จะลดดอกเบี้ยในการประชุม ส.ค.
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.45% จากความกังวลหากทรัมป์อาจจะกลับมาใช้ ม.กีดกันการค้ากับจีนด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้า กอปรความเห็นทรัมป์ให้ไต้หวันเพิ่มงบซื้อยุทโธปกรณ์ป้องประเทศ แลกกับการเป็นเจ้าตลาดชิปในสหรัฐ เพิ่มความเสี่ยงนโยบายด้านประเทศหากทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ขณะที่ ปธ.ไบเดนสั่งคุมเข้มไม่ให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐ สัปดาห์นี้รอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีนจากการประชุม Politburo
- SET วานนี้ปิด -0.12% ปริมาณการซื้อขาย 6 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 203 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 475 ลบ ต่างชาติซื้อ 695 ลบ. รายย่อยขาย 18 ลบ. โดยช่วงเช้าดัชนีปรับขึ้นได้แรงหนุนจากประเด็นข่าวการควบคุมระหว่าง GULF & INTUCH ตั้งบริษัทใหม่ด้วยการ Swap หุ้น และทำ Tender Offer ADVANC & THCOM โดยบริษัทใหม่คาดตั้งเพื่อรับรองธุรกิจ Cloud, Data Center, Visual Bank และธุรกิจเดิมโรงไฟฟ้า ซึ่งรอการอนุมัติจาการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 3 ต.ค. แต่ดัชนียังถูกกดดันจากกรณี EA ที่ขาดสภาพคล่องในการชำระหนี้ระยะสั่นปีนี้มูลค่าราว 1.7 หมื่น ลบ. กอปรกับเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้าส่งผลมายังกลุ่มปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์ ขณะที่กลุ่มขนส่ง, ท่องเที่ยวก็ปรับลดลงจากข่าวเหตุฆาตกรรมนักท่องเที่ยวเวียดนามในไทย ส่วนปัจจัยการเมืองวานนี้ ศาล รธน.นัดฟังคำวินิจฉัยกรณียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 ส.ค. และสัปดาห์หน้าวันที่ 24 ส.ค. นัดฟังคำสั่งกรณึคุณสมบัตินายก ฯ เศรษฐา ส่งผลให้ปัจจัยเสี่ยงการเมืองในประเทศเพิ่มขึ้น
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,310 – 1,315 แนวต้าน 1,330 คาดดัชนีถูกกดดันจากกลุ่มอิเล็ก ฯ ที่ปรับลดลงตาม Nasdaq แต่คาดได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และรอรายงานกำไร Q2/67 ของกลุ่มธนาคาร แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอุปโภค เช่น CPALL,CPAXT,OSP,COCOCO และเก็งกำไร SPRC,BSRC จากค่าการกลั่นสิงค์โปร์ทรงตัวที่ $4.00/บาร์เรล
- COCOCO* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 15.20 บาท) แนวโน้มยอดขายและกำไรใน 2Q67 จะกลับมาเติบโตได้ดีทั้ง QoQ, YoY หนุนจากการผ่านช่วง low season ใน 1Q67 สินค้าประเภทน้ำมะพร้าวยังคงขายดีและช่วยสร้าง GPM ให้ดีขึ้นตามU-rate และ product mixed ที่เปลี่ยนไป ขณะที่อาหารสัตว์เลี้ยงพลิกเป็นกำไรได้ตั้งแต่ 1Q67 แล้ว ส่วนทิศทาง 2H67 มีโอกาสดีขึ้นต่อเข้าช่วงฤดูร้อนของสหรัฐฯ ยุโรป รวมถึงขยายไลน์สินค้าใหม่กลุ่มน้ำมะพร้าวแบบกระป๋องและขวด PET ไอศกรีมผลไม้ เข้าตลาดจีนเพิ่ม ทั้งนี้บริษัทคาดรายได้ปีนี้เติบโต 30-40%YoY เป็นไปตามทิศทางของคำสั่งซื้อที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประเมิน U-rate 64% และสิ้นปี 67 กำลังการผลิตสินค้าน้ำมะพร้าวสูงสุดจะอยู่ที่ 95 แสนตัน/ปี มองรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท ภายใน 3 ปี (2569) ทั้งนี้จาก Consensus ตลาดคาดกำไรปี 66-67 ที่ 920 ล้านบาท +70%YoY และ 1.28 พันล้านบาท +39%YoY
- GFPT* (ซื้อเก็งกำไร/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 15.00 บาท) กำไรสุทธิงวด 1Q67 +QoQ +YoY ปัจจัยบวกหลัก คือ เนื้อไก่แปรรูปส่งออกที่ Volume ขาย +20.3%YoY(+กลุ่มลูกค้า UK/EU) ขณะที่ฝั่ง Equity Icome +115%YoY จากการส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุกของทั้ง GFN และ McKey ด้านการดำเนินงาน 2Q67 คาดว่าจะยังอยูในเกณฑ์ดี มูลค่าการส่งออกของไทยเดือนเม.ย.-พ.ค.67 ไก่สด+2%YoY(คิดเป็น 63%เทียบ 1Q67) ไก่แปรรูป+21%YoY(คิดเป็น 72%เทียบ 1Q67) ส่วนราคาขายไก่ไทยยังมีแนวโน้มที่ดี ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ GFPT* จะอยู่ที่ระดับ 1,625 ลบ.(+18.1%YoY) และ 1,732 ลบ.(+6.6%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ส.ค. +$2.09 อยู่ที่ $82.85 / บาร์เรล, Brent ก.ย. +$1.35 อยู่ที่ $85.08/บาร์เรล ได้แรงหนุนหลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 4.9 ล.บาร์เรล ลดลงมากกว่าที่ 3 หมื่น บาร์เรล สัญญาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุน Dollar Index อ่อนค่า -0.50% อยู่ที่ 103.747
Gold Update(-) Comex Gold ส.ค.-$7.90 อยู่ที่ $2,459.90/ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไรหลังราคาทองคำปรับขึ้นแรง รับคาดการณ์เฟดอาจลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +26.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +19.35 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -4.71 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +12.28 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 35.985 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.171 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -52 จุด อยู่ที่ 1,890
(-) BitCoinเช้านี้ -1.41% อยู่ที่ 64,567 ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ส่งออกญี่ปุ่น มิ.ย. 5.4% & คาด 6.4% & พ.ค. 13.5% YoY
Economic Calendar
ในประเทศ
20 พ.ค. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/67
31 พ.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ,การค้าชายแดน
และการค้าผ่านแดน
สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
20 พ.ค. US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
22 พ.ค. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (เม.ย.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
23 พ.ค. US รายงานการประชุมของ FOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( พ.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( พ.ค.)
US ยอดขายบ้านใหม่ (เม.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio May 2024: GFPT*, SAPPE*, OSP*, ITC*, ICHI*, CPALL
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th