Thailand Healthcare
ผลตอบรับจาก Roadshow: ภาพรวมดูดี แต่มีบางประเด็นที่นักลงทุนกังวล
คงมุมมองเชิงบวกเลือก BH เป็นหุ้นเด่น (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 310 บาท)
เราได้พูดคุยกับกองทุนในประเทศและต่างประเทศประมาณ 20 แห่ง นักลงทุนมีมุมมองเดียวกับเราว่าอุตสาหกรรมการแพทย์เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้น และมี Valuation ที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางรายมีความกังวลเกี่ยวกับ 1) ความเสี่ยงของการเติบโตของรายประกันได้ที่ช้าลงในระยะสั้น เนื่องจากบริษัทประกันเข้มงวดในการอนุมัติการเคลม 2) ความเสี่ยงของการเบิกจ่ายโรคซับซ้อน (RW >2) ของประกันสังคมที่อาจต่ำกว่าเดิม 3) ความไม่แน่นอนของการกลับมาของผู้ป่วยคูเวต แม้เรามองว่าความกังวลเหล่านี้จะเป็นปัญหาชั่วคราว และมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อประมาณการ EPS ในปี 67 แต่ก็อาจเป็นแรงกดดันต่อราคาหุ้นในระยะสั้นได้ เรายังคงเลือก BH เป็นหุ้นเด่นด้วยราคาเป้าหมายที่ 310 บาท โดยเชื่อว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากความกังวลเหล่านี้ เนื่องจากมีรายได้จากประกันน้อยที่สุด ไม่มีรายได้จาก SSO และมีผลกระทบจากผู้ป่วยคูเวตจำกัด เนื่องจากมีการปรับราคาค่าบริการชดเชยและจำนวนผู้ป่วยจากประเทศในตะวันออกกลางอื่นยังโตดี นอกจากนี้แนวโน้มกำไร 2Q67 ของ BH ยังแข็งแกร่ง ขณะที่ Valuation อยู่ที่ P/E ปี 67 ที่ 24 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนโควิดถึง -1.4SD
บริษัทประกันเข้มงวดการอนุมัติการเคลมมากขึ้น
จากการพูดคุยกับโรงพยาบาลและบริษัทประกันภัย เราพบว่าการเคลมประกันสุขภาพเข้มงวดขึ้นเล็กน้อยในเดือน พ.ค.67 ตัวอย่างเช่น หากป่วยเพียงเล็กน้อยอาจไม่ได้รับการอนุมัติให้นอน admission ที่โรงพยาบาลได้ แต่ก่อนหน้านี้อาจมีบางกรณีที่ทำได้ นอกจากนี้ค่าเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับเด็กเริ่มสูงขึ้นอย่างมากหลัง Loss ratio ที่สูงขึ้น ส่งผลให้การซื้อประกันและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลง อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าผู้ประกอบการโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งที่เราวิเคราะห์ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และการซื้อประกันสุขภาพในภาพรวมเติบโต ซึ่งจะขับเคลื่อนการเพิ่มขึ้นของรายได้จากประกันในระยะยาว
ข้อกังวลเกี่ยวกับการจ่ายของโรคซับซ้อน RW >2 ของประกันสังคม
นักลงทุนกังวลว่าการจ่ายชำระเงินสำหรับโรค RW>2 ของทางประกันสังคมอาจไม่ถึง 12,000 บาท/RW หรืออาจน้อยกว่าปีที่แล้วที่ 10,000/RW นอกจากนี้ล่าสุดมีข่าวรายงานว่ากระทรวงแรงงานมีแผนที่อาจจะลดการจ่ายสมทบของกองทุนประกันสังคมสำหรับผู้ประกันตนจาก 5% เป็น 3% ทั้งนายจ้างและลูกจ้างชั่วคร่าว 3 เดือน ทำให้เกิดความกังวลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เรามองว่ามี downside risk ที่จำกัด หลักๆที่กระทบคือ BCH โดยแม้ว่าการชำระเงิน RW>2 จะลดลงเหลือ 8,000/RW และกระทบ 2 เดือน เราประเมิน downside ต่อกำไรของ BCH ในปี 67 จะมีเพียง 2.4% หรือ 40 ล้านบาท
ความไม่แน่นอนของการกลับมาของผู้ป่วยคูเวต
ปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนว่าผู้ป่วยจากคูเวตจะกลับมาเมื่อไหร่ ทั้งนี้ประมาณการของเรามีสมมุติฐานอย่างระมัดระวังว่าจะกลับมาในช่วงปลายไตรมาส 4/67 ทำให้หากปีนี้คนไข้คูเวตยังไม่กลับมา จะส่งผลให้ผลกระทบต่อ EPS ในปี 67 จำกัดต่ำกว่า 1% นอกจากนี้เรายังเชื่อว่าสุดท้ายคนไข้คูเวตจะกลับมา เนื่องจากประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายที่น่าดึงดูดสำหรับการรักษาทั้งในเชิงของคุณภาพการให้บริการที่ดี ในราคาที่ไม่แพง โดยโควตาของพยาบาลในไทยที่คาดว่าจะลดลงเหลือ 3 โรงพยาบาลจาก 17 โรง เราเชื่อว่าผู้ประกอบการโรงพยาบาลทั้งหมดที่เราวิเคราะห์จะยังคงได้รับโควตานี้ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาล 3 อันดับแรกที่มีรายได้จากผู้ป่วยคูเวตสูงสุด ซึ่งหากคนไข้คูเวตกลับมาจะส่งผลให้การแข่งขันน้อยลงในระยะยาว