Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

408

 

สัญญาณ FUND FLOW ดูดีขึ้น
จากตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ ซึ่งออกมาสูงกว่าคาดอยู่ที่ 4.1% เป็นตัวเพิ่มโอกาสที่จะเห็น FED ปรับลดดอกเบี้ย โดย FEDWATCH TOLLแสดงโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบ ก.ย.67 สูงถึง 72% ส่วนบ้านเราอัตราเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. ออกมาต่ำกว่าคาดที่ 0.62% YOY ขณะที่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจครึ่งหลังของปี 2567 ทำให้โอกาสที่ กนง. จะปรับดอกเบี้ยในปี 2567 แทบจะไม่มี ภาพทิศทางดอกเบี้ยดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ย สหรัฐฯ-ไทย แคบลง ซึ่งน่าจะทำให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD ถือเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทาง FUND FLOW ที่มีโอกาสไหลกลับเข้ามา ซึ่งเราเริ่มเห็นปรากฎผ่านการ NET BUY ในตลาดหุ้น และ LONG ใน FUTURE ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวน่าจะทำให้SET INDEX มีทิศทางที่ดีขึ้นโอกาสที่จะเห็น FUND FLOW เริ่มไหลกลับเข้ามามีมากขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่อ SET INDEX วันนี้ประเมินกรอบ 1306 –1320 จุด หุ้นTOP PICK วันนี้เลือก BEM, GULF และ KBANK


ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอ่อนแอ FED ความหวัง ลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น
ศุกร์ที่ผ่านมามีรายงานตัวเลขสำคัญของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย.67 อาทิ
• ค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงขยายตัว +3.9% ตามคาด ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ 4.1%YOY
• การจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 206,000 ตำแหน่ง ซึ่งปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนที่ 218,000 ตำแหน่ง
• อัตราการว่างงานปรับตัวสูงขึ้นเป็น 4.1% ทำจุดสูงสุดในรอบ 2 ปี

ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณอ่อนแอลงต่อเนื่อง ทำให้โอกาสที่จะเห็นFED ปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ มีความหวังเพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดผลการสำรวจของFED WATCH TOOL เผยคาดการณ์ว่า FED จะลดดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมรอยเดือน ก.ย. 67 นี้ มีน้ำหนักมากขึ้นเป็น 72% (เดิม 66%)

กดดัน BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ ย่อตัวลงมา 17 BPS. ในช่วง 1 สัปดาห์ จนล่าสุดอยู่ที่ 4.29% หนุนให้ส่วนต่าง BOND YIELD 10 ปี ไทยสหรัฐแคบลง และบาทแข็งค่ขึ้น ถือเป็น MOMENTUM ให้ FUND FLOW ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงหุ้นไทย
เพิ่มขึ้นได้

ความคาดหวัดจุดเริ่มต้นดอกเบี้ยขาลงสหรัฐฯในช่วง ปลาย 3Q67 นี้ เชื่อว่าจะส่งผลให้ BOND YIELD มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งระยะถัดไปประเมินว่าจะหนุนให้ช่องว่างระหว่าง BOND YIELD 10Y ของสหรัฐฯ – ไทย มี GAP ที่แคบลงเรื่อยๆ ทำให้ปัจจัยที่เคยกดดันให้ FUND FLOW ไหลออกลดลง และน่าจะช่วยให้เงินบาทมีโอกาสชะลออ่อนและแข็งค่าขึ้นได้ในช่วงเวลาต่อจากนี้

 

เงินเฟ้อชะลอตัว ส่งผลเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น
กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อ เดือนมิ.ย.อยู่ที่ 108.50จุด +0.62%YOY ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +1.54%YOY และ ต่ำเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนจาก 8 ประเทศ ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจาก ผลกระทบจากฐานต่ำของค่ากระแสไฟฟ้าในเดือนก่อนหน้าสิ้นสุดลง ประกอบกับราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดสูงขึ้นในอัตราชะลอตัว ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (CORE CPI) ในเดือน มิ.ย.อยู่ที่ระดับ 104.73จุด +0.36%YOY ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.39%YOY เช่นกันขณะที่เงินเฟ้อใน 3Q67 มีแนวโน้มอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ 2Q67 (+0.78%YOY) โดยทั้งปี 2567 กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อยู่ระหว่าง 0.0-1.0% (ค่ากลาง 0.5%) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้งซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยปรับขึ้น หลัง ตัวเลข CPI ออกมาต่ำคาด โดยล่าสุดอยู่ที่ 1.88% (ดอกเบี้ย 2.5% - เงินเฟ้อ 0.62%) ซึ่งถือว่าเริ่มสูงกว่าหลายประเทศอาทิ ยุโรป 1.75% , จีน 1.20%, เกาหลีใต้1.10% เป็นต้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าว อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ FUND FLOW ชะลอการไหลออกได้ และหนุนให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคต

ประเด็นดังกล่าว ยิ่งเป็นแรงเสริมให้ ธปท. คงดอกเบี้ยในนี้ไว้ที่ระดับเดิม 2.50% โดยธปท. แสดงจุดยืนเดิมในเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ 2.5% เป็นระดับที่เหมาะสมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเสถียรภาพการเงินของบ้านเรา อีกทั้งเงินเฟ้อไทยยังค่อยๆ ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1-3% ตามการมาของDIGITAL WALLET ในช่วง 4Q67

ส่วนหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์และควรทยอยเก็บในช่วงเวลานี้คือ หุ้นกลุ่มอาหาร-ค้าปลีก/ค้าส่ง อาทิ ITC, TU, CPALL, CBG, ICHI, OSP, TFG, BTG,CPAXT, BJC เป็นต้น

สรุป หลังจากตัวเลข CPI ที่ออกมาชะลอตัว ส่งผลให้ REAL YILED เพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดคาดว่า กนง.อาจยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในปีนี้ โดยมองเป็นระดับที่เหมาะสมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเสถียรภาพการเงินของบ้านเรา จึงทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าระยะถัดไป และลุ้น FLOW ต่างชาติไม่ไหลออกจากบ้านเราไปมากกว่านี้

FUND FLOW มีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นใน 2H67
ในช่วงปี 2023 ถึงกลางปี 2024 ส่วนต่างของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ สูงกว่าไทยมากขึ้นเรื่อยๆ (ในอดีตไทยสูงกว่าสหรัฐฯ) กดดันให้เม็ดเงินจากหลายส่วนไหลออกจากไทย ทั้งจากบัญชีค่าเงินต่างประเทศ FCD ที่เพิ่มขึ้นกว่า 4 แสนล้านบาท เม็ดเงินไหลเข้ากองทุนต่างประเทศ FIF เพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน


ประเด็นดังกล่าวยังกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามา 13% ส่งผลให้พอร์ตหุ้นและตราสารหนี้ของต่างชาติขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเยอะ นอกจากจะขาดทุนในหุ้นถึง 22%ทำให้ต่างชาติเร่งขายหุ้นไทยออกมาเยอะถึง 3 แสนล้านบาท และขายตราสารหนี้ออกมา 2 แสนล้านบาท ในช่วงเวลาดังกล่าว


อย่างไรก็ตามในระยะถัดไปเห็นโอกาสที่ FUND FLOW จะไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยช่วง 2H67 ดังนี้

ระยะสั้น -> เริ่มต้นช่วง 2H67 (1 –5 ก.ค. 67) พอมีกฏ UPTICK RULE เห็นปริมาณปริมาณการ SHORT SELL เหลือเฉลี่ย 1,509 ล้านบาทต่อวัน (คิดเป็นสัดส่วนต่อมูลค่าซื้อขาย12.88%) ลดลงจากเดือนก่อนที่ 6,174 ล้านบาทต่อวัน (คิดเป็นสัดส่วนต่อมูลค่าซื้อขาย 4.47%) ต่อมาคือ แรงซื้อผ่าน NVDR ที่พุ่งขึ้นมาเป็น 4.8 พันล้านบาท พลิกจากเดือนก่อนที่ขายสุทธิหนัก -1.5 หมื่นล้านบาท แรงขายทางตรงจากต่างชาติก็ลดลงเหลือ -845 ล้านบาท สุดท้ายต่างชาติซื้อสุทธิ SET50 FUTURES53,946 สัญญา แตกต่างจากเดือนก่อนที่ขายสุทธิ 72,813 สัญญา


ระยะยาว -> ในไตรมาสที่ 3 หลายๆ ประเทศมีโอกาสลดดอกเบี้ยต่อ โดย FEDWATCH TOOL คาดปีนี้ FED ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง เหลือ 5% ปีหน้าลด 3ครั้ง เหลือ4.25% ลดช่วงต่างของดอกเบี้ยไทยและ BOND YIELD ที่ยังทรงๆ ให้เกิดส่วนต่างที่มันแคบลง หนุนให้ค่าเงินบาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่าในระยะกลางถึงยาว หนุน FUNDFLOW มีโอกาสไหลกลับมา เพราะ ต่างชาติมีโอกาสได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม VALUATION ตลาดหุ้นไทยถูกพอดี และแนวโน้มเศรษฐกิจมีโอกาสค่อยๆ ฟื้นตัวทีละนิด

 

ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงทำการคัดกรองหุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่า และหุ้นที่ถูกซื้อขายผ่าน NVDR เยอะสุด 20 อันดับแรก ดังตารางทางด้านล่าง น่าจะเป็นเป้าหมายของFUND FLOW ในช่วงนี้

แนะนำหุ้นพื้นฐานที่ต่างชาติซื้อผ่าน NVDR เยอะ และบางตัวยังได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่า PTTEP, BBL, CPALL, KBANK, GPSC, BGRIM, TOP, CRC, PLANB, BEM


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้