News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

9 ก.ค. 2567 09:21:39 565

Market Wrap-Up

SET วันที่ 8 ก.ค.67 ปิด +10.51 จุด อยู่ที่ 1,322.50 จุด มูลค่าการซื้อขาย 31,299 ลบ.ต่างชาติซื้อ 383 ลบ.สถาบันซื้อ 853 ลบ.รายย่อยขาย 670 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 2,048 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น CPALL,CPF,PTTEP,PTT,SCC และมียอดขายสุทธิ EA,DELTA,MINT,BTS,AP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,124 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ RBF,THG,KTC-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 1,969 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 48,007 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 92 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.08%, S&P500 +0.10%, Nasdaq +0.28% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +0.72%,วัสดุ +0.28% ขณะที่กลุ่มบริการสื่อสาร -1.0%, พลังงาน -0.59% ส่วนเฟดนิวยอร์คคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐ 1 ปีข้างหน้าที่ 3.0% & เดิมคาด 3.2% YoY ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.03% กลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ -1.1% ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ ขณะที่ยอดส่งออกเยอรมัน พ.ค. -3.6% & เม.ย. +1.7% YoY

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500, Nasdaq ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี & ผู้ผลิตชิป หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ มิ.ย. มีสัญญาณชะลอความร้อนแรง ส่งผลให้ CME Fed Watch ชี้โอกาส 72.7% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ใน ก.ย. นี้ โดยสัปดาห์นี้ 9 – 10 ก.ค. ปธ.เฟดจะแถลงนโยบายเศรษฐกิจ & การเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรส ซึ่งตลาดคาดหวัง ปธ.เฟดจะส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลายเพิ่มมากขึ้น และวันพฤหัสรายงาน US CPI มิ.ย. คาดที่ 1% & พ.ค. 3.3% YoY รวมถึงการเริ่มรายงานกำไร Q2/67 ของ Pepsi, Delta Airline และกลุ่มธนาคารเช่น JP.Morgan, Citi Group, Wells Fargo
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง นำโดย CAC-40 ฝรั่งเศส -0.63% หลังผลการเลือกตั้งพรรคฝ่ายซ้าย (NFP) ได้ 188 ที่นั่ง, พรรคฝ่ายกลางของ ปธ.มาครงได้ 161 ที่นั่ง และพรรฝ่ายขวา (RN) ของนางเลอเปนได้ 142 ที่นั่ง ส่งผลให้ไม่มีพรรคใดสามารถครองเสียงข้างมากในสภา ฯ ซึ่งอาจส่งผลลบต่อการบริหารประเทศ และหุ้นกลุ่มธนาคารฝรั่งเศส เช่น บีเอ็นพี พาริบาส -1.7%, โซซิเอเต้ เจเนราล -1.2%
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่วานนี้ปรับลดลง จากแรงขายทำกำไรหลังสัปดาห์ก่อน +1.7% WoW รับคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ก.ย. โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.93% ถูกกดดันจากการเรียกภาษีนำเข้าสินค้าจีน, รถยนต์ EV จากทางฝั่งสหรัฐ & ยุโรป และรอการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนวันที่ 15 – 18 ก.ค. ในการขอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยวันพรุ่งนี้ติดตาม CPI จีน มิ.ย. คาด 0.4% & พ.ค. 0.3% YoY และ PPI จีน มิ.ย.คาด -0.8% & พ.ค. -1.4% YoY เพื่อประเมินการฟื้นตัวของกำลังซื้อผู้บริโภค & ผู้ผลิตของจีน
SET วานนี้ปิด +0.80% ปริมาณการซื้อขาย 1 หมื่น ลบ สถาบันซื้อ 853 ลบ.ต่างชาติซื้อ 383 ลบ. รายย่อยขาย 670 ลบ พอร์ตโบรกขาย 566 ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มค้าปลีกตอบรับความคืบหน้าโครงการดิจิทัล วอลเล็ตที่นายก ฯ จะแถลงในวันที่ 24 ก.ค. และเตรียมนำเข้าสู่การพิจารณา ครม. วันที่ 30 ก.ค. ซึ่งคาดจะสามารถเบิกจ่ายเงินได้ราว Q4 นี้ โดยสภาฯ พัฒน์คาดจะช่วยดัน GDP ได้ราว 0.25% จากปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลบวกไปยังกลุ่ม Domestic Play อืนๆ ด้วย เช่น อาหาร & เครื่องดื่ม ส่วนการประชุม ครม.วันนี้ติดตามการนำเกณฑ์การปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG เข้าพิจารณา ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อเม็ดเงินใหม่ที่เข้าสู่ในตลาดหุ้นไทยในช่วง Q3 – Q4 นี้ ประเด็นที่ต้องติดตาม วันพรุ่งนี้ศาล รธน.นัดฟังคำสั่งกรณีคุณสมบัตินายก ฯ เศรษฐา หากไม่มีการไต่สวนเพิ่มเติม มีโอกาสที่ศาล รธน.อาจนัดฟังวินิจฉัยกรณีได้ใน ส.ค.นี้

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,310 – 1,315 แนวต้าน 1,330 คาดดัชนีได้ปัจจันหนุนจากคาดเฟดจะลดดอกเบี้ย และเม็ดเงินใหม่จากกองทุน Thai ESG โดยอาจเลือกขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้าน แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอุปโภค เช่น CPALL,CPAXT, OSP,CBG, NEO ได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นการบริโภค/ ส่งออกอาหาร CPF,GFPT,ITC,STA ได้แรงหนุนจากยอดส่งออก/ ไอซีที ADVANC,TRUE,INSET จากการลงทุนด้าน Data, AI
CKP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.70 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q67-3Q67 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จากสถิติปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อน NN2 เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล เช่นเดียวกับปริมาณน้ำโขงที่ผ่านเขื่อนไซยะบุรีเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศจีนมีการเร่งระบายน้ำออกมามากขึ้น ทั้งนี้ 2H67 คาดปรากฎการณ์ La Nina จะเริ่มเด่นชัดขึ้นส่งผลบวกต่อปริมาณน้ำฝน ส่วนโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง (LPCL) ที่ CKP ถือหุ้น 50% กำลังผลิตไฟฟ้ารวม 1,460MW กำหนด COD ขายไฟฟ้าให้ กฟผ.ปี 2573 อิงจาก Consensus ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 83 พันล้านบาท (+25%YoY) และ 2.08 พันล้านบาท (+14%YoY)
ITEL* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 3.60 บาท) ภาพการดำเนินงานในช่วง 2Q67 อาจมีผลกระทบจากความล่าช้าในการผ่านงบประมาณปี2567 อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม คาด 2H67 จะเริ่มเห็นประมูลงานใหม่ๆเพิ่ม โดย ณ สิ้น มี.ค.67 บ.มี backlog ที่ 2,471 ลบ.(คาดรับรู้ในปีนี้ 1,390 ลบ.) นอกจากนี้ ITEL* ยังมีปัจจัยบวกปีนี้เพิ่มเติมจาก 1.การเริ่มรับรู้รายได้จาก GLS(Health Tech) และ 2. story จากการ Spinoff BLUE (ผู้ให้บริการ System Integration ด้าน ICT) ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ ITEL* จะอยู่ที่ระดับ 323 ลบ.(+18.70%YoY) และ 364 ลบ.(+12.69%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ส.ค. -$0.83 อยู่ที่ $82.33 / บาร์เรล, Brent ก.ย. -$0.79 อยู่ที่ $85.75/บาร์เรล จากข่าวการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา และผลกระทบจากพายุเบริลส่งผลให้โรงกลั่น, ท่าเรือ, เที่ยวบินปิดทำการ ส่งผลลบมายังอุปสงค์น้ำมัน

Gold Update(-) Comex Gold ส.ค.-$34.20 อยู่ที่ $2,363.50/ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.12% อยู่ที่ 105.0 และแรงขายทำกำไร หลังราคาทองคำสัปดาห์ก่อนปรับขึ้นรับข่าวบวกคาดเฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย.

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +4.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +10.54 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -8.47 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +2.45 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 36.43 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.275 %

(-) ดัชนี BDI ปิด -26 จุด อยู่ที่ 1,940

(+) BitCoinเช้านี้ +3.05% อยู่ที่ 56,770 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

09 ก.ค. ตลท.) แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

สัปดาห์ที2 หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดตสถานการณ์ลงทุน

ต่างประเทศ

09 ก.ค. US คำแถลงการณ์ของพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ 10 ก.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ

11 ก.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (มิ.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

12 ก.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) (มิ.ย.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio July 2024: GFPT*, SAPPE*, ITC*, BTG*, KLINIQ

Analysts

Apichai Raomanachai