VOLUME ยังบางมาก
แม้วานนี้จะเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากการกลับมา NET BUY ของต่างชาติ 1.3 พันล้านบาท และเปิด LONG ใน FUTURE อย่างมีนัยสำคัญแต่ภาพรวมของมูลค่าการซื้อขายรวมเบาบางอยู่ที่ 2.76 หมื่นล้านบาททำให้สัญญาณบวกที่เกิดจากการซื้อของต่างชาติถูกลดทอนลงไป ส่วนปัจจัยแวดล้อมเช้านี้ ECONOMIC INDICATOR ในสหรัฐและจีน ส่งสัญญาณชะลอตัวลงมาเล็กน้อย ทำให้ถูกคาดหมายว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED น่าจะเกิดขึ้นในการประชุมรอบเดือนก.ย.67 โดยที่ FED WATCHTOOLแสดงความน่าจะเป็นที่ 66%ในอีกมุมหนึ่งเห็นราคาน้ำมันเมื่อคืนขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เชื่อว่าน่าจะมี UPSIDEจำกัด ทั้งนี้เกิดจากภาพ DEMAND ที่แผ่วบางลง ส่วนในประเทศรอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนที่ DIGITAL WALLETจะถูกใช้งานแม้จะเริ่มเห็นการกลับมา NET BUY ของต่างชาติ แต่สถานการณ์ยังไม่น่าจะนิ่ง ทำให้ SET INDEX ยังน่าจะมีโอกาสผันผวนได้ต่อ คาดกรอบ1287 –1305 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BDMS, BEM และ ITC
ตัวเลขเศรษฐกิจอ่อนแอ ส่งสัญญาณอะไรบ้าง ?วานนี้มีรายงานตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจสหรัฐและจีน อาทิ
• ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวลง หลังการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ เดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นแค่ 150,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานยังสูงกว่าคาด ซึ่งอาจมีการว่างงานสูงขึ้น
• ภาคบริการสหรัฐฯ และจีน ชะลอตัวลง โดย PMI ภาคบริบริการเดือน มิ.ย.67 ของสหรัฐ ปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าระดับ 50 จุด ขณะที่จีนย่อตัวลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
หลักฐานเพิ่มเติ่มของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน ที่สัญญาณอ่อนแอลง สะท้อนถึงผลลัพธ์ที่คาดว่าจะตามมา ดังนี้
1. เพิ่มความหวังการปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ครั้งแรกในเดือน ก.ย. 67 โดยผลการสำรวจล่าสุดของ FED WATCH TOOL ให้น้ำหนักมากขึ้นเป็น 66%(วานนี้ 63%) นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณจาก BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ ย่อตัวลงต่อเนื่องสู่ระดับ 4.36%
2. ระยะข้างหน้าราคาน้ำมันอาจเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด หาก DEMAND โลกชะลอตัวลงตามประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงสั้นๆ ราคา
น้ำมันยังมีความผันผวน โดยวานนี้ราคาน้ำมันดิบ BRENT ดีดตัวขึ้นราว1.3% กลับขึ้นไปยืนเหนือ 87 เหรียญฯ อีกครั้ง หลังเม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น บวกกับสต็อกน้ำมันสหรัฐลดลงมากกว่าคาด จากแรงกระตุ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าพายุเฮอริเคนเบริล จะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
สรุป ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน ที่สัญญาณอ่อนแอลง เพิ่มความหวังการปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ครั้งแรกในเดือน ก.ย. 67 หนุนให้ช่วงสั้นๆ เม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง และถือเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนให้ราคาน้ำมันขยับขึ้น มองเป็น SETIMENTเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น อาทิ PTTEP PTTGC TOP BCP เป็นต้นเตรียมอนุมัติ DIGITAL WALLET พร้อมใช้เงินช่วง4Q67
วานนี้กระทรวงการคลังเปิดเผยเตรียมประกาศวันลงทะเบียน DIGITAL WALLETภายใน เดือน ก.ค.67 ผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” เพื่อยืนยันตัวตน โดยจะเปิดให้ผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนภายในระยะ 2 เดือนนับจากวันประกาศ ส่วนระบบการโอนเงินและใช้จ่ายเงินอยู่ระหว่างสรรหาผู้ดำเนินการและพัฒนาระบบฯ
โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวกำลังสะท้อนว่า โครงการ DIGITALWALLET ยังคงเดินหน้าต่อไป และน่าจะเริ่มเห็นเม็ดเงินหมุนเวียนได้ในช่วง 4Q67 จึงคาดหวังว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล หนุนให้ GDPGROWTH บ้านเราโตได้เฉลี่ยอย่างน้อย 2.8%YOY(มีโอกาสแตะระดับ 3%-4%) ซึ่งรัฐบาลคาดจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 1.2-1.6% ของ GDP ทั้งปี (TURNOVER 0.4-0.5 เท่า) ส่วนหุ้นที่คาดว่าได้ประโยชน์ คือ หุ้นกลุ่มอาหาร-ค้าปลีก/ค้าส่ง อาทิ ITC,TU, CPALL, CBG, ICHI, OSP, TFG, BTG,CPAXT, BJC เป็นต้น
อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นกดดัน FUND FLOWในไทย คือ การเมืองที่ยังไม่แน่นอน ใน2 ประเด็นหลักๆ
1. คดียุบพรรคก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญ ให้รอฟังผลตรวจพยาน 9 ก.ค.67และนัดพิจารณาคดีอีกที17 ก.ค.67
2. เลือกตั้ง สว. วานนี้ กกต. ยังไม่ประกาศรับรองเลือก สว. 200 คน เนื่องจากต้องพิจารณาคำร้องเรียนให้เสร็จก่อน โดยยังไม่ทราบวันที่แน่ชัดในการประกาศรับรองว่าสัปดาห์หน้าจะเกิดขึ้นหรือไม่
สรุป โครงการ DIGITAL WALLET มีสัญญาณที่ดีให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยเริ่มใช้ได้4Q67 ขณะที่รัฐบาลคาดจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 1.2-1.6% ของ GDP ทั้งปี(TURNOVER 0.4-0.5 เท่า) ส่วนหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ คือ หุ้นกลุ่มอาหาร-ค้าปลีก/ค้าส่ง อาทิ ITC, TU, CPALL, CBG, ICHI, OSP, TFG, BTG,CPAXT, BJCเป็นต้น
มีสัญญาณดีเล็กๆ หลัง FUND FLOW สลับเข้ามาซื้อบ้างใน 3 วันแรกของเดือน ก.ค. หลังมีการใช้กฏ UPTICK RULE มีสัญญาณบวกเล็กๆ
จาก FUND FLOW ที่สลับเข้ามาซื้อหุ้นบ้าง ดังนี้
▪ 3 วันแรกของเดือน ก.ค. สัดส่วนการ SHORT SELL ลดน้อยลง เหลือเพียง3% – 5% ของมูลค่าซื้อขายต่อวันเท่านั้น หรือเหลือปริมาณการ SHORTเพียง 1.1 –1.9 พันล้านบาทต่อวัน ลดลงอย่างมีนัยฯ จากช่วงครึ่งแรกของปีมีการ SHORT SELL เฉลี่ย 5.5 พันล้านบาท
▪ 3 วันแรกของเดือน ก.ค. เดือน ก.ค. (MTD) เดือน ก.ค. ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย 2 ใน 3 วันทำการ หรือ คิดเป็นสัดส่วน 66.67% ถือว่าดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ ซื้อสุทธิเพียง 21 วันทำการ จากวันซื้อขายทั้งหมด 120 วันหรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 17.5%
▪ 3 วันแรกของเดือน ก.ค. เดือน ก.ค. ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิ SET50FUTURES 25,485 สัญญาโดยเฉพาะวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิ SET50FUTURES สูงถึง 45,766 สัญญา เป็นปริมาณการซื้อสุทธิภายใน 1 วันที่สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของปีนี้
การกลับมาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยพยุงและผลักดันตลาดฯ หากมี MOMENTUM ต่อเนื่องสอดคล้องกับข้อมูลที่ฝ่ายวิจัยฯ ลองทำการศึกษา FUND FLOW กับ SET INDEXในช่วง 1H67 ดังนี้
▪ ในวันซื้อขายทั้งหมด 120 วัน ต่างชาติซื้อหุ้นไทย 37 วัน แต่ SET ปรับตัวขึ้นได้ 32 วัน หรือมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 86% ในวันที่ต่างชาติซื้อสุทธิ
▪ ในวันซื้อขายทั้งหมด 120 วัน ต่างชาติขายหุ้นไทย 83วัน แต่ SET ปรับตัวขึ้นได้เพียง 21 วัน หรือมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 25% ในวันที่ต่างชาติขาย
สุทธิ
▪ ถ้านำผลตอบแทนของ SET ในวันที่ต่างชาติซื้อสุทธิ 37 วันมาต่อกัน จะได้ผลตอบแทนรวมสูงถึง 18.4% (เฉลี่ย 0.5%ต่อวัน) แต่ในวันที่ต่างชาติขาย
สุทธิ 83 วันมาต่อกัน SET INDEX จะ -22.4% โดยรวมทั้ง 2 ส่วนช่วง 1H67SET -8.1%
และฝ่ายวิจัยฯ ยังทำการค้นหาให้ลึกลงไปในวันที่ต่างชาติซื้อสุทธิช่วง 1H67 หุ้นทั้งหมดใน SET50 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อวันเป็นบวกทุกตัว และมีหุ้นที่ให้
ผลตอบแทนเฉลี่ยบวกได้เด่นกว่า SET INDEX 30 บริษัท อาทิ BJC, OSP, SCGP,IVL, AWC, TRUE, AOT, GPSC, HMPRO, CPF, GLOBAL, CBG, ITC, PTTGC,DELTA รวมถึงหุ้นตัวอื่นๆ
ในเชิงปริมาณ รายชื่อขนาดใหญ่หุ้นดังกล่าว น่าจะเป็นกลุ่มหุ้นเป้าหมาย FUNDFLOW ที่น่าสะสมเพิ่มเติม หากเห็น FUND FLOW ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยชัดเจนมากขึ้น
Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์