สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 4 กรกฎาคม 2567)------บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) SSC แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่6/2567ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์ฯ”) ว่าเมื่อวันที่3 กรกฎำคม 2567 บริษัทได้รับแจ้งจากบริษัท โซวอเตอร์จำกัด (“โซ วอเตอร์”) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท และเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจจำกัด (มหาชน) (“ไทยเบฟ”) (โดย ณ วันที่6ธันวาคม2566 โซ วอเตอร์ถือหุ้นสามัญในบริษัทเป็นจำนวนทั้งสิ้น 171,954,804 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 64.67ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท) ถึงความประสงค์ของโซวอเตอร์ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของบริษัท อันได้แก่ หุ้นสามัญที่เหลือทั้งหมดจำนวน 93,945,680 หุ้นหรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ35.33ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท เพื่อการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องด้วยเหตุผลและวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(1) การเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทจะช่วยให้การบริหารจัดการและการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากการลดขั้นตอนการดำเนินการต่างๆของบริษัทในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารกิจการและการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น และนอกจากนี้ เนื่องด้วยกลุ่มไทยเบฟอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับแผนการปรับโครงสร้างการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และ/หรือเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยอาจมีการดำเนินการปรับโครงสร้างภายในและการปรับโครงสร้างของธุรกิจในด้านต่าง ๆ (ซึ่งอาจดำเนินการในลักษณะของการซื้อ จำหน่าย หรือโอนทรัพย์สินหรือสิทธิต่าง ๆการควบรวมกิจการ การโอนสิทธิตามสัญญาทางการเงิน การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือแนวทางในการดำเนินธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบริหารงาน การกู้ยืม-ให้กู้ยืมเงิน ตลอดจนการระดมทุนในรูปแบบต่าง ๆ เป็นต้น) โดยที่การปรับโครงสร้างดังกล่าวอาจประกอบด้วยการทำรายการหรือธุรกรรมระหว่างบริษัท และ/หรือบริษัทในกลุ่มไทยเบฟ ดังนั้น การเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการของบริษัทและเป็นการรองรับแผนการปรับโครงสร้างข้างต้นด้วย
ทั้งนี้ แผนการปรับโครงสร้างดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน และอาจมีการเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมในอนาคต
(2) เนื่องจากในปัจจุบันปริมาณการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีจำนวนไม่มากนัก การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทเพื่อการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทจะเป็นประโยชน์ต่อสภาพคล่องในการซื้อขำยหุ้นของบริษัท โดยเป็นการช่วยเพิ่มทางเลือกและโอกาสในการขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท
(3) เนื่องจากภายหลังการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท บริษัทจะไม่มีสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลำดหลักทรัพย์ฯอีกต่อไป การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียม และหน้าที่ต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการเป็นบริษัทจดทะเบียนด้วย
อย่างไรก็ดี ภายหลังกำรเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯบริษัทจะยังมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และจะยังคงปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการดำเนินการตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีต่อไป
สำหรับราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญของบริษัท 63.00 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาสูงสุดที่คำนวณได้ตามวิธีการกำหนดราคาเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ภายใต้ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ทจ. 12/2554 เรื่องหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ (ตามที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) (“ประกาศที่ ทจ. 12/2554”) โดยราคาดังกล่าวอาจปรับเปลี่ยนได้หากเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงต่อกิจการของบริษัทหรือมีเหตุอื่นตามที่กำหนดในประกาศที่ ทจ. 12/2554 อย่างไรก็ตามการกำหนดราคาเสนอซื้อสุดท้ายจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศที่ ทจ. 12/2554
กำหนดการประชุมผู้ถือหุ้น
เรื่อง : กำหนดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
วันที่คณะกรรมการมีมติ : 03 ก.ค. 2567
วันที่ประชุมผู้ถือหุ้น : 27 ส.ค. 2567
เวลาเริ่มประชุม (h:mm) : 09 : 30
วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record : 17 ก.ค. 2567
date)
วันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าประชุม : 16 ก.ค. 2567
วาระการประชุมที่สำคัญ :
- การเพิกถอนหลักทรัพย์
สถานที่ประชุม : ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ชั้น 2
ห้องประชุม 208-209 เลขที่ 60 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
______________________________________________________________________