News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

2 ก.ค. 2567 08:59:47 445

Market Wrap-Up

SET วันที่ 28 มิ.ย.67 ปิด -8.50 จุด อยู่ที่ 1,300.96 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,526 ลบ.ต่างชาติขาย 2,620 ลบ.สถาบันขาย 1,647 ลบ.รายย่อยซื้อ 3,486 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 2,107 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น EA,BDMS,CPALL,BBL,COM7 และมียอดขายสุทธิ BCP,ITC,TIDLOR,BJC,SCB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 6,076 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TDEX,TOA-R,KKP-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 18,184 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 99,984 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,220 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.12%, S&P500 -0.41%, Nasdaq -0.71% จากแรงขายกลุ่มสาธารณูปโภค -1.08%, บริการสื่อสาร -1.63% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ไนกี้ -19.9% จากคาดการณ์รายได้ปี 68 ชะลอตัว ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.23% กลุ่มสินค้าส่วนบุคคล -1% นำโดยลอรีอัล -3% จากคาดการณ์อุปสงค์สินค้าเพื่อความงามจะชะลอตัว และรอผลการเลือกตั้งฝรั่งเศส

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี หลังรายงาน US Core PCE พ.ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 6% & เม.ย. 2.8% YoY บ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐมีสัญญาณชะลอตัว ส่งผลให้ LSEG FedWatch ชี้โอกาส 66% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. และคาดจะลด 2 ครั้งในปีนี้ โดยประเด็นเศรษฐกิจวันนี้ติดตามถ้อยแถลงของ ปธ.เฟดในงานประชุมของ ECB และ JOLTS เผยตัวเลขเปิดรับสมัครงาน พ.ค. คาด 7.86 ล. & เม.ย. 8.05 ล.ตำแหน่งวาน, วันพุธ ติดตาม Fed Minutes มิ.ย., วันพฤหัสตลาดหุ้นสหรัฐปิดในวันชาติ และวันศุกร์รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ มิ.ย. คาด 190,000 & พ.ค. 272,000 ราย, อัตราว่างงานสหรัฐ มิ.ค. คาดทรงตัวที่ 4%
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้นนำโดย CAC-40 ฝรั่งเศส +1.09% หลังผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบแรก พรรคเนชั่นแนล เรลลี (RN) ได้คะแนนน้อยกว่าคาดที่ 33%, พรรฝ่ายซ้าย (NFP) ได้ 28% และฝ่ายกลางของ ปธ.มาครงได้ 20% ส่งผลให้การเลือกตั้งรอบ 2 วันอาทิตย์นี้พรรคฝ่ายกลางอาจร่วมมือกับพรรคฝ่ายข้าย สกัดไม่ให้พรรคฝ่ายขวาจัดของนางเลอเปน ที่นโยบายใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ค่ำวันนี้ติดตาม CPI ยูโรโซน มิ.ย. คาด 2.5% & พ.ค. 2.6% YoY และมีโอกาส 50% ที่ ECB จะลดดอกเบี้ย 0.25% ใน ก.ย.
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.92% หลัง Caixin PMI ภาคการผลิตจีน มิ.ย.ปรับขึ้นอยู่ที่ 51.8 & พ.ค. 51.7 สูงสุในรอบกว่า 3 ปี และวันพรุ่งนี้ติดตาม PMI ภาคบริการจีน มิ.ย. คาดที่ 53.4 & พ.ค. 54.0 ส่วนดัชนีนิเกอิ +0.12% ได้แรงหนุนจากกลุ่มการเงิน จากคาดการณ์ดอกเบี้ยระยะยาวจะปรับสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลบวกต่อกำไรกลุ่มสถาบันการเงิน ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นปรับลด GDP Q1/67 ลงอยู่ที่ -2.9% & เดิมคาด -1.8% YoY ส่งผลให้ตลาดคาด BOJ อาจยังไม่เร่งใข้นโยบายการเงินที่ตึงตัวเร็วเกินไป
SET วานนี้ปิด -0.12% ปริมาณการซื้อขาย 2.97 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 337 ลบ. สถาบันขาย 230 ลบ พอร์ตโบรกขาย 114 ลบ. และรายย่อยซื้อ 6.8 ลบ. โดยดัชนีถูกแรงขายหุ้น Big Cap. เช่น AOT จากประเด็นข่าวการเรียกคืนพื้นเช่า Duty Fee ขาเข้าจาก King Power ซึ่งจะกระทบต่อกำไรของ AOT ราว 5% ส่วนกลุ่ม รพ. เช่น BH, BDMS ที่เป็นกลุ่มปลอดภัยก็ถูกแรงขายทำกำไรในระยะสั้น โดยกลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ ปิโตรเคมีที่ฟื้นตัวตามค่าการกลั่นสิงค์โปร์ และกลุ่มไอซีทีจากคาดการณ์กำไรใน Q2/67 ยังขยายตัวได้ดี กอปรกับการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เพื่อรับรองการใช้งาน AI ในปีหน้า ขณะที่ปริมาณช็อตเซลวานนี้ลดลงอยู่ที่ 1.19 พัน ลบ. จากเดิมเฉลี่ย/วันราว 4 – 5 พัน ลบ. หลัง ตลท.เริ่มใช้ ม. Up-Tick Rule วันแรก ประเด็นเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม ครม.สัญจรอีสานใต้คาดจะอนุมัตงบราว 4.4 หมื่น ลบ.หนุนเศรษฐกิจชุมชน, สถานที่ท่องเที่ยว และงบสร้างถนน ส่วนวันพรุ่งนี้ติดตาม ศาล รธน.นัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล

Daily Strategy

ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,290 – 1,310 ระหว่างรอศาล รธน.นัดพิจารณากรณียุบพรรคก้าวไกลในวันพรุ่งนี้ แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มโรงกลั่น TOP, BCP, SPRC, BSRC ตามค่าการกลั่นสิงค์โปร์ปรับขึ้น WoW / กลุ่มเครื่องดื่ม OSP,COCOCO จากอุปสงค์ในประเทศ & ต่างประเทศฟื้นตัวดี / PSL ตามดัชนี BDI ปรับขึ้น
CCET* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.65 บาท) บริษัทมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของความต้องการใช้ Solid State Drive (SSD) สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ AI เข้ามาทดแทนการชะลอชั่วคราวของธุรกิจรับจ้างประกอบ EMS เดิม เช่น printer, set top box ประกอบกับการปรับลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย SG&A และดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่ออัตรากำไรโดยเฉพาะใน 2H67 แนวโน้มรายได้จะเริ่มฟื้นตัวจากความต้องการสินค้า SSD และการ Restocking สินค้า Printer ประกอบกกับโรงงานใหม่ที่เพชรบุรีจะเริ่มเปิดดำเนินการ ซึ่งเป็นโรงงานที่ใช้ประกอบสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น EV charger และ Smart wearable เป็นไปตามแผนในปี 68 ที่ต้องการเพิ่มลูกค้าใหม่ 10%-20% ของฐานเดิม เน้นไปที่กลุ่ม SSDs และมาร์จิ้นสูง ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 อยู่ที่ 36 พันล้านบาท +111%YoY และ 2.81 พันล้านบาท +19%YoY
TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท) กำไรปกติ 1Q67 อยู่ที่ 892 ลบ.(+10.60%YoY, -24.12%QoQ) สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ดีYoY ในส่วน ของ operation หลักจากธุรกิจ Petcare และ Ambient Seafood ส่วน 2Q67 เราคาดเห็นกำไรแกว่งขึ้น YoY QoQ จาก 1.ฐานต่ำปกติใน 2Q66 จากในช่วงเวลาดังกล่าว Inventory คู่ค้าอยู่ในระดับสูงจึงไม่ออเดอร์สินค้าใหม่คาดต้นทุนราคาปลาทูน่าอยู่ในระดับต่ำ 1,300-1,500 usd/ton (จากช่วง 2Q66 ที่ 2,000 usd/ton ) ทั้งนี้ราคาปลาทูน่าที่มีโอกาสแกว่งจากโซนล่าง(ราว1,300 usd/ton ใน 1Q67)ขึ้นบน(แต่ไม่สูงเกินไป ไม่สูงกว่า 1,800 usd/ton โดย เม.ย.67 ที่ 1,375 usd/ton& พ.ค.67ที่ 1,480 usd/ton) นอกจากต้นทุนสินค้าใน Inventory ถูกแล้ว ยังดีต่อการปรับราคาขายOEMขึ้นด้วย เป็นบวกมากต่อมาร์จิ้น

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ส.ค. +$1.84 อยู่ที่ $83.38 / บาร์เรล, Brent ส.ค. +$1.60 อยู่ที่ $86.60/บาร์เรล จากความกังวลสถาการณ์ระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน กอรปเฮอริเคนเบริลกำลังจะเข้าอ่าวเม็กซิโกในวันศุกร์นี้

Gold Update(-) Comex Gold ส.ค.-$0.69 อยู่ที่ $2,338.90/ออนซ์ ทรงตัวรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐในวันศุกร์นี้

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP ซื้อสุทธิ +22.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +9.18 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +11.33 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +1.51 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 36.76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.456 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +108 จุด อยู่ที่ 2,158

(-) BitCoinเช้านี้ -0.02% อยู่ที่ 62,905 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย

ต่างประเทศ

01 ก.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (มิ.ย.)

02 ก.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (มิ.ย.)

US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ

US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs ( พ.ค.)

03 ก.ค. US วันชาติ - ปิดทำการก่อนกำหนด ณ เวลา 13:00

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP) (มิ.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (มิ.ย.)

04 ก.ค. US วันชาติ

US รายงานการประชุม FOMC

05 ก.ค. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (มิ.ย.)

US อัตราการว่างงาน (มิ.ย.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio June 2024: GFPT*, SAPPE*, ITC*, BTG*, KLINIQ

Analysts

Apichai Raomanachai