Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

464


AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ย่อมาเป็นจังหวะสะสม
กลยุทธ์เลือกหุ้นมีปัจจัยบวกหนุนเฉพาะตัว

Market Strategy
SET Index แกว่งตามกรอบ 1290-1310 จุด ปัจจัยแวดล้อมดูผสมผสานจากรายงานตัวเลข Core PCE สหรัฐฯ เดือน มิ.ย. ออกมา 2.6% ตามคาด เพิ่มโอกาสที่จะปรับลดอกเบี้ยฯในปีนี้สูงขึ้น โดย FEDWATCH Tool คาดจะลดดอกเบี้ยฯครั้งแรกในเดือน ก.ย. หนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯดีดตัวช่วงแรก แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายปิดติดลบในช่วง -0.1 ถึง -0.7% จากแรงกดดันของ Bond Yield 10 ปีที่เร่งตัว 8 bps บนความกังวลต่อเงินเฟ้อในระยะถัดไปที่สูงขึ้นจากความเสี่ยงการใช้นโยบายการขึ้นกำแพงภาษีหลังการดีเบตผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรกดูเหมือนคุณ Trump จะทำได้ดีกว่า ส่วนทางฝั่งจีนรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 49.5 ซึ่งถือว่า เป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน สะท้อนการฟื้นตัวเศรษฐกิจยังเปราะบาง

วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มใช้มาตรการ Uptick Rule ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ Short Sales ทำได้ยากขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ %Short Sales เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายที่ 6M67 เฉลี่ยที่ 12% ต่อวันจะลดลง ซึ่งหากอ้างอิงกับการใช้มาตรการรอบก่อน (ระหว่างวันที่ 13 มี.ค.–30 ก.ย. 2563) พบว่า %Short Sales เฉลี่ยลดลงจากเฉลี่ย 6% เหลือเพียง 1% เท่านั้นจึงเชื่อว่าจะเป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยจำกัด Downside

ส่วนปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ การหารือ FETCO กับคลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เสนอคลังต่ออายุกองทุน SSF ที่จะสิ้นสุดในปีนี้ซึ่งทางคลังได้รับพิจารณา ด้านกองทุนวายุภักษ์ อิงความเห็นของปลัดคลังระบุว่า หากนำกองทุนวายุภักษ์เดิม นำออกมาเสนอขายเป็นอีก 1 วิธีที่ทำให้การตั้งกองทำได้เร็ว ทั้งนี้ต้องติดตามรายละเอียดซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือน กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ Earnings มีแนวโน้มเติบโตดี BH CKP

 


Market Summary
SET Index ติดลบ 8.5 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 5.45 หมื่นล้านบาท กดดันหลักมาจาก EA ที่ลดลง 25% จากความกังวลต่อ Outlook ธุรกิจและ Force Sell ตามด้วย AOT ที่ปรับลง -0.9% จากประเด็น ยกเลิก Duty Free ขาเข้า CPALL ที่ปรับลง -1.4% ส่วนกลุ่มที่บวกเด่น มาจาก COM7 +6.3% จากการประกาศซื้อหุ้นคืนที่ HMPRO +1% และ CKP เข้าคำนวณในดัชนี SET100 รอบ 2H67 ต่างชาติขายสุทธิ 2.6 พันล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BH CKP


CKP El Niño กำลังหมดไป
หนุนกำไรฟื้นกลับ
คาดกำไร 2Q67E อยู่ที่ 91 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ น้ำงึม 2 ที่แจ้งขายไฟมากขึ้น เทียบกับ 2Q66 ที่มีกำไรเพียง 2 ล้านบาท เนื่องจาก 2Q66 ประสบปัญหาภัยแล้งจากปรากฏการณ์ El Niño และ ดีขึ้นจาก 1Q67 ที่ขาดทุนสูง 461 ล้านบาท จาก 1Q67 เป็นช่วงน้ำน้อยทำให้รับรู้ขาดทุนจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ไซยะบุรี 259 ล้านบาท และรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบาง 314 ล้านบาท
ขณะที่กำไร 2H67 เนื่องจากสถานการณ์น้ำในเขื่อน Xiaowan และ Nuozhadu ซึ่งมีอิทธิพลต่อโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรีรวมกันมีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 67% YoY รวมถึงจากการคาดการณ์ของ ENSO Forecast ใน ช่วง 2H67 มีโอกาสเกิดปรากฏการณ์ La Niña มากกว่า El Niño
เราคาดกำไรปี 2567 เท่ากับ 1,829 ล้านบาท เติบโต 25% YoY
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 4.50 บาท


BH คุณภาพระดับ Premium
สวนมูลค่าหุ้นที่กลับมี Discount
เราเริ่มต้นวิเคราะห์หุ้น BH ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 310 บาท มองว่าการเพิ่มขึ้นของราคาการให้บริการ จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และการขยายจำนวนเตียง เพิ่มจะทำให้ EPS เติบโตเฉลี่ยปีละ 9% ในปี 67-69 ซึ่งเติบโตมากกว่าช่วงปี 60-62 ที่มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 1%
เรามองตลาดมีโอกาสปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญในระยะสั้น โดยประมาณการของเราสูงกว่าตลาดคาดอยู่ 5-7% อันเนื่องมาจากความสามารถในการปรับราคา การบริหารต้นทุนที่ดี และแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/67 ที่มีแนวโน้มแข็งแกร่ง เนื่องจากจำนวนวันของเทศกาลรอมฎอนที่น้อยลง
มูลค่าปัจจุบันของ BH อยู่ที่ P/E 24 เท่าสำหรับปี 67 ซึ่งเป็นส่วนลด 1.4SD เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยก่อนโควิดที่ 37.2 เท่า (ปี 57-62)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 310.00 บาท

 

KEY FACTOR
ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. โดยทั้ง Headline และ Core PCE +2.6% YoY เป็นไปตามที่ Consensus คาด ชะลอตัวลงจาก +2.7% YoY และ +2.8% YoY ตามลำดับ ส่งผลให้มุมมองตลาดยังคงมุมมองให้น้ำหนัก Fed ปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตามตลาดสหรัฐฯ มีแรง sell on fact ปิดลบในช่วง -0.12% ถึง -0.71%
ในสัปดาห์นี้เข้าสู่ช่วงการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ทั่วโลกตลอดทั้งสัปดาห์ ทั้งตัวเลข 1) PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ Eurozone และจีน 2) CPI เดือน มิ.ย. ของ Eurozone และไทย 3) ตัวเลขภาคแรงงานรายเดือน ของสหรัฐฯ
ส่วนปัจจัยในประเทศ 1) เริ่มต้นการใช้มาตรการเข้มงวด Short-selling เปลี่ยนมาใช้เกณฑ์ Uptick Rule 2) การเปิดเผยข้อมูลคำสั่งที่ไม่เหมาะสม 3) ครม. เตรียมหารือมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ การหารือต่ออายุ SSF และรายละเอียดกองทุนวายุภักษ์


Eyes On

1 ก.ค. เริ่มต้นใช้ Uptick Rule, S&P Global PMI ภาคการผลิต, ISM ภาคการผลิต, HCOB ภาคการผลิต Eurozone, Caixin ภาคการผลิต
2 ก.ค. CPI ของ Eurozone
3 ก.ค. การจ้างงานเอกชน ADP, S&P Global PMI ภาคบริการ, ยอดสั่งซื้อโรงงาน, ISM ภาคบริการ, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, HCOB ภาคบริการ Eurozone, Caixin ภาคบริการ
5 ก.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน, CPI ไทย

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้