Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

602


ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
อัปเดตตลาดหุ้นจีน
ดัชนีหุ้นจีน Shanghai Composite และ Hang Seng เคลื่อนไหวผันผวนในเดือน มิ.ย. หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมากถึง 17% และ 31% ตามลำดับระหว่างจุดต่ำสุดในไตรมาส 1 ถึงจุดสูงสุดในเดือน พ.ค. โดยปัจจัยหนุนในระยะสั้นเริ่มแผ่ว ทำให้จิตวิทยาตลาดที่อ่อนไหวมากขึ้น จากภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น กิจกรรมการผลิตภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวจากการรีบาวด์ของการส่งออก แต่การบริโภคและการก่อสร้างยังคงอ่อนแอ นอกจากนี้ธนาคารกลางจีน (PBoC) ได้ยืนยันว่าจะใช้นโยบายทางการเงินเพื่อสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว จึงทำให้คาดว่า ทางการจีนมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงราว 20 bps ในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่น่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่เฟดปรับลดดอกเบี้ยลงเดือน ก.ย.
นอกจากนี้ PBoC ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ว่าเงินกู้ชุดแรกสำหรับการอัพเกรดเทคโนโลยีและอุปกรณ์ได้รับการอนุมัติแล้ว และจะเร่งดำเนินการสนับสนุนทางการเงินตามที่ประกาศไว้ในครึ่งหลังของปี ด้วยมูลค่า 500,000 ล้านหยวนสำหรับการอัพเกรดเทคโนโลยีและอุปกรณ์ และ 300,000 ล้านหยวนสำหรับที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา


อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นจีนยังเผชิญกับความท้าทายอีกหลายเรื่องในระยะกลางถึงยาว อาทิ
1 เม็ดเงินที่ใช้ในการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจยังน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น (1) ปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหริมทรัพย์ (2) หนี้ภาคเอกชนในระดับสูง (nonfinancial debt to GDP อยู่ที่ 134% และ 277% สำหรับจีนและฮ่องกง ตามลำดับ) (3) โครงสร้างประชากรที่มีสัดส่วนของคนสูงวัยมากขึ้น (4) ปัญหาเงินฝืดยังต้องใช้เวลาอีกนานในการแก้ไข

2 ปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสต์เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้ตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวได้ไม่ต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เช่น ข่าวล่าสุดรายงานว่า Nasdaq ของสหรัฐได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการเสนอขายหุ้น IPO จากจีนและฮ่องกง ทำให้การจดทะเบียนในต่างประเทศของบริษัทจีนอาจเผชิญอุปสรรค นอกจากนี้ความเสี่ยงของปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับชาติตะวันตกก็มีแนวโน้มสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากการตั้งกำแพงภาษีระหว่างกัน (tit-for-tat trade tariffs) กระตุ้นโดย (1) ความตึงเครียดเรื่องไต้หวัน (2) การแข่งขันทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะในด้าน AI และเซมิคอนดักเตอร์ (3) นโยบายอุตสาหกรรมของจีนที่ตะวันตกมองว่าไม่เป็นธรรมและให้การอุดหนุนมากเกินไป และ (4) ความกังวลด้านความมั่นคง ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลและเทคโนโลยีที่สำคัญ

เราแนะนำให้นักลงทุนติดตามการพัฒนาการของปัจจัยต่างๆข้างต้นอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูง จึงทำให้สถานการณ์อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษาโมเมนตัมของตลาดรวมถึงบรรยากาศการลงทุน
สำหรับการประชุมประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้น เราไม่คาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นหรือการปฏิรูปใหม่ๆออกมา โดยผลการประชุมน่าจะยังคงรักษากรอบการทำงานทั่วไปที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งทางการจีนมักให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเอง รวมทั้งหนุนการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆทางเทคโนโลยี
จาก tailwinds ที่เริ่มลดลง เราจึงปรับน้ำหนักการลงทุนของตลาดหุ้นจีนลงในเดือน ก.ค. เพื่อสะท้อน reward to risk ratio ที่ลดลง

สรุปภาพตลาดวานนี้ SET กลับมาดิ่งลงอีกครั้ง จากหุ้นใหญ่บางกลุ่มโดยเฉพาะ EA ที่ลงแรง พ่วงกลุ่มโรงไฟฟ้า-พลังงานอื่นๆ ที่ปรับตัวลงเช่นกัน และกลุ่มธนาคาร SCB BBL BAY KBANK ขณะที่การสับเปลี่ยนกลุ่มเห็น Defensive อย่าง รพ. ไอซีที และกอง Infra-fund ปรับตัวขึ้นมา นอกจากนี้ ยังเห็น Flow การกลับมาเล่นหุ้นมีเดียอย่าง VGI GRAMMY ONEE MONO ขึ้นมาด้วย

แนวโน้มตลาดวันนี้
ใกล้จะสิ้นสุดทางลง?
แรงขายวานนี้ มีทั้งเหตุจากการลงตามภูมิภาค และแรงกดดันจากการ Rollover สัญญา TFEX ซีรี่ย์ M ที่เป็นวันสุดท้าย (และวันนี้หุ้นเข้า/ออก SET50 SET100 รอบ 2H24 ใช้ราคาปิดวันนี้ (28 มิ.ย.) ในการปรับน้ำหนักดัชนี)

ส่วนวันนี้ วันทำการสุดท้ายของเดือนและไตรมาส 2 อาจจะไม่ได้คาดหวังการเกิด Window dressing เหมือนช่วงเวลาตลาดปกติ แต่ความพิเศษของวันนี้ จะเป็นตัววัดอารมณ์ของตลาดว่าจะ Reset อารมณ์กลัว เพื่อรอรับความหวังการฟื้นตัวใน ก.ค. และครึ่งปีหลัง โดยปัจจัยในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ 1) การเริ่มใช้มาตรการ Uptick Short Sell และกำหนดหุ้นที่ Short Sell ได้ตามรายชื่อ และ 2) แนวโน้มผลประกอบการของ บจ. ที่จะเริ่มเข้าสู่ช่วง Earnings preview กลุ่มธนาคาร และมีสัญญาณเชิงบวก และ/หรือ ไม่ลบกว่าที่คาดของ Real Sector (ตลาดจะจับตามองว่าหลังเบิกจ่ายงบฯ มีผลราวๆ ครึ่งไตรมาส ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวได้แค่ไหน หรือแรงกดดันจากงบฯ ล่าช้า จะยังกระทบอีกมากน้อยเพียงใด) และ 3) การเตรียมจัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลัง (ประชุม ครม. เศรษฐกิจจันทร์หน้า) โดยรวมทำให้ นลท. น่าจะเริ่มเห็นแสงสว่างรอบใหม่ของตลาด

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ตลาดจับตาตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ที่เฟดค่อนข้างให้ความสำคัญ (คาดหวังว่า PCE จะต่ำ 0.1% MoM) และการดีเบตระหว่างไบเดนและทรัมป์ในเช้าวันนี้ (ว่าจะส่งสัญญาณต่อนโยบายการค้าและการเมืองระหว่าง

อย่างไรก็ตาม เรายังคงกลยุทธ์การเลือกหุ้นรายตัวอย่างระมัดระวัง โดยแนะนำเฝ้าหุ้นใหญ่ ที่ราคายังอยู่กรอบล่าง และรอวันที่แรงขายเริ่มหมด เมื่อถึงวันตลาดกลับ หุ้นกลุ่มเหล่านี้จะมี Potential เป็น หุ้นดันตลาดขึ้นในช่วงแรกอีกด้วย

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์ แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว เริ่มโฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

วิเคราะห์ทางเทคนิค
เล่าด้วยภาพมาถึงตอนที่ 8 สิ้นเดือนมิ.ย. (SET round 8) หัวข้อ “ ปรับฐานในแบบ higher low” ดัชนีย่อไม่ผ่านโซนต้านที่ 1,325 (EMA 25)...ส่วนใหญ่รีบาวด์ครั้งแรกไม่ไกลซึ่งถือเป็นเรื่องปรกติ อย่างไรก็ตามโมเมนตัม MACD cross! ยังคงตัดเส้น signal line ขึ้นจากเขตแดน oversold ชี้ว่าโมเมนตัมวัดพลังยังใช้ได้ ลุ้น SET week & month ยังมีเวลาเหลืออีก 1 วัน แต่ทรงกราฟดูไม่แย่ กำลังทำค่าเฉลี่ยขึ้น
สรุปแนวโน้มตลาดพักตัว ลงไม่ลึก 1,300 จุดสู้ไหวครับ…แนะจับตามาตรการ uptick rule เริ่มใช้ 1 ก.ค. ส่วนวันนี้ มี 2 เรื่อง ได้แก่ window dressing & BOT รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือนพ.ค.

 


What to watch
ไทม์ไลน์คดี และการเมือง: (1) คดีอดีตนายกฯ ทักษิณ: ศาลรับฟ้อง ม.112 แล้ว แต่ได้ประกันตัว เดินหน้าสู้คดีต่อในชั้นศาล, (2) คดียุบพรรคก้าวไกล ศาลนัดพิจารณาต่อวันที่ 3 ก.ค. และให้คู่กรณีเข้าตรวจพยานหลักฐาน 9 ก.ค. (3) กรณีร้องถอดถอน นายกฯ เศรษฐา ศาลฯนัดพิจารณาครั้งต่อไป 10 ก.ค. (4) กกต. ขยับประกาศผลเลือก สว. เป็น 3 ก.ค. (และมีเรื่องร้อนเรียนจำนวนมาก)
ตลท. ประกาศหุ้นเข้า/ออก SET50 SET100 รอบ 2H24 การปรับน้ำหนักดัชนี ใช้ราคาปิดวันนี้ (28 มิ.ย.), Note: SET50 เข้า BJC ITC BCP TIDLOR ออก SAWAD BANPU KCE COM7
SET เริ่มใช้มาตรการ Uptick Rule วันที่ 1 ก.ค.67 และคุมโรบอทเทรด โดยรอง ผจก.ตลาด ระบุหากมาตรการ Uptick Rule ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อาจใช้ไม้แข็งของมาตรการ Daily Short Selling Limit ที่จะกำหนดการ Short Sale เป็นแบบรายวัน
คลังเคาะปรับเงื่อนไข Thai ESG ลดหย่อยภาษีเพิ่มเป็น 3 แสนบาท และลดเวลาถือครองเหลือ 5 ปี พร้อมทั้งเตรียมออกกองทุนวายุฯ 3
ด้าน เฟทโก้ จะเข้าพบ รมว. คลังวันนี้ หวังต่ออายุ SSF เสนอตั้งกองทุนการออมระยะยาวเพื่อการศึกษา
จันทร์หน้า ติดตามการประชุม ครม. เศรษฐกิจ เพื่อกำหนดทิศทางนโยบายกระตุ้นทางการคลัง
พื้นที่ตอนกลางและตอนใต้ของจีน เผชิญกับฝนตกหนักในสัปดาห์นี้ โดยภัยคุกคามจากสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการผลิตอาหารของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสภาพแห้งแล้งได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ผลิตธัญพืชทางตอนเหนือแล้วในขณะนี้ (คาดหุ้น Soft commodity ไทย มีลุ้นผลลัพธ์เชิงบวกจาก อากาศที่แปรปรวนในจีน “ผลผลิตลด-ต้นุทนขึ้น-ราคาขายสินค้าเพิ่ม-หนุนการนำเข้า...CPF GFPT TVO)
จีนจะจัดประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ 15-18 ก.ค. ตลาดจับตาการกำหนดแผนรับมือกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และมาตรการกระตุ้นรอบใหญ่
การดีเบตระหว่างไบเดนและทรัมป์ในเช้าวันนี้


หุ้นแนะนำวันนี้
GULF วันนี้ GULF จะมาบรรยายในงาน BLS Thai Corp. คาดว่าจะได้ข้อมูลที่เห็นภาพเกี่ยวกับทั้งปัจจัยบวกด้าน PDP และการจับมือกับ Google ที่ชัดขึ้น ต่อเนื่องจากแถลงข่าววานนี้(S 40 R 42/43.5 SL 38)


รายงานพื้นฐานวันนี้

Utilities Sector
ความคาดหวังต่อสารฯ จาก GULF และ GUNKUL ในงานวันนี้
งาน BLS Thai Corporate Day วันนี้ กลุ่มโรงไฟฟ้ามี GULF และ GUNKUL เข้าร่วมงาน เราสรุปประเด็นสำคัญของกลุ่มโรงไฟฟ้า (รายละเอียดในรายงาน) และประเด็นที่นักลงทุนจะได้ติดตาม ดังนี้
1) ผลกระทบจากการรับฟังความคิดเห็นแผน PDP
2) โอกาสในการลงทุนที่เปิดเพิ่มเติม โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานทดแทน รวมทั้งนโยบาย Direct PPA ที่คาดว่าจะได้อานิสงค์
3) กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP จะยังคงมีความน่าสนใจในระยะสั้นจากการจ่าย Subsidy ของ EGAT และยังอยู่ในช่วงที่พลังงานทดแทนอยู่ระหว่างการพัฒนา
4) การประชุมวันนี้ จะเห็นภาพแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนของทั้ง GULF และ GUNKUL มากขึ้น รวมทั้งการรับอานิสงค์จาก La Nina ใน 4Q24

BEM
ทางด่วนและ รถไฟฟ้ากรุงเทพ
ดีทั้งระยะสั้นและยาว
สัปดาห์ที่ผ่านมาเราจัด Virtual Conference ให้ BEM ได้บรรยายกับนักลงทุน โดยรวมเห็นภาพแนวโน้มที่ดีทั้งระยะสั้นและยาว
1) Momentum การฟื้นตัวหลังโควิด ยังส่งต่อการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถไฟฟ้าที่เปิดครบวง
2) ธุรกิจทางด่วน แม้การฟื้นตัวไม่ได้ตื่นเต้นเท่ารถไฟฟ้า แต่เป็นแหล่งผลิตกระแสเงินสดที่ดี และยังมีโอกาสการปรับราคาเพิ่มตามรอบสัญญาด้วย
3) รถไฟฟ้าและทางด่วนสายใหม่ เป็นแรงขับเคลื่อนรอบใหม่ โดยเฉพาะสายสีส้มที่มีความชัดเจนมากขึ้น (จากกรณีศาลตัดสินฯ) และอาจจะมีสัญญารับจ้างเดินรถสายสีม่วงใต้เพิ่มเติม (หลังก่อสร้างเสร็จ) ส่วนทางด่วน โครงการ Double Desk ที่ต้องลงทุน 3 หมื่นล้านบาท จะแลกมากับการต่อสัญญาสัมปทาน 22 ปี 5 เดือน (ทำให้รายได้ Secure นานขึ้น)
Fundamental view: เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.40 บาท

TCAP
(Visit Note)
ทุนธนชาต ทิศทางกำไรจะเติบโต พร้อมปันผลกว่า 7%
เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของ TCAP ในปี 2024 ที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง ผลบวกจากแนวโน้มกำไรของ TTB (TCAP ถือหุ้น 24.87%) ที่จะมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง ผลบวกจากสิทธิประโยชน์ทางภาษี, MBK (TCAP ถือหุ้น 22.62%) จะเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวโน้มนักท่องเที่ยวและ THANI (TCAP ถือหุ้น 60.88% ของทุนชำระแล้ว) จะฟื้นตัวใน 2H24 อานิสงค์จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล ที่คาดจะเติบโตในปีนี้ นอกจากนี้ Valuations ของ TCAP ยังน่าสนใจ อีกทั้ง ยังสามารถคาดหวังปันผลได้ราว 7% ต่อปี
Bloomberg consensus คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2024 ของ TCAP ที่ 7.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 2024 ที่ 6.9 เท่า (มีส่วนลดจากค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 10 ปี ที่ 7.7 เท่า) ขณะที่คาดการณ์ EPS CAGR ปี 2024-26 อยู่ที่ 6.7% หรือคิดเป็น PEG ratio ที่ 1.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคารที่เราศึกษาอยู่ที่ 1.9 เท่า

 

TIPH
(Visit Note)
ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์
รุกธุรกิจสินเชื่อมากขึ้นใน 2H24
เรามีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของ TIPH ในปี 2024 แม้แนวโน้มเบี้ยประกันภัยรับจะเติบโต โดย TIPH ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับเติบโตราว 2 เท่าของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมฯ หรือราว 6-8% YoY เน้นเติบโตในกลุ่มประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (non-motor) ซึ่ง TIPH มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ทั้งในกลุ่มประกันภัยเบ็ดเตล็ดและประกันอัคคีภัย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่า TIPH จะเผชิญความท้าทายจากค่าสินไหมทดแทนในกลุ่มประกันภัยรถยนต์ ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุสูงขึ้นบ้างในปีนี้ แต่ยังบริหารจัดการได้
Bloomberg consensus: ไม่มีข้อมูลคาดการณ์กำไรสุทธิและราคาเป้าหมายปี 2024 ของ TIPH
ทั้งนี้ ราคาหุ้น TIPH มี trailing PER ที่ 9.6 เท่า (มีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยย้อยหลัง 10 ปีที่ 11.5 เท่า) และสูงกว่า trialing PER เฉลี่ยของ BLA และ TLI ที่ 10.0 เท่า นอกจากนี้ TIPH มี trailing PBV ที่ 1.7 เท่า (มีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ที่ 2.3 เท่า) และสูงกว่า trialing PBV ของ BLA และ TLI เฉลี่ยที่ 0.8 เท่า

Econ
Digital wallet: สำรวจความท้าทายทางกฏหมายและโอกาสที่รออยู่
เราออกมุมมองเกี่ยวกับโครงการโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ล่าช้า ว่าจะถ้าโครงการเกิดขึ้นจริงจะ landing ท่าไหนและขนาดโครงการประมาณเท่าไหร่ ในช่วงที่ผ่านโครงการล่าช้ามาเนื่องจากติด พ.ร.บ. อยู่ 2 ฉบับ
โดยส่วนแรก พ.ร.บ.งบประมาณ เราไม่ค่อนกังวล เนื่องจาก process เดินมาค่อนข้างมากแล้ว โดยงบปี 67 น่าจะออกมาได้ก่อนสิ้นเดือน ก.ย. และ 68 ตามกันมาเลยเดือน ต.ค. รวมวงเงินประมาณ 2.7 แสนล้าน คาดว่าน่าจะว่าแน่นอนแล้วที่จะได้
ประเด็นที่ยากกว่าที่ติดปัญหาอยู่ คือ พ.ร.บ. ของ ธ.ก.ส. ซึ่งถ้าจะเดินได้ เรามองมี 3 แนวทาง แบ่งตามความยากไปง่าย ดังนี้
1) การแก้ พ.ร.บ. ธ.ก.ส. ซึ่งถ้าทำได้จะทำให้ขนาดโครงการใกล้เคียงกับเป้าหมายเดิมที่ราว 5 แสนล้าน และหนุน GDP ปีหน้า 0.4-0.6% แต่เรามองว่าโอกาสผ่านสภาฯ น้อยและใช้เวลานาน
2) เรามองว่าเป็นไปได้มากที่สุด คือ รัฐยอมอาจจะยอมลดขนาดเงินกู้ลง แต่จะกู้ได้ไม่ได้ ผู้ที่จะตัดสินคือกฤษฎีกา ซึ่งจะกู้ได้หรือไม่ได้ประมาณ ก.ย. ซึ่งถ้าผลออกมาคือทำได้ ขนาดโครงการอาจจะอยู่ที่เกือบ 4 แสนล้าน หนุน GDP ปีนี้ 0.2-0.4%
3) เป็นทางที่ง่ายและเสี่ยงที่สุด คือ การตัดส่วนเงินกู้ ธ.ก.ส. ออก แต่ขนาดโครงการก็จะเล็กสุดอยู่ที่ราว 2.74 แสนล้านตามที่กล่าวข้างต้น ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 0.1% หรือน้อยกว่า รวมถึงอาจมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากฐานเสียงพรรคฯ
โดยสรุปเรามองว่าทางเลือกที่ 2 มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด ขนาดโครงการเกือบๆ 4 แสนล้าน และการแจกเงินเรามองว่าจะแบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกจะให้กลุ่มเปราะบางภายในเดือน ก.ย. ก่อน และเฟสสองค่อยตามมาเดือน ต.ค. เพราะรอผ่านงบประมาณปี 68


สรุปประเด็นจาก Quick take
COM7
คอมเซเว่น
ประกาศซื้อหุ้นคืน
คืนวานนี้ ทาง COM7 มีแจ้งข่าวโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock)
View From Fundamental : เรามองว่าอาจจะมีส่วนช่วยในเชิง sentiment ให้ก้บราคาหุ้น COM7 ในระยะสั้น โดยการประกาศซื้อหุ้นครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของ COM7 บริษัทเคยมีการประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนในช่วง 30 พค 2022 ถึง 29 พย 2022 (วงเงิน 1 พันล้านบาท จำนวน 30 ล้านหุ้น) โดยหลังจากวันที่ประกาศ (ประกาศวันที่ 12 พค 2022) ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาบ้าง (หลังวันประกาศ 3 วันหุ้นขึ้นมา 6%) แต่อย่างไรก็ดีในช่วงระหว่างปี 2022 ราคาหุ้นก็มีการปรับตัวลดลงสะท้อนผลประกอบการ ดังนั้นเราคาดว่าการประกาศซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ ก็อาจจะมีผลบวกต่อราคาหุ้นบ้างในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ดี เรายังมองกำไรของ COM7 ในปีนี้อาจจะไม่ได้โตโดดเด่น จาก consumption โดยเฉพาะตลาด mass ที่ยังเหนื่อยและการแข่งขันที่สูง นอกจากนี้เราคาดงบใน 2Q24 อาจจะไม่น่าตื่นเต้นมากเนื่องจากเป็น low seasonality แต่อาจจะเริ่มดูดีขึ้นใน 2H24 (Higher seasonality) ยังแนะนำถือ (ราคาเป้าหมาย 19 บาท)

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้