Market Wrap-Up
- SET วันที่ 26 มิ.ย.67 ปิด +0.01 จุด อยู่ที่ 1,319.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,483 ลบ.ต่างชาติขาย 831 ลบ.สถาบันซื้อ 702 ลบ.รายย่อยซื้อ 522 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิรวม 425 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น BGRIM,CPF,TRUE,SCB,ADVANC และมียอดขายสุทธิ BDMS,AOT,CPN,LH,TTB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 4,426 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TPIPL-R,STEC-R,EGATIF โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 9,371 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 72,319 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 179 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.04%, S&P500 +0.16%, Nasdaq +0.49% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มขนส่งนำโดย FedEx +15.5% จากคาดการณ์กำไรงวดงบปี 68 จะเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มธนาคารปรับลดลงก่อนทราบผล Stress Test ส่วนยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ พ.ค. -11.3% & เม.ย. +2.0% MoM ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.56% จากแรงขายกลุ่มยานยนต์ -1.23%, ท่องเที่ยว -76% ขณะที่กลุ่มเทค ฯ +0.36%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี หลังโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคำแนะนำซื้อใน Apple,Tesla ขณะที่ Nasdaq Futures เช้านี้ -0.50% หลัง Micron Tech -8% หลังรายงานรายได้น้อยกว่าที่ตลาดไว้ ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามการดีเบตเลือก ปธ.สหรัฐรอบแรกระหว่างไบเดน & ทรัมป์ และ US GDP Q1/67 ครั้งที่ 3 คาด +1.3% & Q4/66 +3.4% QoQ และวันพรุ่งนี้ติดตาม US Core PCE พ.ค. คาด 6% & เม.ย. 2.8% YoY เพื่อประเมินโอกาสลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่ง CME Fed Watch ชี้โอกาส 56.2% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม ก.ย. และ 41.5% จะลดอีก 0.25% ใน ธ.ค.
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมันอายุ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 2.452% บ่งชี้ความกังวลต่อผลการเลือกรัฐสภาฝรั่งเศสรอบแรกในวันที่ 30 มิ.ย. โดยพรรคเนชั่นแนล แรลลีที่เป็นฝ่ายขวาจัดมีคะแนนนำ ซึ่งอาจส่งผลการใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนต่อการสนับสนุนยูเครน ขณะที่สัปดาห์หน้าวันที่ 4 ก.ค. ก็จะมีการเลือกตั้งรัฐสภาของอังกฤษ ส่งผลให้ปัจจัยเสี่ยงการเมืองในยุโรปเพิ่มขึ้น
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.76% เริ่มฟื้นตัว แม้ว่ายังกังวลต่อประเด็นข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างจีน & สหรัฐ และยุโรป ในการเก็บเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ EV จากจีน ส่วนดัชนีนิเกอิ +1.26% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มส่งออกคาดได้ประโยชน์จากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า
- SET วานนี้ปิดทรงตัว ปริมาณการซื้อขาย 3.54 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 831 ลบ. รายย่อยซื้อ 522 ลบ สถาบันซื้อ 702 ลบ. และพอร์ตโบรกขาย 393 ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มไอซีที +0.99% นำโดย TRUE +3.5% รับข่าวธนาคาร MUFG ของญี่ปุ่นลงทุนมูลค่า 7 พัน ลบ. เข้าถือหุ้น 10% ใน Ascend Money ที่เป็นผู้ให้บริการชำระเงินผ่าน TrueMoney Wallet กอปร Consensus คาด TRUE จะสามารถมีผลกำไรในงวด Q2/67 ส่วนกลุ่มโรงไฟฟ้า +0.57% ได้ปัจจัยหนุนจากข่าวภาครัฐจะทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct PPA) ซึ่งช่วยให้กลุ่มโรงไฟฟ้ามีทางเลือกในการขายไฟฟ้ามากขึ้น กอปร GULF จะร่วมลงทุนในธุรกิจ Cloud กับ Google เพื่อให้บริการเก็บข้อมูล โดยภาพรวมดัชนีหุ้นไทยได้รับรู้ปัจจัยบวกจาก ม.ขับเคลื่อนตลาดทุน และ ม.ควบคุม Short Sell ไปแล้ว และยังรอประเมินปัจจัยต่างประเทศ เช่น การดีเบตเลือกตั้ง ปธ.สหรัฐ, US PCE พ.ค. และผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสในช่วงสุดสัปดาห์นี้
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,305 – 1,310 แนวต้าน 1,325 – 1,330 ประเมินดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวลงสู่แนวรับ ระหว่างรอตัวเลข US PCE และถูกกดดันจากกลุ่มเทค ฯ เอเชียเช้านี้ปรับลดลงตาม Nasdaq Futures แนะนำทยอยซื้อกลุ่มปลอดภัย เช่น รพ.BH, BCH/ อาหาร & เครื่องดื่ม CPF,GFPT,ITC,ICHI,COCOCO
- BCP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) ราคาลงมาตอบรับกับแนวโน้มผลประกอบการปกติ 2Q67 ที่จะออกมาแย่แล้ว ณ ปัจจุบันคาดราคาหุ้นมีโอกาสทยอยฟื้นตัวได้จากค่าการกลั่นที่เริ่มฟื้นตัวหลังผ่านจุดต่ำสุดไปในช่วงเดือน พ.ค. ประกอบกับราคาน้ำมันที่ฟื้นขึ้นมาในช่วงปลายเดือน มิ.ย.ช่วยคลายแรงกดดันเรื่องผลขาดทุนสต๊อกไปได้บ้าง และหากมองข้ามไปใน 3Q67 จะเห็นกำไรที่ดีขึ้นจากการผ่านช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นพระโขนง ธุรกิจไฟฟ้าในลาวและสหรัฐฯ จะเข้าสู่ช่วง high season นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกเฉพาะตัวถูกนำเข้ามาคำนวณใน SET50 รอบครึ่งปีหลัง
- GFPT* (ซื้อเก็งกำไร/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 15.00 บาท) กำไรสุทธิงวด 1Q67 +QoQ +YoY ปัจจัยบวกหลัก คือ เนื้อไก่แปรรูปส่งออกที่ Volume ขาย +20.3%YoY(+กลุ่มลูกค้า UK/EU) ขณะที่ฝั่ง Equity Icome +115%YoY จากการส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุกของทั้ง GFN และ McKey ด้านการดำเนินงาน 2Q67 คาดว่าจะยังอยูในเกณฑ์ดี มูลค่าการส่งออกของไทยเดือนเม.ย.-พ.ค.67 ไก่สด+2%YoY(คิดเป็น 63%เทียบ 1Q67) ไก่แปรรูป+21%YoY(คิดเป็น 72%เทียบ 1Q67) ส่วนราคาขายไก่ไทยยังมีแนวโน้มที่ดี ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ GFPT* จะอยู่ที่ระดับ 1,625 ลบ.(+18.1%YoY) และ 1,732 ลบ.(+6.6%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ส.ค. +$0.07 อยู่ที่ $80.90 / บาร์เรล, Brent ส.ค. +$0.24 อยู่ที่ $85.25/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 3.6 ล.บาร์เรล สวนทางคาดจะลดลง 2.9 ล.บาร์เรล ราคาน้ำมันได้แรงหนุนปัจจัยเสี่ยงสงครามในตะวันออกกลาง
Gold Update(-) Comex Gold ส.ค.-$17.60 อยู่ที่ $2,313.20/ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.42% อยู่ที่ 106.052 และ US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.343%
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -43.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -22.55 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -19.10 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +1.43 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 36.95 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.343 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +38 จุด อยู่ที่ 1,964
(-) BitCoinเช้านี้ -1.21% อยู่ที่ 61,019.9 ดอลลาร์สหรัฐ
(0)เช้านี้ติดตามตัวเลผลกำไรภาคอุตฯ จีน พ.ค.
Economic Calendar
ในประเทศ
21 มิ.ย. กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย
25 มิ.ย. ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
26 มิ.ย. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ฉบับย่อ
28 มิ.ย. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
25 มิ.ย. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (มิ.ย.)
26 มิ.ย. US ยอดขายบ้านใหม่ ( พ.ค.)
27 มิ.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 1)
28 มิ.ย. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล PCE Price Index ( พ.ค.)
US รายงานนโยบายการเงินของเฟด
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio June 2024: GFPT*, SAPPE*, ITC*, BTG*, KLINIQ
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th