AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ความผันผวนสูงขึ้น
กลยุทธ์เลือกหุ้นมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว

Market Strategy
SET Index วันนี้ยังมองกรอบ 1310-1330 จุด แต่ความผันผวนระหว่างวันอาจสูงขึ้นจากการการ Roll Over และเร่งปิดสถานะของ Futures Series M ที่วันนี้ซื้อขายวันเป็นวันสุดท้าย โดยที่ระดับสถานะคงค้าง (OI) ของ S50M24 อยู่ที่ 3.54 แสนสัญญาซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนๆที่ Series ที่หมดอายุ OI จะเฉลี่ยอยู่ที่ 2 แสนสัญญา ดังนั้นการ Trading ในช่วงครึ่ง ชม. ต้องเตรียมพร้อมกับความผันผวนที่อาจสูงขึ้น

สำหรับปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ธปท. เปิดมุมมองต่อเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าในช่วงที่เหลือของปียังมีแนวโน้มเติบโตจากการขยายตัวภาคการท่องเที่ยว,บริโภคและการลงทุน โดยคงเป้าหมายการขยายตัว 2.6%YoY ด้านทิศทางเงินเฟ้อคาดว่าจะกลับสู่ระดับเป้าหมายในช่วง 4Q67 โดยมีมุมมองต่อดอกเบี้ยปัจจุบันที่ 2.5% เป็นระดับที่เหมาะสม ซึ่งน่าจะสอดรับกับมุมมองของเราที่คาดว่าจะไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยฯในปีนี้ซึ่งมองเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในแง่แรงกดดันจาก NIM ที่ปรับลดจะน้อยลง ซึ่งเราชอบ TTB เป็น Top Pick ของกลุ่ม

ด้านปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้แกว่งบวกในกรอบแคบๆ โดยโฟกัสหลักวันนี้อยู่ที่การติดตามการดีเบตผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรกระหว่างคุณไนเดน V.S. คุณทรัมป์ และการรายงาน GDP1Q67F ของสหรัฐฯ ครั้งสุดท้ายซึ่งตลาดคาดขยายตัว 1.4%QoQ Annualized ดีกว่ารอบก่อนทึ่คาด 1.3%QoQ เล็กน้อย กลยุทธ์การลงทุนวันนี้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะ BCP (Window Dressing+เข้า SET50) BH (กำไรเติบโตดีแต่ราคาหุ้นมี Discount)

Market Summary
SET Index แกว่งทรงตัวเซทฐาน ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง โดยกลุ่มที่ Outperform วานนี้กลุ่มโรงกลั่น SPRC +3.7% BSRC +1.6% จากความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของค่ากลั่นช่วง Driving Season กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF +2.5% จากการประกาศพันธมิตรกับ Google ในธุรกิจ Cloud ในประเทศไทย กลุ่ม ICT จาก TRUE +3.6% ส่วนกลุ่ม Underperform กลุ่มท่องเที่ยว -1.6% หลังตัวเลขนักท่องเที่ยวล่าสุดชะลอ WoW

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BCP BH

BCP เข้า SET50 + Window Dressing
จะหนุนราคา
แรงขับเคลื่อนราคาหุ้นในระยะสั้นมาจากโอกาสที่จะถูกทำ Window Dressing ช่วง สัปดาหฺสุดท้ายของ 2Q67 จากสถิติย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนบวกเฉลี่ย 2% แต่อย่างไรก็ตามปีนี้อาจสามารถคาดหวังได้มากกว่านั้นเนื่องจากจะมี Fund Flow ที่เพิ่มเติมจาก Passive Fund หลังจาก BCP ได้เข้าคำนวณใน SET50 ซึ่งจะมีผลราคาปิดวันที่ 28 มิ.ย.
ด้านปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่งBCP เดินหน้าผนึกกำลังกับ BSRC อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าอัตราการใช้กำลังการกลั่นของ BSRC เพิ่มขึ้นจาก 150kbd ใน 1Q67 เป็น 155kbd ในปี 67 และ 164kbd) ในปี 68 และมุ่งเน้นการผลิตผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมมากขึ้น ด้าน synergy ยังตั้งเป้าไว้ที่ 2.5 พันล้านบาทในปี 67 และ 3.0 พันล้านบาทในปี 68
Valuation น่าสนใจ โดยเทรดที่ PER67E เพียง 4.7 เท่า และ PBV67E ที่ 0.7 เท่าและ Dividend Yield 6.5% ต่อปี และการเติบโตของกำไรหลักที่ 20% ในปี 67
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 58.00 บาท

BH คุณภาพระดับ Premium
สวนมูลค่าหุ้นที่กลับมี Discount

เราเริ่มต้นวิเคราะห์หุ้น BH ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 310 บาท มองว่าการเพิ่มขึ้นของราคาการให้บริการ จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และการขยายจำนวนเตียงเพิ่มจะทำให้ EPS เติบโตเฉลี่ยปีละ 9% ในปี 67-69 ซึ่งเติบโตมากกว่าช่วงปี 60-62 ที่มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 1%
เรามองตลาดมีโอกาสปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญในระยะสั้น โดยประมาณการของเราสูงกว่าตลาดคาดอยู่ 5-7% อันเนื่องมาจากความสามารถในการปรับราคา การบริหารต้นทุนที่ดี และแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/67 ที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งเนื่องจากจำนวนวันของเทศกาลรอมฎอนที่น้อยลง
มูลค่าปัจจุบันของ BH อยู่ที่ P/E 24 เท่าสำหรับปี 67 ซึ่งเป็นส่วนลด 1.4SD เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยก่อนโควิดที่ 37.2 เท่า (ปี 57-62)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 310.00 บาท

KEY FACTOR
แม้ว่า SET Index จะพักตัว และกลับมา Underperform เอเชียที่ปรับตัวขึ้นเด่น จากแรงขายทำกำไรหุ้นที่ฟื้นตัวขึ้นมาก่อนหน้า (COMM PETRO CONS TOURISM BANK) และมีแรงซื้อสลับเข้าหุ้นที่ปรับตัวลงวันก่อนหน้า หรือมีปัจจัยเฉพาะตัว (TRANS ETRON) สะท้อนโครงสร้างตลาดยังค่อนข้างแข็งแกร่งและสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อมาตรการกระตุ้นและเรียกความเชื่อมั่นตลาดหุ้น ซึ่งล่าสุดกระทรวงการคลังส่งสัญญาณอาจออกมาตรการกระตุ้นด้านอื่นๆเพิ่มเติม บวกกับเตรียมหารือTESG และเตรียมเปิดเผยรายละเอียอดกองทุนวายุภักษ์ เพิ่มเติม
ปัจจัยต่างประเทศ วันนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่ง Consensus คาด GDP 1Q67 ของสหรัฐฯ (รายงานครั้งที่ 3) จะขยายตัว +1.4% QoQ บวกกับจะเริ่มโหมโรงเข้าสู่การเลือกตั้ง ปธน. โดยจะมีการดีเบตระหว่าง โจ ไบเดน และ โดนัล ทรัมป์ เป็นครั้งแรก

EYES ON
27 มิ.ย. GDP 1Q67 ของสหรัฐฯ (รายงานครั้งที่ 3)
28 มิ.ย. PCE ของสหรัฐฯเดือน พ.ค.

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ