Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

619

 


เศรษฐกิจฟื้น ... เงินเฟ้อก็ฟื้น ... ดอกเบี้ยไม่ลง
ธปท.ประเมินภาพเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวในช่วงเวลาที่เหลือของปี โดยมีแรงขับเคลื่อนมาจากแทบจะทุกเครื่องยนต์ทั้งการท่องเที่ยว การบริโภค การลงทุนภาครัฐ โดยเป้หมายการเติบโตปี 2567 ยังคงเป็น 2.6% ในอีกมุมหนึ่งก็เห็นสัญญาณของเงินเฟ้อที่มีโอกาสสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับสูงขึ้น และผลักดันราคาค่าขนส่งสูงขึ้นไปตาม ภาพรวมเศรษฐกิจในมุมมอง ธปท. ดังกล่าว ลดโอกาสที่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปี 2567 ลงไปจนเกือบหมด อย่างไรก็ตามในส่วนของตลาดหุ้นมองเห็นแรงกระตุ้นที่เป็นรูปธรรม เฉพาะอย่างยิ่งเม็ดเงินที่จะเข้ามาผ่าน TESG และ กองทุนวายุภักษ์ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับกฎเกณฑ์ในการกำกับดูแลตลาดหุ้น ก็น่าจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นยังคงมีมุมมองว่าภาพรวมของ SET INDEX มีแนวโน้มดีขึ้น โดย 2H67น่าจะเห็นสัญญาณการปรับตัวขึ้นชัดเจน วันนี้คาดกรอบ 1308 – 1326 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BDMS, PTTEP และ SIRI

 


เศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณฟื้นตัว ลดความหวังดอกเบี้ยขาลงปีนี้
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ค่อนข้างผันผวน หลัง US BOND YIELD 10Y ดีดตัวขึ้นแรงราว 2% หรือ 9 BPS. ยืนเหนือระดับ 4.3% อีกครั้ง โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบมาจากความเห็นของผู้ว่าการ FED (MICHELLE BOWMAN) มองว่า FED ยังไม่พร้อมที่จะปรับลดดอกเบี้ย หากยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่จะเห็นเงินเฟ้อสู่กรอบเป้าหมาย 2%อย่างไรก็ตาม ศุกร์นี้ (28 มิ.ย.67) รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ เดือน พ.ค.67 โดย CONSENSUS คาดว่าจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 2.6% ขณะที่มุมมองของตลาดการเงินล่าสุด ยังคาดว่าFED จะปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้

สำหรับในบ้านเรา กนง. ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้นในช่วง 2H67โดยมีสัญญาณบวกในหลายๆ ภาคส่วน เฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐ รวมถึงการบริโภคภาคเอกชน ขณะที่เงินเฟ้อค่อยๆ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1-3% (ธปท. มองว่าเป็นระดับที่เหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา) ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวดี ก็ยิ่งเป็นการการันตีว่า กนง.ดำเนินนโยบานการเงินมาถูกทาง และอาจไม่เห็นการปรับลดดอกเบี้ยในปีน


สรุป เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง หนุนให้ FED ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นในปีนี้ สวนทางกับบ้านเราที่เงินเฟ้อค่อยๆ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นสู่กรอบเป้าหมาย 1-3% จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้นในช่วง 2H67 ยิ่งลดความหวังว่าจะเห็นดอกเบี้ยขาลงของไทยภายในปีนี้

ฟื้นกองทุนวายุภักษ์ปลุก SET INDEX ตื่น ลุ้นทะลุ 1330 จุด
วานนี้ รมช.คลัง ยืนยันว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ระหว่างรอมาตรการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน DIGITALWALLET ซึ่งก็คือ แนวคิดการฟื้นกองทุนเพื่อการลงทุนระยะยาวในรูปแบบของกองทุนวายุภักษ์ ทั้งนี้หลักคิดสำคัญ คือ ต้องการที่จะให้มีเม็ดเงินเติมเข้าไปในตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนอีกครั้ง โดยกองทุนดังกล่าวมีโอกาสแบ่งออกเป็น 2 หน่วย คือ “หน่วย ก.” สำหรับนักลงทุนทั่วไป และ“หน่วย ข.” สำหรับกระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่นผู้ลงทุนทั่วไป (หน่วย ก.) จะได้รับผลตอบแทนจริง โดยมีขั้นตํ่า-ขั้นสูงต่อปีเป็นเวลา 10ปี เช่น ขั้นตํ่า 3% (เท่ากับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น) , ขั้นสูง 7-9% ซึ่งตอนนี้ “หน่วย ข.”มีเม็ดเงินลงทุนอยู่ 3.5 แสนล้านบาท ถ้า ขาย “หน่วย ก.” ให้ผู้ลงทุนทั่วไป 1.5 แสนล้านบาท จะทำให้กองทุนวายุภักษ์มีมูลค่าราว 5 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นกองทุนที่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นที่ลงทุนในหุ้นไทย ประเด็นดังกล่าวคาดได้ข้อสรุปภายใน2 เดือน หรือภายในไตรมาส 3 ของปีนี้


ขณะที่หากพิจารณาในมุมหุ้นที่มีโอกาสได้รับเม็ดเงินกระตุ้น คือ หุ้นเดิมที่กองทุนวายุภักษ์1 ถืออยู่แล้ว อาทิ PTT(36.3%) SCB(24.3%) TTB(4.9%) BCP(3.5%)KTB(3.3%) AOT(1.8%) ADVANC(1.6%) GULF(0.9%) SCC(0.9%)BDMS(0.9%) เป็นต้น ซึ่งผลรวมน้ำหนักหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนวายุภักษ์ถือสูงถึง 78.3% จึงทำให้มีโอกาสสูงที่จะเห็นเม็ดเงินใหม่ไหลเข้าหุ้นดังกล่าวมากกว่าหุ้นอื่นๆอย่างไรก็ตามต้องติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดว่ามีกฎเกณฑ์ และข้อกำหนดต่างๆที่ขัดต่อหุ้นเดิมหรือไม่ ซึ่งหากมีเม็ดเงินใหม่อาจไหลไปหุ้นใหม่ที่กองทุนวายุภักษ์ไม่ได้ถือก็เป็นได้


สรุป มาตรการช่วยพยุง SET มีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งล่าสุดเตรียมฟื้นกองทุนวายุภักษ์และรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำของนักลงทุนไว้ที่ 3% โดยหุ้นที่มีโอกาสได้รับเม็ดเงินไหลเข้า คือ หุ้นเดิมที่กองทุนวายุภักษ์ถืออยู่แล้ว อาทิ PTT SCB TTB BCP KTB AOTADVANC GULF SCC BDMS เป็นต้น

วันนี้ช่วงท้ายตลาดหุ้นอาจผันผวนจากการ ROLLOVER FUTURES
วันนี้เป็นวัน ROLLOVER สัญญา FUTURES (จะเป็นวันรองสุดท้ายของการซื้อขายช่วงสิ้นไตรมาสเสมอ) ซึ่งปกติจะส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวนในช่วงท้ายของการซื้อขายเสมอ


ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงย้อนกลับไปดูและวิเคราะห์วันที่มีการ ROLLOVER สัญญาFUTURES ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า วัน ROLLOVER FUTURES SET INDEX จะแกว่งตัวในกรอบกว้างเป็นพิเศษเฉลี่ยอยู่ที่13.72 จุด และถ้าต่างชาติมีการชอร์ตสุทธิสะสมมาตลอด 1 เดือนก่อนหน้า ก็มีมักจะ ROLLOVER ชอร์ตต่อกดดันให้ SETINDEX ย่อตัวในวันปิดสัญญาได้ ในทางกลับกันถ้าต่างชาติมีการลองสุทธิสะสมมาตลอด 1 เดือนก่อนหน้า ก็มีมักจะ ROLLOVER ลองต่อกดดันให้ SET INDEX มีโอกาสในการปรับตัวขึ้นในวันปิดสัญญาได้


ในมุมมองของฝ่ายวิจัยฯ แม้ในเดือนนี้ต่างชาติชอร์ตสุทธิสะสมมา 4.5 หมื่นสัญญาถ้าตามสถิติในอดีตวันนี้ SET INDEX อาจผันผวนหรือย่อตัวลงได้ แต่หากมองในระยะถัดไป คือ วันที่ 1 ก.ค. 67 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเริ่มใช้กฏ UPTICK RULE อาจหนุนให้นักลงทุนที่ชอร์ตสุทธิ SET50 FUTURES มาต่อเนื่องมีการปิดสัญญา หรือCOVER SHORT ทำให้ SET INDEX มีโอกาสค่อยๆ ฟื้น และผันผวนน้อยลงในระยะถัดไปได้

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้