Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

538

 


ฟ้าเริ่มเปิด
เชื่อว่าแนวทางขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยที่นำเสนอ น่าจะสร้างSENTIMENT เชิงบวก และดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นได้เพิ่มเติม โดยกองทุน THAI ESG ใหม่กำหนดให้สามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 3 แสนบาท,ระยะเวลาการถือครอง 5 ปี และลงทุนได้ช่วงปี 2567– 2571 ซึ่งคาดหมายว่าน่าจะเห็นเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามต้องรอติดตามเงื่อนไขการจัดตั้งกองทุนว่า รูปแบบกองทุนที่จะเสนอขายจะเป็น FIX INCOME FUND , EQUITY FUND หรือFLEXIBLE FUND ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดปริมาณเงินที่จะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นส่วน การกลับมาของกองทุนวายุภักษ์ ที่เปิดให้ผู้ลงทุนทั่วไปเข้ามาซื้อได้ ก็น่าจะเป็นเม็ดเงินก้อนใหญ่ที่เข้ามาสนับสนุนตลาด สำหรับกลไก เช่นUPTIRCK RULE, การควบคุม HFT ยังเดินตามกรอบเวลาเดิม
SENTIMENT เชิงบวกจากแนวทางขับเคลื่อนตลาดทุน ผสมกับทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว น่าจะช่วยหนุนให้ SET INDEX ฟื้นตัว วันนี้ประเมินกรอบ 1305 –1330 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CK, CPALL และ KBANK

 

OUTLOOK เศรษฐกิจไทย ช่วงที่เหลือของปีมีทิศทางดีขึ้น
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 สำนักเศรษฐกิจต่างๆ คาดการณ์ GDP GROWTHเติบโตเฉลี่ย +2.6%YOY (ขยายตัวมากกว่าปีก่อนที่ +1.9%YOY) แม้ใน 1Q67 จะปรับตัวสูงขึ้นแค่ +1.5% อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีเศรษฐกิจบ้านเรายังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแบบขั้นบันได โดย BLOOMBERG คาด 2Q67 +2.1%YOY, 3Q67+2.6YOY% และ4Q67 +3.8%YOY

ขณะที่เศรฐกิจบ้านเราในช่วงที่เหลือของปีมีสัญญาณที่ดีขึ้นในหลายๆ ภาคส่วน ดังนี้
• การบริโภค (C) มีแรงหนุนจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง อีกทั้งในช่วง4Q67 เชื่อว่าจะเร่มเห็นแรงผลักจากโครงการ DIGITAL WALLET แจกเงิน10,000 บาท มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก อาทิ CPALL CPAXTHMPRO

• การลงทุน (I)มีแนวโน้มดีขึ้น หลังต่างชาติที่ได้รับการส่งเสริมลงทุน มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในไทยช่วง 5M67 ทะลุ 7.1 หมื่นล้านบาท และปรับตัวเพิ่มขึ้น58%YOY เชื่อว่าแรงดึงดูดนักลงทุนต่างชาติตามแนวทางของรัฐบาล จะหนุนให้ยอด FDI ขยับตัวสูงขึ้นตามลำดับ มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม อาทิAMATA WHA

• การใช้จ่ายภาครัฐ (G) เป็นภาคส่วนที่หดตัวรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา แต่ล่าสุดภาครัฐมีแนวทางเร่งเบิกจ่ายงบปี 67 ให้ได้ 70% ภายใน 3Q67 และน่าจะเห็นความต่อเนื่องของการขับเคลื่อนของการใช้งบปี 68 ใน 4Q67 มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง อาทิ SCC, SCCC, CK, STEC

• การส่งออก (EX)กระทรวงพาณิชย์คาดตลอดทั้งปี 67 เติบโตราว1-2%แต่ล่าสุดในช่วง 5M67 ขยายตัว +2.6% โดยมีแรงหนุนหลักๆ จากการส่งออกสินค้าเกษตร ทำให้ช่วยลดแรงกดดัน DOWNSIDE GDP มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากการส่งออก อาทิ TU ITC CPF

 

สรุป เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณดูดีขึ้นจากหลายๆ ภาคส่วน ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น C, I, G, EX หนุนให้หุ้นกลุ่ม DOMESTIC PLAY กลับมาน่าสนใจ

ระดับการ SHORT SALE ลดลง หนุน SET ฟื้นตัวได้บ้าง
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลทฯออกมาตรการยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุน 4 ข้อ(รายละเอียดในบทวิเคราะห์ MARKET TALK วานนี้) บวกกับกระแสการมีกองทุนTHAI ESG เงื่อนไขใหม่ในช่วงบ่ายวานนี้ ทำให้ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และทำให้วานนี้ SET INDEX ปิดบวก 10.32 จุด หรือ +0.79%ซึ่งปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากสัดส่วนการ SHORT SELL ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยวันที่17 มิ.ย.67 ตลาดฯ มีสัดส่วน SHORT SELL สูงถึง 16% ของมูลค่าซื้อขาย พอวันที่18 มิ.ย.67 มีความคืบหน้าประเด็น UPTICK เริ่มหนุนให้สัดส่วนการ SHORT SELLลดลงเหลือ 13.4% ของมูลค่าซื้อขาย และลดลงต่อเนื่องจนล่าสุดเหลือ 9.89% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย SHORT SELL ในรอบ 1 เดือนที่ 13.4% และค่าเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี(YTD) ที่11.4% แล้ว


ขณะที่ในมุมของหุ้นที่น่าลงทุนในช่วงนี้เน้นไปที่หุ้นในกลุ่ม THAIESG ที่มีโอกาสได้เม็ดเงินกระตุ้น, ราคาหุ้นในช่วง YTD ปรับตัวลงมาลึก และมีสัดส่วนการ SHORT SELLในช่วง 2 วันที่ผ่านมาลดลงอย่างมีนัยฯ (เทียบสัดส่วน 1 เดือนย้อนหลัง) อาทิ ORICOM7 SCC IVL AP PSH PTTGC CBG IRPC OR เป็นต้น


SET INDEX น่าจะเริ่มเห็น DOWNSIDE และทยอยปรับตัวขึ้นได้ หลังมีประเด็นหนุนจากมาตการต่างๆ ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เช่น UPTICK RULE และ การเพิ่มเงื่อนไขที่เอื้อหนุนต่อ SET มากขึ้นของกองทุน THAIESG ซึ่งน่าจะช่วยลดระดับการ SHORT ให้ลดลงได้อีกในระยะถัดไป ส่วนหุ้นวันนี้แนะนำ หุ้นในกลุ่ม THAIESG ที่มีโอกาสได้เม็ดเงินกระตุ้น, ราคาหุ้นในช่วง YTD ปรับตัวลงมาลึก และมีสัดส่วนการ SHORT SALEน้อยลงอย่างมีนัยฯ อาทิ ORI COM7 SCC IVL AP PSH PTTGC CBG IRPC ORเป็นต้น


THAIESG ใหม่ พระเอก พลิกเกมส์หนุนตลาดหุ้นไทย
การจัดตั้งกองทุน THAIESG ใหม่ มาในเวลาที่เหมาะสมได้พอดี เพราะ ณ SET INDEXตรงนี้ มี VALUATION ที่น่าสนใจมาก หลังดัชนีเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกับกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยเพิ่มขึ้น อทั้งยังมี P/E เพียง 14.3 เท่า, PBV 1.22 เท่า และDIVIDEND YIELD 3.5% น่าจะจูงใจให้เม็ดเงินไหลเข้ามาในกองทุน THAIESG ใหม่และตลาดหุ้นได้มากขึ้นในช่วงนี้

ส่วนรายละเอียดที่สำคัญของ THAIESG ใหม่ คือ มีวงเงินที่ซื้อได้เพิ่มขึ้น เป็น 3 แสนบาท (เดิมจาก 1 แสนบาท) และระยะเวลาการถือครองน้อยสุดในกองทุนประหยัดภาษีทั้งหมด เหลือเพียง 5 ปี (จากเดิมไม่น้อยกว่า 8 ปี) ส่วนสินทรัพย์ที่ถือครองเป็นหุ้นและตราสารหนี้ที่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ ESG


ในมุมมองฝ่ายวิจัยฯ ประเมินประเด็นดังกล่าวถือว่าดีต่อตลาดหุ้นไทยมากและเข้ามาได้ในเวลาที่เหมาะสมพอดี โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ระยะเวลาการถือครองเพียง 5 ปี สั้นกว่ากองทุนประหยัดภาษีทั้งหมด และกระจายตัวซื้อในเวลาไหนของปีก็ได้ถือว่าดีกว่า LTF ที่ถือครอง 7 ปีปฏิทิน
มาก เพราะช่วยแก้ปัญหาเม็ดเงินไม่จำเป็นต้องไปกระจุกตัวซื้อกันในช่วงเดือนธ.ค. เหมือน LTF ในอดีต ที่แรงซื้อเกือบ 45% อยู่ในเดือนนี้และแรงซื้อกว่า65% กระจุกตัวเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ของปี และอาจจะช่วงพยุงตลาดในช่วยเวลาหุ้นตกหนักได้ดี


2. อาจหนุนให้เม็ดเงินที่เคยไหลออกไปกองทุนต่างประเทศ หลัง LTF หมดไปกว่า 1 แสนล้านบาท ไหลกลับเข้ามาบ้าง ตั้งแต่กองทุน LTF หมด สิทธิในการ
ลดหย่อนภาษีในปี 2020 มีกองทุนต่างประเทศ (FIF) เพิ่มขึ้นจาก 743กองทุน เป็น 1174 กองทุน หรือเพิ่มขึ้นมากว่า 431 กองทุน หนุนให้มีเม็ดเงินสลับไปซื้อจน AUM เพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนล้านบาท แต่หลังจาก THAIESG ใหม่พร้อมกับหุ้นย่อตัวลงมา ก็อาจจะหนุนให้เม็ดเงินดังกล่าวสลับเข้ามาซื้อได้บ้าง

 

3. คาดหวังเม็ดเงินจาก THAIESG ใหม่ ไหลกลับเข้ามาหนุนตลาดหุ้น 6 – 7หมื่นล้านบาท และหนุนให้กองทุนลดสถานะเงินสดและซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นในพอร์ตช่วงเวลาที่เหลือของปี ในปีนี้สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยน้อยมากเพียง 4.8พันล้านบาท (YTD) เท่านั้น ทำให้ปัจจุบันมีการถือเงินสดอยู่ในระดับหนึ่งและบางกองทุนถือเงินสดถึงเกือบ 10% เลยที่เดียว ฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่าประเด็นนี้น่าจะหนุนให้กองทุนเพิ่มเงินในพอร์ต สร้าง WINDOW DRESSING ช่วงกลางปี และยังรอรับเม็ดเงินจากกองทุน THAIESG เข้ามาสมทบเรื่อยๆประเมินมีโอกาสใกล้เคียงกับเม็ดเงินจากกองทุน LTF ที่ 6 – 7 หมื่นล้านบาทต่อปี และเม็ดเงินทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท มักหนุนให้ SET ขยับขึ้นได้ 1 –2%


ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ฝ่ายวิจัยฯ คิดว่า กองทุน THAIESG ใหม่ พระเอกพลิกเกมส์หนุนตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี ทั้งนี้มีความเสี่ยงนิดนึงกับปริมาณเงินที่อาจลดลงหากมีการออกกองทุน THAIESG ประเภทตราสารหนี้ออกมาเยอะดังนั้นจึงทำการค้นหาหุ้นที่กองทุน THAIESG ถือมากสุด (ใน 10 กองใหญ่สุดจาก 32ทั้งหมดกองทุน) หวังจะได้เม็ดเงินค่อยๆ ทยอยเข้ามาเพิ่มเติมในช่วงต่อจากนี้ โดยหุ้นที่กองทุน THAIESG ถือเยอะสุด คือ CPALL ตามมาด้วย AOT, PTT, DELTA, GULF,PTTEP, CPAXT, CPN, BDMS

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้