Market Wrap-Up
- SET วันที่ 24 มิ.ย.67 ปิด +10.32 จุด อยู่ที่ 1,316.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,354 ลบ.ต่างชาติขาย 1,087 ลบ.สถาบันซื้อ 495 ลบ.รายย่อยซื้อ 505 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิรวม 388 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น CPALL,SCB,BBL,TU,SIRI และมียอดขายสุทธิ AOT,BH,DELTA,STA,TOP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 4,093 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TPIPL-R,SCGP-R,KTB โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 174 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 90,427 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 3,081 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.67%, S&P500 -0.31%, Nasdaq -1.09% กลุ่มเทคโนโลยี -2.07%, สินค้าฟุ่มเฟือย -0.74% ขณะที่กลุ่มพลังงาน +2.73%, สาธารณูปโภค +1.25% โดยนักลงทุนรอตัวเลข US PCE พ.ค. ในช่วงค่ำวันศุกร์นี้ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.73% ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร +1.7% และรถยนต์ +1.5% หลัง EU จะเจรจากับจีนในกำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์ EV จากจีน
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA +0.67% ได้แรงหนุนจากกลุ่มการเงิน, พลังงาน, สาธารณูปโภค ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตชิป -3% นำโดย Nvidia -6.68% ถูกแรงขายทำกำไรหลัง Market Cap. แซง Microsoft ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งเป็นซื้อขายสลับกลุ่มออกจากกลุ่ม Growth เข้าพักเงินในกลุ่ม Value Stock เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยสัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตาม US GDP Q1/67 ครั้งที่ 3 คาด +1.5% & ครั้งที่ 2 +1.3% QoQ และวันศุกร์ US Core PCE พ.ค. คาด 6% & เม.ย. 2.8% YoY เพื่อประเมินโอกาสลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่ง CME Fedt Watch ชี้โอกาส 61.1% และ 45.2% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย.และ ธ.ค. ตามลำดับ
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มยานยนต์ หลัง EU เตรียมเจรจาเกี่ยวกับเก็บภาษีรถยนต์ EV จากจีน ส่งผลให้ความเสี่ยงสงครามการค้าลดลง โดยประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้วันที่ 30 มิ.ย. จะเป็นการเลือกตั้งรัฐสภารอบแรกของฝรั่งเศส ซึ่งโพลล่าสุดชี้พรรคเนชั่นแนล แรลลี ที่เป็นพรรคขวาจัดมีคะแนนนำ
- ตลาดหุ้นเอเชียเหนือวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี โดยอยู่ระหว่างรอตัวเลข US PCE ซึ่งเป็นดัชนีที่เฟดใช้วัดเงินเฟ้อสหรัฐ และมีผลต่อเฟดในการตัดสินใจลดดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนีนิเกอิวานนี้ +0.54% ได้แรงหนุนจากกลุ่มส่งออก หลังค่าเงินเยนอ่อนค่าอยู่ที่ 159.70 เยน/ ซึ่งส่งผลให้ BOJ อาจพิจารณาลดวงเงินซื้อพันธบัตรในการประชุม ก.ค. นี้ เพื่อลดความเสียงเงินเฟ้ออาจสูงขึ้นจากการอ่อนค่าของเยน
- SET วานนี้ +0.79% ปริมาณการซื้อขาย 3.83 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 0 พัน ลบ. รายย่อยซื้อ 305 ลบ สถาบันซื้อ 495 ลบ. และพอร์ตโบรกซื้อ 286 ลบ. ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีก, รพ., อสังหาฯ, ท่องเที่ยว และอิเล็ก ฯ หลัง ก.คลัง & กลต & ตลท. แถลง ม.ขับเคลื่อนตลาดทุน ซึ่ง ก.คลังพิจารณาปรับเงื่อนไขของกองทุน ThaiESG ให้สามารถหักลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาท จากเดิมไม่เกิน 1 แสนบาท และปรับลดระยะเวลาถือครองจากเดิม 8 ปี เหลือ 5 ปี รวมถึงเพิ่มหุ้นที่จะเข้ากองทุน ThaiESG จากเดิม 128 เป็น 200 หลักทรัพย์ โดยเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งคาดจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดทุนปีนี้ราว 5 หมื่น ลบ. ส่วน ม.กำกับดูแลตลาดทุนนั้น วันที่ 1 ก.ค. จะเริ่มใช้เกณฑ์ Up-Tick Rule สำหรับธุรกรรมช็อตเซล รวมถึง ม.อื่น ๆ เช่น Circuit Breaker รายหุ้น, ม.Auction หุ้นที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย คาดเริ่มใช้ปลาย ส.ค. นี้ ส่วน ม.กำหนดเวลาขั้นต่ำของ Order ก่อนจะสามารถยกเลิกได้ที่ 250 Millisecond และการตรวจสอบหุ้นก่อนส่งคำสั่งธุรกรรมช็อตเซล คาดจะเริ่มใช้ใน Q3 นี้ จากประเด็นดังกล่าวข้างต้นเป็นปัจจัยบวกหนุนสภาพคล่องของตลาดทุนไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,305 – 1,310 แนวต้าน 1,320 – 1,330 ประเมินดัชนีมีโอกาส Sideway Up จากสภาพคล่องในตลาดปรับดีขึ้น หลังการปรับเกณฑ์กองทุน ThaiESG คาดจะมีเม็ดเงินใหม่เข้าตลาดปีนี้ได้ราว 5 หมื่น ลบ. แนะนำทยอยซื้อกลุ่มที่อาจได้ประโยชน์จากเม็ดเงิน TESG เช่น กลุ่มค้าปลีก CPALL,CRC,BJC /อาหาร CPF,GFPT,ICHI / ท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT
- NEO* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 63.00 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q67 มีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และกำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มรายได้ระดับกลาง-บนซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่ดี และจากสภาพอากาศในฤดูร้อนย่างสู่ฤดูฝน ผู้บริโภคมีความต้องการผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลสุขภาพ โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะดีต่อเนื่องจาก 1Q67 ที่ระดับ 46% จากการออกสินค้ากลุ่ม Premium / Premium Mass ที่มีมาร์จิ้นสูง และรักษาสัดส่วนของสินค้ากลุ่ม Personal Care และ Baby & Kids ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่ากลุ่ม Household และวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 67 ในระดับ Double Digit จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 50-100 SKU ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 05 พันล้านบาท +27%YoY และ 1.13 พันล้านบาท +8%YoY
- SAV (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท) กำไรสุทธิงวด 1Q67 อยู่ที่ 94 ลบ., +40.68%QoQ, +207.30%YoY ปัจจัยบวกหลัก คือ จำนวนเที่ยวบินรวมที่ยังมี Gap การฟื้นตัวPost Covid-19 ออกมาที่ +9%YoY +3%QoQ จากแรงหนุนของเที่ยวบินนานาชาติที่ +26%YoY +6%QoQ ด้านการดำเนินงาน 2Q67 นี้ เบื้องต้นคาดว่าจะยังเป็นบวกฟื้นตัวต่อได้ YoY และมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจาก AirAsia Cambodia ที่เริ่ม operate ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และ ช่วงเดือนมิ.ย.นี้ Angkor AIR เปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ระหว่าง นิวเดลี และ พนมเปญ ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราคาด กำไรสุทธิ SAV ในปี67 ที่ 507 ลบ.(+31%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ส.ค. +$0.90 อยู่ที่ $81.63 / บาร์เรล, Brent ส.ค. +$0.77 อยู่ที่ $86.01/บาร์เรล ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า รวมถึงอุปสงค์น้ำมันสหรัฐปรับดีขึ้น และสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐปรับลดลง
Gold Update(+) Comex Gold ส.ค.+$13.20 อยู่ที่ $2,344.40/ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.31% อยู่ที่ 105.473 อยู่ระหว่างรอตัวเลข US PCE พ.ค. ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -38.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -29.65 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -2.28 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -6.86 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 36.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.236 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -24 จุด อยู่ที่ 1,973
(-) BitCoinเช้านี้ -4.76% อยู่ที่ 60,294.4 ดอลลาร์สหรัฐ
(0)BOJ รายงาน Core CPI มิ.ย. คาด 1.9% & พ.ค. 1.8% YoY
Economic Calendar
ในประเทศ
21 มิ.ย. กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย
25 มิ.ย. ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
26 มิ.ย. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ฉบับย่อ
28 มิ.ย. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
25 มิ.ย. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (มิ.ย.)
26 มิ.ย. US ยอดขายบ้านใหม่ ( พ.ค.)
27 มิ.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 1)
28 มิ.ย. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล PCE Price Index ( พ.ค.)
US รายงานนโยบายการเงินของเฟด
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio June 2024: GFPT*, SAPPE*, ITC*, BTG*, KLINIQ
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th