Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

763

 


"ThaiESGPlay"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Rebound ต่อ" ต้าน 1315/1323จุด รับ 1295/1290จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวกรอบแคบต่อเป็นวันที่ 2 หลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเริ่มถูกขายทำกำไร ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯยังขยายตัว ดัชนี Flash PMI ภาคการผลิตและบริการ มิ.ย. 24 สูง 51.7 และ 54.6 จุด เพิ่มจาก prev. ทั้งนี้ US Bond Yield อายุ 10ปี ยังแกว่งตัว -1 bps ระดับ 4.257% ต่ำกว่าแนวต้านเชิงเทคนิค 4.3% บ่งชี้ตลาดยังเชื่อมั่นเงินเฟ้อกำลังอ่อนลงต่อเนื่อง ตามภาคแรงงานที่ชะลอลง โดยรวมประเมินภาพต่างประเทศเป็นกลาง ส่วนภายในเป็นบวก การส่งออก +7.2%y-y ขยายตัว 2 เดือนติด นอกจากนี้วันที่ 24-25 มิ.ย. ติดตามการแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสั้น กลาง ยาว ผสาน มาตรการฝั่งตลาดทุน มีกระแสเพิ่มสิทธิ์ ThaiESG (วงเงิน 3.0 แสนบาท+ลดเวลาถือเหลือ 7ปี) รวมถึงมาตรการ Uptick Rule ใกล้มีผล น่าจะหนุน SET ฟื้นตัวต่อ หุ้นนำ คือ กลุ่มปรับฐานลึก+มีน้ำหนัก Thai ESG สูง+Short ยังไม่ปิดสถานะมาก วันนี้แนะนำ AP, CPALL, GPSC


Daily outlook: "Rebound ต่อ" ต้าน 1315/1323 จุด รับ 1295/1290 จุด

What happened around the world ?

• (*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐวันศุกร์แกว่งตัว Dow jones 0.04%, S&P500 -0.16%, Nasdaq -0.16% โดยดัชนี S&P Sector ที่ปรับขึ้นหลักคือกลุ่ม Consumer discretionary , ICT, Health care ฯลฯ โดย Sector ที่ปรับลงหลักๆ คือ IT, Enrgy ฯลฯ โดยหุ้นที่ปรับขึ้น/ลงเด่นๆคือ Alphabet 1.89%, Microsoft +0.92%, Broadcom -4.4%, NVDIA -3.2%, Micron -3.22% ฯลฯ

•(+) S. Korea Export : ยอดส่งออกเกาหลีใต้ในช่วง 20 วันแรกของเดือน +8.5%y-y โดยหมวด Semiconductor +50.2% y-y การส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 23.5% KSS ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่ม Semiconductor และกลุ่มชิ้นส่วนไทย เน้น KCE, HANA

•(*)Japan Econ 1.)เงินเฟ้อญี่ปุ่น(CPI) เดือน พ.ค. +2.8%y-yสูงสุดในรอบ 6 เดือน สูงกว่าตลาดคาดและเร่งขึ้นจาก 2.5%y-y ในเดือน เม.ย.(หลักๆผลจากหมวดพลังงานขึ้นแรง หลังรัฐยกเลิกมาตรการควบคุมราคา) 2.) PMI ภาคการผลิต (เบื้องต้น) เดือน มิ.ย. ชะลอตัวอยู่ที่ 50.1 จุด แต่ยังยืนเหนือ 50.1 โดยคำสั่งซื้อใหม่ยังคงลดลง MUFG ประเมินคาด BoJ จะขึ้นดอกเบี้ยอีก +15 bps ในช่วง 3Q24 และพักการขึ้นในช่วง 4Q24 ก่อนที่จะขึ้นอีกครั้งราว +25 bps ใน 1Q25 ในเชิงกลยุทธ์ เรายังคงแนะนำ Slightly Underweight ตามเดิม กลยุทธ์สำหรับคนที่ถือกองทุนหุ้นญี่ปุ่น คือทยอยลด Position แนะนำสลับไปลงทุนในตลาดหุ้นจีน

•(*/+) US Econ : 1.)PMI ภาคการผลิต เดือน มิ.ย. ขยายตัวขึ้นและยืนโซนบวก 5 เดือนที่ 51.7 จุด (คำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือน) 2.) PMI ภาคบริการ ในเดือนเดียวกันเร่งขึ้นมาที่ 55.1 จุดทำระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือน โดยคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในรอบ 1 ปี KSS ประเมินเศรษฐกิจ สหรัฐฯ เติบโตแข็งแกร่ง นำโดยเฉพาะภาคบริการ (70% GDP สหรัฐ) บ่งชี้ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่งหนุนค่าเงิน US Dollar แข็งค่าขึ้น 3.)

•(*/-) EU Econ : ดัชนี PMI ทั้งภาคการผลิตและบริการ (เบื้องต้น) เดือน มิ.ย. เกือบทุกประเทศพลิกกลับมาชะลอลงและต่ำกว่าคาดในทางเดียวกัน 1.)ฝรั่งเศสภาคการผลิต เดือน มิ.ย. อยู่ที่ 45.3 จุด , ภาคบริการ อยู่ที่ 48.8 จุด 2.)เยอรมัน ภาคการผลิต เดือน มิ.ย. อยู่ที่ 53.3 จุด , ภาคบริการ อยู่ที่ 43.4 จุด

•(*/-)EU - China Trade war: ก่อนหน้าข่าว EU จะเรียกเก็บภาษีนำเข้า EV จากจีนเป็นการชั่วคราว สูงสุด 25% จากเดิม 10% เริ่มมีผล 4 ก.ค. 2024 ล่าสุดปลายสัปดาห์ ข่าว CNBC จีนและสหภาพยุโรปตกลงที่จะเริ่มการเจรจาเกี่ยวกับการเก็บภาษีรถยนต์EV ในจีน ทำให้มีโอกาสที่ยุโรปจะผ่อนคลายและยกเลิกการเก็บภาษีกับจีนได้ (โดยการสืบสวนจะดำเนินไปถึง 2 พ.ย.) KSS ประเมินโอกาสสูงที่ EU จะเดินหน้าเก็บภาษีต่อมมากกว่า โดยหาก EU เก็บภาษีจีนจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม อิเล็กฯไทย เพราะมีโอกาสที่ยุโรปจะย้ายมานำเข้าชิ้นส่วน EV จากไทยเพิ่มโดยเฉพาะ KCE และ จะเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นในกลุ่มนิคมฯ จากการย้ายฐานการผลิตเพื่อหลีกเลี่ยง Trade war ที่จะรุนแรงขึ้นในอนาคต Top Pick เน้น WHA

• (*) US Bond Yields & Dollar : แนวโน้มระยะกลางเป็นขาลง แต่ระยะสั้นแกว่งตัวออกข้าง อายุ 2 ปีปรับลง -1 bps ลงมาอยู่ที่ 4.734% ส่วนอายุ 10 ปี ปรับลง -1 bps อยู่ที่ 4.257% เช่นเดียวกับ Dollar Index ระยะสั้นแข็งค่าแรงบริเวณ 105.4+/- จุด

• (*) To monitor : ติดตาม 25 มิ.ย. ติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภค Conf. Board มิ.ย. คาด 100 จุด vs prev. 102 จุด, 27 มิ.ย. ติดตาม GDP 1Q24 รายงานครั้งสุดท้าย คาด +1.5%y-y 27 - 28 มิ.ย. ติดตามการประชุมคณะกรรมการสหภาพยุโรป

• (*/-) Oil : น้ำมันดิบ Brent -0.55%d-d ปิดที่ US$ 85.24/barrel. น้ำมันดิบ West Texas -0.69%d-d ปิดที่ US$ 80.73/barrel

•(+) Rubbber price : ยาง TOCOM +4.93%d-d, +9.6%qtd ปิดที่ 346.8JPY/kg มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นทำธุกิจส่งออกยาง เน้น STA, NER

 

What happened in Thailand ?

• (*/-) SET: SET Index ปรับขึ้นและกลับมายืนเหนือ 1300 จุด + 8.12 จุด +0.63% ปิดที่ 1306.4 จุด สอดคล้องกับตลาดหุ้นฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปรับขึ้นโดยส่วนใหญ่ กลุ่มหนุน คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, GPSC, EGCO) มองราคาก๊าซที่เริ่มปรับลงช่วยคลายความกังวลต้นทุนระยะสั้น กลุ่มค้าปลีก (CPAXT, GLOBAL) มองเก็งรับรัฐฯเตรียมแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น - กลาง - ยาว ต้นสัปดาห์นี้ กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) มองพักตัว หลังนำตลาดต่อเนื่องในช่วงผันผวนต้นสัปดาห์ กลุ่ม ร.พ. (BDMS) มองตลาดสลับออกสู่หุ้นปรับฐานลงลึกช่วงตลาดผันผวน

• (*) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น -43.1 ล้านเหรียญฯ เป็นการขาย 22 วันทำการต่อเนื่อง ขายพันธบัตร -42.5 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Long 22,254 สัญญา เงินบาททรงตัวสู่ 36.7 +/- บาท

• (+) TH Export: กระทรวงพาณิชย์ เผยยอดส่งออก ขยายตัวเป็นบวก 2 เดือน เดือน พ.ค. +7.2%y-y ดีกว่าคาด 2.0% (5M24 +2.6%) ส่วนยอดนำเข้าพลิกติดลบเล็กน้อยที่ 1.7%y-y ส่วนดุลการค้าเป็นภาพพลิกกลับมาเกินดุล 625 ล้านเหรียญฯ จาก prev. -1.642 พันล้านเหรียญฯ กลุ่มสินค้าส่งออกเด่น พ.ค. 24 ได้แก่

o อาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัว 8 เดือนติด (+39.2%y-y, 5M24 +29.6%) บวกต่อ AAI, ITC เน้น ITC

o ยาง ขยายตัว 7 เดือนติด (+46.6%y-y, 5M24 +30.9%) บวกต่อ NER, STA,TRUBB, TEGH เน้น STA และบวกต่อกลุ่มอิงกำลังซื้อฐานราก และหุ้นเชื่อมโยงกับยาง อาทิ CPALL, DOHOME, STA เน้น CPALL

o ไก่แปรรูป ขยายตัว 3 เดือนติด (+10.2%y-y, 5M24 +6.7%) บวกต่อ GFPT, CPF เน้น GFPT

o สิ่งปรุงรสอาหาร ขยายตัว 11 เดือนติด ติด (+6%y-y, 5M24 +13.5%) บวกต่อ XO

ส่วนประเด็นน่าสนใจอื่นๆ คือ ตลาดที่ขยายตัวเร่งขึ้น คือ จีน, สหรัฐฯ อาเซียน ทำให้ระยะถัดไป เราประเมินยังคาดหวัง Upside การส่งออกจากการฟื้นตัวจีนเริ่มชัดขึ้น ขณะที่ยอดนำเข้าพลิกติดลบเล็กน้อยที่ 1.7%y-y หนุนเดือนนี้ไทยพลิกกลับมาเกินดุลการค้า 625 ล้านเหรียญฯ ผสาน ดุลบริการที่ยังเป็นบวกจากภาคท่องเที่ยวที่อยู่ในเกณฑ์ดี มองหนุนค่าเงินบาท/ดอลาร์มีแนวโน้มแข็งค่า เป็นจิตวิทยาบวกต่อ Fund Flow

• (+) TH Property: ครม. มีคำสั่งด่วนกระทรวงมหาดไทย เร่งศึกษากฎหมายมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ทบทวนหลักเกณฑ์-กฎหมายให้สิทธิต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด จากเดิมไม่เกิน 49% เป็นไม่เกิน 75% เปิดกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ์เช่าได้ไม่เกิน 99 ปี แม้กระบวนการแก้ไขกฎหมายยังน่าจะต้องใช้เวลาและอาจมีเสียงคัดค้าน แต่ระยะสั้นเชื่อว่า ตลาดมีโอกาสเล่นภาพความคาดหวังเชิงบวกต่อ Upside ช่วยกลุ่มอสังหาฯ ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะกลุ่มที่สัดส่วนการขายคอนโดชาวต่างชาติสูงๆ อาทิ AP, SIRI, ANAN โดยทางพื้นฐานเราชอบ AP, SIRI

• (+) Import VAT: กระทรวงการคลัง ได้ออกประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อรองรับการการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท เรียบร้อยแล้ว เพื่อแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมในการขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภค ระหว่างผู้ขายในต่างประเทศที่ไม่ต้องเสีย VAT กับผู้ขายในประเทศที่ต้องเสีย VAT โดยจะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.-31 ธ.ค.24 ผสาน แนวโน้มสอดคล้องกับ Digital Wallet ที่คาดห้ามใช้สิทธิ์สินค้านำเข้า มองบวกต่อกลุ่มค้าปลีก เน้น CPALL, CPAXT, BJC, MOSHI

• (*/+) TH Gov Annual Budget 2025: การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ วาระแรกในชั้นรับหลักการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบรับหลักการด้วยคะแนน 311 ต่อ 175 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 0

• (*/+) ThaiESG: วันนี้ (24 มิ.ย.) รมว.คลัง นำ ตลท.-ก.ล.ต.แถลงใหญ่มาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน กระแสข่าวล่าสุดคาดจะออกมาการปรับปรุงสิทธิ์กองทุน ThaiESG ทั้งสิ้น 3 ส่วน 1) เพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีจากเดิมไม่เกิน 100,000 บาท เป็นไม่เกิน 300,000 บาท 2) ลดระยะเวลาการถือครองเหลือ 7 ปี จากเดิม 8 ปี 3) กำหนดมาตรการมีผลระหว่างปี 2024-26 โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณของฝ่ายวิจัยโดย การเลือกหุ้นที่อยู่ใน SETESG ที่มีคุณสมบัติดังนี้ i) หุ้นที่ราคาปรับลง ytd สูง vs SETESG -9.8% ii) มีน้ำหนักในดัชนี SETESG ค่อนข้างมากและ iii) มีสัดส่วนสถานะ Short-selling คงค้างเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาด พบว่า หุ้นในดัชนี SETESG ที่เด่นสุด ได้แก่ SCC (YTD ปรับลง -27%, น้ำหนักใน SETESG 2.8%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 0.86%), IVL(-25.8%, 1.05%, 2.16%) , CRC(-28%, 1.6%, 1.1%), BTS(-36.8%, 0.57%, 1.43%), PTTGC(-20%, 1.29%, 1.06%), GPSC(-13.9%, 1.1%, 1.2%), CPALL(-2.7%, 4.5%, 0.9%), BGRIM(-21.1%, 0.53%, 0.98%), SCGP(-6.9%, 1.3%, 1.0%), AP (-27%, 0.24%, 1.08%)

• (*/+) Government Stimulus: ต้นสัปดาห์นี้ (24-25 มิ.ย.) ติดตาม รายละเอียดรัฐบาลเตรียมแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น - กลาง - ยาว เบื้องต้นประเมินมาตรการระยะสั้นเน้นไปที่ฝั่งการบริโภค การท่องเที่ยว ส่วนมาตรการระยะกลาง-ยาว เรามองในส่วนการผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนอีกด้าน เรามองหากมีแผนกระตุ้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรม S Curve ใหม่ๆที่ชัดเจน จะช่วยคลายความกังวลภาคผลิตระยะกลาง-ยาวได้ 28 มิ.ย. BOT รายงานภาวะ ศก.ไทยเดือน พ.ค.

 

 

Daily Strategy : AP, CPALL, GPSC เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Rebound ต่อ" ภาพต่างประเทศวานนี้เป็นกลาง เศรษฐกิจสหรัฐฯยังขยายตัวได้ Flash PMI ภาคผลิตและบริการ มิ.ย. 24 ดีกว่าตลาดคาด และยังขยายตัวได้ แต่จุดดี คือ US Bond Yield ไม่ได้ตอบรับเร่งขึ้น มองบ่งชี้ตลาดเชื่อภาพฝั่งเงินเฟ้อที่จะอ่อนลง ส่วนภายในมองเราเป็นบวก 1) คาดว่าสัปดาห์นี้จะเห็นการ Cover Short เร่งขึ้นในสัปดาห์สุดท้ายก่อนมาตรการ Uptick มีผล 2) กระแสเชิงบวกต่อความคาดหวังรัฐบาลเตรียมแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น กลาง ยาว และ 3) กระแสเชิงบวกการเตรียมแถลงมาตรการใหญ่มาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน มองหุ้นนำ 1) กลุ่ม Domestic ปรับฐานลึกจากประเด็นการเมืองไม่ชัดเจน จนมียอด Short สูง 2) กลุ่มหุ้นที่มีน้ำหนักสูงใน SETESGปรับฐานลึก+ Short ยังไม่ปิดสถานะมาก 3) กลุ่มอสังหาฯ จากประเด็นรัฐเตรียมทบทวนกฎหมายให้สิทธิต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด จากเดิมไม่เกิน 49% เป็นไม่เกิน 75%

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA, SCGP)
กลุ่มภาคผลิตไทยฟื้นตัว y-y ครั้งแรกในรอบ 19 เดือนหนุน (GFPT, TU, CBG, SCGP, IVL, STA, NER)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, ICHI, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, WARRIX, MTC, MOSHI, KLINIQ)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA)
กลุ่มได้ประโยชน์เทศกาลฟุตบอลยูโร 2024 (CPALL ADVANC TRUE MINT BJC HMPRO OSP SAPPPE ICHI)

• JUNE24 Best Picks: MINT, GFPT, HANA, ICHI, OSP, BJC, MTC

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : Time to Invest

ทีมกลยุทธ์ออกรายงาน Strategy Update "Time to invest" มอง SET Index โซนปัจจุบันให้ Current ERP ที่ 3.6% เป็นโซนลงทุน และมองใกล้ระดับจุดกลับตัว มองหุ้นน่าลงทุน 1) กลุ่มให้ Dividend สูง 2) กลุ่มที่ Underperform และมีส่วนลดทางพื้นฐานสูง

Key Ideas:

• SET Index ในปี 2024 ยัง "Underperform" ตลาดหุ้นโลกต่อเนื่องจากปี 2023 โดย YTD ปรับตัวลดลง -8.6% โดยการปรับตัวลดลงเร่งขึ้นในระยะหลังจากปัญหาความไม่ชัดเจนการเมือง

• อิงกลไก Equity Risk Premium (ERP) คือ ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่าง Earnings Yield และ Bond Yield อิงระดับ Current EPS ปัจจุบันที่ราว 83 บาทต่อหุ้น และ Forward EPS ที่ 92 บาท ที่ระดับ Index โซน 1350-1300 จุด ถือเป็นจุดน่าสนใจสำหรับการวางสถานะลงทุนระยะกลาง-ยาว อิงระดับดัชนีปัจจุบัน Current และ Forward ERP นั้นสูงในระดับ 3.6%-4.22% สูงกว่า Avg 3.09% ขณะที่หาก Current ERP สูงเกินกว่าระดับ + 1 S.D. (4.09%) vs ปัจจุบันอยู่ที่ 3.6% ใกล้ระดับ +1 S.D. ที่เป็นจุดกลับตัวของตลาด

• จากการศึกษา Back test ย้อนหลัง 20 ปี พบว่า Current ERP แตะระดับดังกล่าว 7 ครั้งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า SET จะกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยทุกครั้งในระยะกลาง กล่าวคือ จากนั้น 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน และ 1 ปี SET ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 0.7%, 4.4% 9.9% และ 20.6% ด้วยความน่าจะเป็น 57%, 43%, 72% และ 86% ตามลำดับ

• มุมมองเม็ดเงินลงทุนระยะสั้นนักลงทุนต่างชาติ รอบล่าสุดที่เข้ามาคือ เริ่มตั้งแต่ช่วง เม.ย. 21 ซึ่งซื้อสะสมรวมถึงจุดสูงสุดช่วงราว มี.ค. 23 ด้วยเม็ดเงินรวม 2.85 แสนล้านบาท ขณะที่หลังจากนั้นเป็นการขายต่อเนื่องถึงปัจจุบัน นับถึงวานนี้ พบว่า เม็ดเงินดังกล่าวไหลออกจาก SET ไปกว่า 3แสนล้านบาทแล้ว บ่งชี้แรงขาย ของนักลงทุนต่างชาติจากจุดนี้น่าจะลดลงเป็นลำดับ

• มาตรการ Uptick ใกล้มีผล เดือน กค 2024 น่าจะลดความผันผวนฝั่ง "Short Sell" ได้บ้าง

กลยุทธ์ คำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนระยะกลาง-ยาว ทยอยสะสมหุ้นในจุดที่มี Margin of Safety สูง ใน 2 Theme เด่น

1.) Dividend Plays ที่ธุรกิจมีความมั่นคง ให้ผลตอบแทน Div. Yield มากกว่าปีละ 4% (vs Policy Rate 2.5%) ได้แก่ SCB AP ICHI PTT BBL INTUCH ADVANC HMPRO BJC WHA TU

2.) หุ้นในกลุ่มที่ Underperform กว่าตลาด (SET YTD ปรับตัวลดลง -8.6%) แต่พื้นฐานระยะกลาง-ยาวยังแข็งแกร่ง Valuation มีส่วนลด PBV24F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย >20% ได้แก่ BTS IVL LH HMPRO KCE PTTGC GPSC HANA GULF

• Strategy Update : SET50/100 Update

ตลาดประกาศผลการ Rebalance ดัชนี SET50/100 รอบ 2H24 มีผลราคาปิดวันที่ 28 มิ.ย. (เริ่มใช้ 1 ก.ค. 24) ผลการ Rebalance ตรงกับที่นักวิเคราะห์เชิงปริมาณ KSS ประเมินไว้ทั้งหมด ดังนี้

• หุ้นเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC BCP TIDLOR และ ITC

• หุ้นหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU SAWAD KCE และ COM7

• หุ้นเข้า SET100 รอบนี้มี 9 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, JAS, QH, SKY, PRM, TIPH

• หุ้นที่หลุด SET100 รอบนี้ 9 บริษัท คือ AURA, BYD, FORTH, MOSHI, NEX, ORI, SNNP, THG, TKN

• Strategy Update : EURO 2024 Plays

Fact : มหกรรมฟุตบอลยูโร หนึ่งในรายการฟุตบอลนานาชาติที่จุดทุกๆ 4 ปี ที่ชาวไทยเฝ้าติดตามสูงสุด จะเริ่มต้นอีกครั้ง กลาง มิ.ย. 2024 นี้ โดยทุกๆทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลระดับโลก เม็ดเงินจับจ่ายใช้สอยจะเร่งขึ้นสูงถึงระดับ 1.5-1.8 หมื่นล้านบาท นับว่ามีนัยสำคัญ เทียบกับช่วงเวลามหกรรมที่สั้นราว 1 เดือน โดยมีสินค้าหลักที่ความต้องการพุ่งสูงขึ้นช่วงเวลา ได้แก่ อาหาร+เครื่องดื่ม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา

Analysis จากการผลการศึกษาผลการเคลิ่นไหวอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกลุ่มสินค้าดังกล่าวในช่วงเวลาที่มีเทศกาลเกิดขึ้นย้อนหลัง 5 ครั้ง กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้ออุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นในช่วงมหกรรมดังกล่าว อาทิ สื่อสาร โรงแรม ค้าปลีก และอาหาร ให้ผลตอบแทน 7.2% 6.3% 4.5% และ 1.8% ในช่วงฟุตบอลยูโร 3 รอบ (ไม่รวมรอบที่มี Market Risk ในปี 2008 (Subprime Crisis) และ 2021 (COVID-19)) ขณะที่พบว่ากลุ่มอาหารระยะหลังที่ทยอยมีหุ้นเครื่องดื่มเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น แม้ในช่วงปี 2021 ที่ตลาดมีปัจจัยเสี่ยง Market Risk ยังสามารถให้ผลตอบแทนชนะตลาดได้ที่ +1.0% vs SET -5.3%

Strategy : เชิงกลยุทธ์ พบว่า หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวที่มักให้ผลตอบแทนเด่นชนะตลาดในช่วงเวลาที่มีเทศกาลฟุตบอลยูโรเฉลี่ย 15.3%-2.7% ถือเป็นชุดหุ้นที่มีความน่าสนใจและเหมาะกับการเก็งกำไรในรอบตลาดปัจจุบันที่กำลังตั้งฐานฟื้นตัว ได้แก่ CPALL(TP-80) ADVANC(TP-275) TRUE (TP-10.3) MINT (TP-42) BJC (TP-33) HMPRO (TP-15) GLOBAL (TP-17.6) SAPPPE(TP-125) DOHOME (TP-12.3) OSP(TP-26) ICHI(TP-22)

• Strategy Update : FTSE Rebalance

FTSE ประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่จะมีผล Rebalance ในราคาปิด วันที่ 21 มิ.ย.2024FTSE ALL World Index(Large + Mid Cap) วัน Rebalance เป็นการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย คิดเป็นเม็ดเงินราว +50 ล้านเหรียญฯโดยหลักๆ เป็นการเพิ่มน้ำหนัก SAWAD BGRIM, CPF ,MINT เฉลี่ยราว +20 ถึง +10 ล้านเหรียญฯ ขณะที่หุ้นเข้า – ออก ในส่วนต่างๆ ดัชนี สรุปได้ดังนี้

o FTSE Large Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก

o FTSE Mid Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก

o FTSE Small Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก

o FTSE Micro Cap : หุ้นเข้า SAFE, TAN หุ้นออก : ไม่มี

• Strategy Update : Data Center

• กระแสลงทุน Data Center ในไทยกำลังเร่งขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม มีสัญญาณบ่งชี้จาก 1) WHA มีโอกาสสูงเซ็นสัญญาขายที่ดินขนาด 400-500 ไร่ให้กับผู้ประกอบการ Data Center ระดับโลกกลางปี 2024 นี้ 2) เริ่มผู้ประกอบการ Data Center ที่เคยลงทุนในประเทศไทยไปแล้วติดต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า วางแผนร่วมกันถึงกำลังผลิตไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมระดับ 100+ MW

• การลงทุนดังกล่าว เรามองบวกต่อการสร้าง S Curve ใหม่ๆต่อเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น อิงขนาดที่ดินที่มีโอกาสขายขนาดใหญ่ WHA บ่งชี้ทิศทางผู้ประกอบการต่างชาติน่าจะมองไทยหนึ่งในศูนย์กลางData Center ของภูมิภาค

• KSS ประเมินทิศทางจะเปิด Upside ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1) กลุ่มนิคม จากโอกาสขายที่ดิน 2) กลุ่มโรงไฟฟ้า จากโอกาสต่อยอด Upside กำลังผลิตเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น 3) กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม ที่มักเป็นกลุ่มช่วยให้ผู้ประกอบการระดับโลกเช่าใช้ Data Center ที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจช่วงเริ่มต้น + โอกาสเติบโตจากการผลักดันมีการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้นระยะกลาง-ยาว 4) กลุ่มผู้รับเหมา ICT ที่มีศักยภาพสร้าง Data Center 5) กลุ่ม Digital Tech จากมุมมองเชิงบวกต่อภาพ Digital Transformation ระยะยาว เชิงกลยุทธ์หากประกอบภาพพื้นฐานหุ้นระยะสั้น ให้เน้น WHA(TP-6) GULF(TP-45.5) TRUE(TP-10.3) INSET(TP-3.2)

 

• AOT (Buy, TP70.5): เรามอง Slightly Negative ต่อการเรียกคืนพื้นที่เช่าบางส่วนคืนจากผู้เช่า AOT ประเมินทำให้รายได้ลดลง -1.1 พันลบ. ต่อปี คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1-2% ของประมาณการรายได้เรา และคิดเป็น Downside -3% ต่อกำไรสุทธิและราคาเป้าหมาย (ยังไม่รวมโอกาสจากการพัฒนาพื้นที่ทำให้มีศักยภาพรองรับผู้โดยสารได้ดีขึ้น) หากราคาหุ้น AOT อ่อนตัวเรามองเป็นโอกาส "ทยอยสะสม" คงคำแนะนำ Buy (TP24/25F 70.50 บาท)

• MAJOR (Buy, TP16.3): เรามอง Slightly Positive ต่อการประกาศซื้อหุ้นคืนของ MAJOR วงเงินไม่เกิน 1 พันลบ. จำนวนหุ้นไม่เกิน 76.8 ล้านหุ้น เริ่ม 16 ก.ค.24-16 ม.ค.25 เราประเมินเป็น Upside ต่อราคาเป้าหมาย (TP24F) +6% เราเปลี่ยนคำแนะนำเป็น Buy (เดิม Trading Buy) คงราคาเป้าหมาย 16.30 บาท

• Bank (Neutral): เรามีมุมมอง Slightly Negative ต่อการรายงานสินเชื่อเดือน พ.ค. 24 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ลดลงเล็กน้อย -0.4% m-m ภาพรวมมองว่าสินเชื่อลดลงทุกกลุ่ม จาก i) ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ii) เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ทำให้การเบิกจ่ายสินเชื่อน้อยลง โดยธนาคารที่รายงานสินเชื่อเพิ่มขึ้นเด่นสุด คือ SCB +0.6% m-m ตามด้วย TISCO +0.4% m-m ขณะที่ธนาคารที่รายงานสินเชื่อหดตัว คือ TTB -0.4% m-m / KKP -0.8% m-m / BBL-1.0% m-m และ KTB -1.3% m-m สำหรับ KBANK รายงานสินเชื่อทรงตัว m-m อย่างไรก็ตามเรายังคงคาดสินเชื่อรวมปี 2024F เติบโต +2% y-y ซึ่งให้น้ำหนักการเติบโตในช่วง 2H24F ทั้งนี้เราคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารที่ NEUTRAL คง KTB (BUY, TP 21บ.) และ TTB (BUY, TP 2.2บ.) เป็น Top pick

• Soft Commodity (Neutral): สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้น +0.49%w-w เพราะอินเดียในเดือนมิยมีฝนตกน้อยคาดกระทบผลผลิตอ้อยปี 2024/25 อย่างไรก็ตามราคายางพาราลดลง -0.75%w-w เพราะต้นทุนราคายางสังเคราะห์ลดลง ราคาถั่วเหลืองลดลง -0.49%w-w เพราะ USDA รายงานสถานการณ์ปลูกถั่วเหลืองสิ้นสุดวันที่ 16 มิย ดีกว่าอดีต ราคาน้ำมันปาล์มทรงตัว w-w ปัจจัยบวกคืออินเดียรายงานนำเข้าน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นในเดือนพค. ปัจจัยลบคือมาเลเซียรายงานสต๊อกน้ำมันปาล์มสิ้นเดือนพค. เพิ่มขึ้น m-m

อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ราคาไก่ทรงตัวที่ 43.50 บาท (ต้นทุน 37-38 บาท) ราคาสุกรทรงตัวที่ 67.5 บาท (ต้นทุน 68-72 บาท) เพราะการบริโภคอ่อนตัวในหน้าฝน ราคาสุกรจีนทรงตัวที่ 18.81 หยวนหรือ 94.1 บาท สูงกว่าต้นทุนการเลี้ยงที่ 16.5 หยวน ราคาสุกรเวียดนาม -1.71% มาที่ 67,000 ดองหรือ 93.8 บาท เพราะผลผลิตสุกรเข้าสู่ตลาดมากขึ้น

เราให้น้ำหนักกลุ่มฯ NEUTRAL เราให้ Top pick GFPT (TP 15.10) แนวโน้มการส่งออกไก่โตและราคาไก่เพิ่ม คาดยังดีต่อเนื่องในผลการดำเนินงาน 2Q24F ขณะที่ราคาสุกรจีนฟื้นตัวเร็วกว่าคาดและราคาสุกรเวียดนามยืนสูงเป็นผลบวกต่อแนวโน้มงบ CPF ใน 2Q24F


2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU

Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้