AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งในกรอบ
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว
Market Strategy
SET Index คาดสร้างฐานตามกรอบ 1290-1310 จุด ปัจจัยแวดล้อมยังขาดแรงขับเคลื่อน โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้แกว่งผสมผสานในกรอบ -/+0.8% จากการขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคฯ ส่วนการรายงาน Initial Jobless Claim เพิ่มขึ้น 2.38 แสนตำแหน่งสูงกว่าคาดที่ 2.35 แสนตำแหน่ง สำหรับวันนี้ติดตามรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิต/บริการ เดือน มิ.ย.ซึ่งตลาดคาด 51/54 ชะลอลงเล็กน้อยเทียบกับเดือนก่อน 51.3/54.8 หากออกมาตามคาดเชื่อว่าตลาดยังตีความเศรษฐกิจอยู่ในโหมด Soft Landing และยังมองการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้
ด้านปัจจัยในประเทศการพิจารณางบประมาณปี 68 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ในวาระแรกระหว่างวันที่ 19- 21 มิ.ย. 67 เชื่อว่าจะผ่านไปและลำดับถัดไปจะกลับมาพิจารณาในวาระ 2-3 ในช่วงปลายเดือน ส.ค. ก่อนส่งต่อ ส.ว.พิจารณาต้น ก.ย. และขึ้นทูลเกล้าช่วงกลางเดือน ก.ย. จึงยังไม่ได้มีความเสี่ยงต่อการงบประมาณปี 68 ที่ล่าช้าแต่อย่างใด
สำหรับวันนี้ติดตาม ตลท.เปิดเผยเกณฑ์ใหม่สำหรับหุ้นที่จะสามารถ Short Sales ได้ช่วง 2H67 ซึ่งหากอิงตามการเกณฑ์เปิดรับฟังความคิดเห็นหุ้นที่ Short Sales ได้ 1) หุ้นที่อยู่ใน SET100 2) หุ้นที่อยู่นอก SET100 ต้องผ่านเกณฑ์ a) Market Cap เฉลี่ย 3 เดือนไม่ต่ำกว่า 7.5 พันล้านบาท (จากเดิม 5 พันล้านบาท) b) Turnover เฉลี่ย 12 เดือนย้อนหลังไม่ต่ำกว่า 2% c) Free Float ไม่ต่ำกว่า 20% จากการใช้เกณฑ์ดังกล่าวคัดกรอง พบมีหุ้นที่มีสถานะ Outstanding Short อยู่ มีโอกาสที่จะไม่สามารถ Short Sales ได้ มี 40 บริษัท มูลค่า Outstanding Short รวม 629 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนแค่ 1.4% ของมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน จึงไม่น่าสร้างแรงขับได้มากนัก กลยุทธ์เลือก BCP (น้ำมันดีด+เข้า SET50) และ ERW (Outlook ดี)
Market Summary
SET Index ปรับลง -5.53 จุดหรือ -0.4% แรงกดดันหลักมาจากกลุ่มค้าปลีก CRC -5.8% กังวลต่อ SSSG ที่ตลาดคาดหดตัวเล็กน้อย กลุ่มพลังงาน -0.5% ถูกขายหลังวานนี้รีบาวน์ WHA -5.6% กังวลเรื่องการ Delay แผนการขายสินทรัพย์เข้ากอง กลุ่มไฟแนนซ์ JMT -4% จากความกังวลของการเก็บหนี้ ส่วนกลุ่มที่หนุนตลาด TRUE +2.4% จากเราปรันประมาณกำไรฯ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,960 ล้านบาท
ATO Daily Stock Picks
แนะนำ ERW BCP
BCP ได้แรงขับเคลื่อนจาก
น้ำมัน + Index Play
BCP เดินหน้าผนึกกำลังกับ BSRC อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าอัตราการใช้กำลังการกลั่นของ BSRC เพิ่มขึ้นจาก 150kbd ใน 1Q67 เป็น 155kbd ในปี 67 และ 164kbd) ในปี 68 และมุ่งเน้นการผลิตผลิตภัณฑ์พรีเมียมมากขึ้น ด้าน synergy ยังตั้งเป้าไว้ที่ 2.5 พันล้านบาทในปี 67 และ 3.0 พันล้านบาทในปี 68
เราคงคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจาก valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยเทรดที่ PER67E เพียง 4.7 เท่า และ PBV67E ปี 67 ที่ 0.7 เท่าและ Dividend Yield 6.5% ต่อปี และการเติบโตของกำไรหลักที่ 20% ในปี 67 โดยได้แรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นจากการกลั่น (GRM) ที่สูงที่ 7 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลในปี 67-68 การควบรวมกิจการกับ BSRC และการเติบโต 50% YoY ของปริมาณการผลิต E&P
ระยะสั้นได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นและการเข้าคำนวณใน SET50 Index ในวันที่ 28 มิ.ย. ซึ่งเราคาดมีเม็ดเงินไหลเข้า 163 ล้านบาท หนุนราคาหุ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 58.00 บาท
ERW ยังมี Momentum
ไปต่อ
เราปรับคำแนะนำ ERW เป็น "ซื้อ" จาก "ถือ" เนื่องจากเชื่อว่าการปรับฐานของราคาหุ้นล่าสุดได้สะท้อนข่าวร้ายส่วนใหญ่ไปแล้ว ซึ่งรวมถึงการเติบโตของกำไรที่ช้าลงในช่วงโลว์ซีซั่น ผลกระทบจาก Dilution 7% หลังมีการใช้สิทธิ ERW-W3 และความกังวลของตลาดเกี่ยวกับการยื่นล้มละลายของบริษัททัวร์แห่งหนึ่งในยุโรป
คาดว่า ERW จะยังคงมีกำไรรายไตรมาสเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตลอดปี 67-68 โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราค่าห้องพัก (ARR) ที่แข็งแกร่งในส่วนของโรงแรมหรู/ราคาประหยัด และโรงแรม HOP INN ใหม่ หุ้น ERW ซื้อขายที่ PE ปี 68 ที่ 22 เท่า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในกลุ่มโรงแรมที่ประกอบธุรกิจในไทยเป็นหลัก แม้ว่าจะมี ROE สูงสุดที่ 12%
เราคาดว่ากำไร 2Q67 ที่ 152 ล้านบาท หดตัว -47%QoQ จากปัจจัยฤดูกาลแต่ขยายตัว 15% YoY หนุนจาก ARR ที่ +8% ARR เนื่องจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 5.00 บาท
KEY FACTOR
ตลาดหุ้นไทยระยะสั้นยังอยู่ในช่วงลุ้นสร้างฐาน วันนี้กลับมาปิด -0.42% หลังฟื้นแรงเมื่อวาน ในขณะที่ทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติที่ซื้อหุ้นเอเชียแบบ Selective (ซื้อไต้หวัน เกาหลีฯ อินเดีย) ในขณะที่ตลาดอื่นๆขายช่วง -3.8 ถึง -73.4 ล้านเหรียญฯ (ขายหุ้นไทยมากที่สุด และเป็นวันที่ 21 ติดต่อกัน) สะท้อนปัจจัยภายในที่ยังคงกดดัน
ในขณะที่ปัจจัยอื่นๆ เมื่อวานนี้ธนาคารกลางจีน (PBoC) คงดอกเบี้ย LPR อายุ 1 และ 5 ปี ที่ระดับ 3.45% และ 3.95% ตามลำดับ เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์
ส่วนวันนี้ติดตามตัวเลข 1) S&P Global PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (Consensus คาด ที่ 51 และ 54 ตามลำดับ) 2) HCOB PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ ของ Eurozone (Consensus 47.9 และ 53.4 ตามลำดับ)
Eyes on
21 มิ.ย. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ