Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

362

 

 


สัญญาณเงินไหลออกจากตลาดฯ ยังคมชัด
สัญญาณการไหลออกของเม็ดเงินลงทุนจากตลาดหุ้นไทย ยังคมชัดทั้ง 3ส่วน เริ่มจาก FUND FLOW ต่างชาติยังคงไหลออกต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันสัดส่วนการถือหุ้นต่างชาติที่ปิดโอนฯต่ำเพียง 22.6% และการถือผ่านNVDR เหลือ 5.24% ส่วนที่ 2 เป็นแรงขายที่เกิดจาก SHORT SELL ซึ่งYTD สัดส่วนการ SHORT SELL ต่อมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน อยู่ที่13.8% โดยบางวันสูงกว่า 16% และส่วนที่ 3 เป็นการไหลออกจากกรณีMARGIN FORCE SELL ซึ่งเพิ่มขึ้นมาในช่วงท้าย หลังจากที่ราคหุ้นในตลาดได้ปรับตัวลดลงมาแล้วระดับหนึ่ง ทั้งนี้สัดส่วนของ MARGIN คงค้างเทียบกับ MARKET CAP อยู่ที่ประมาณ 1.54% ทั้งนี้แรงขายทั้ง 3 ส่วนยังดำเนินไปต่อเนื่อง ส่วนแรงซื้อที่เข้ามาดูเหมือนยังไม่ชัดเจนโดยเรายังรอสรุปเรื่องเงื่อนไขกองทุนประหยัดภาษี ที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ส่วนกลไกที่ชะลอ SHORT SELL อย่าง UPTRICK RULE ก็จะมีผลบังคับ 1 ก.ค.67ยังไม่มีปัจจัยเชิงบวกที่จะเข้ามาดึงให้SET INDEX พ้นจากช่วงการปรับฐานโดยเรายังเห็นเม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นต่อเนื่อง วันนี้คาดกรอบ 1288–1305 จุด TOP PICK เลือก CK, KBANK และ MAJOR

 

กระแสดอกเบี้ยไทย-โลก สวนทางกัน หนุนค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น
กระแสดอกเบี้ยโลก เริ่มเข้าสู่ทิศทางขาลงชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจากวานนี้แคนาดาปรับลดดอกเบี้ยลงจาก 5% มาอยู่ที่ 4.75% (ปรับลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี) ต่อมาคือสวิตเซอร์แลนด์ก็ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจาก 1.50% มาอยู่ที่ 1.25% และ อังกฤษแม้ว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25% แต่ระยะถัดไปมีโอกาสสูงที่จะปรับลดดอกเบี้ยเนื่องจาก CPI เดือนล่าสุดชะลอลงเหลือ 2% ตามเป้าหมายแล้ว ส่วน ECB และ FEDตลาดก็คาดหวังว่าจะทยอยลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.67 ทั้งคู่ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามลำดับ ประเด็นดังกล่าวจึงทำให้ ค่าเงินของประเทศตัวเองอ่อนค่าลงบ้างเล็กน้อย

ขณะที่หากพิจารณาในมุมของค่าเงินบาท มีโอกาสสูงที่ค่าเงินบาทจะทยอยแข็งค่าตามกลไก และในภาวะปกติแล้ว ค่าเงินบาทมักจะแข็งค่าในช่วงที่ FED ทยอยลดดอกเบี้ย สังเกตได้จากช่วงปลายปี 2018 ถึง ปลายปี 2020 FED ลดดอกเบี้ย จาก2.5% เหลือ 0.25% ค่าเงินบาทก็แข็งค่าขึ้นจาก 32.5 บาท/เหรียญ เหลือ 30.0 บาท/เหรียญ เป็นต้น

ในส่วนของไทยมีโอกาสเห็นการคงดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากการประชุมครั้งล่าสุด มีมติคงดอกเบี้ย 6 เสียง ต่อ 1 เสียง (ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อนที่มีมติคงดอกเบี้ย 5 เสียง ต่อ 2 เสียง) และ กนง.มองว่าระดับดอกเบี้ยที่ 2.50% อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจเข้าสู่ศักยภาพและเงินเฟ้อที่ปรับดีขึ้น รวมทั้งเอื้อต่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงินในระยะยาว ดังนั้น การคงดอกเบี้ยของไทย ทำให้ TARGET SET ไม่สามารถขยับขึ้นได้ตามกลไก โดยทุกๆ ดอกเบี้ยที่ลดลง25 BPS. จะหนุนให้มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น ราว 4-5 พันล้านบาท/วัน รวมถึง P/Eเพิ่มขึ้น 0.78 เท่า หรือเป็นแรงผลักให้TARGET SETINDEX ปรับตัวสูงขึ้นอีก 71 จุด


สรุป กระแสดอกเบี้ยโลก เริ่มเข้าสู่ทิศทางขาลงชัดเจนขึ้นตามลำดับ สวนทางกับไทยที่มีโอกาสคงดอกเบี้ยในปีนี้ ตามทิศทางของ กนง.ที่ให้ไว้ หนุนค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้นตามกลไก แต่หากพิจารณาในมุม TARGET SET จะไม่สามารถขยับขึ้นได้ตามการยกระดับ P/E ขึ้นเช่นกันยังไร้แรงหนุนใหม่ๆ จากปัจจัยในประเทศ

วันนี้มีประเด็นที่น่าติดตามสำคัญ 2 เรื่อง ดังนี้
1. ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน พ.ค. 67 ในเวลา 13.30 น.กระทรวงพาณิชย์จะมีการรายงานตัวเลขส่งออกไทย โดย CONSENSUSคาดว่าจะเห็นขยายตัว +1.5%YOY ซึ่งน้อยกว่าเดือนก่อนที่ +6.8%YOYสอดคล้องกับสัญญาณการนำเข้าของจีนที่เติบโตได้น้อยลง

2. การพิจาณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 วาระที่ 1ซึ่งคาดว่าจะจบในวันนี้ ขณะที่การประกาศงบปี 68ไม่น่าจะถูกเลื่อนออกไป แม้จะมีความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยอยู่บ้างในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. 67แต่ยังเชื่อว่าการสะสางคดีต่างๆ ทั้งกรณี “ฟ้องร้องยุบพรรคก้าวไกล” รวมถึง “ยื่นถอดถอนตำแหน่งนายกฯ เศรษฐา” จะดำเนินได้ทันตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ และไม่กระทบอย่างมีนัยฯ กับการประชุมพิจารณาในวาระ 2-3 ช่วงต้นเดือน ก.ย. นี้ ฝ่ายวิจัยฯ มองเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง อาทิ SCC, SCCC, TASCO, STEC, CK เป็นต้น


ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาเยอะ เริ่มเห็นบริษัททยอยประกาศซื้อหุ้นคืน แนะ MAJOR TU BEM
ตั้งแต่ต้นปี 2023 –20 มิ.ย. 67 หรือเกือบ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยถูกต่างชาติขายสุทธิมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 3 แสนล้านบาท กดดัน MARKET CAP ตลาดหุ้นไทยลดลงจาก 20.57 ล้านล้านบาท เหลือ 16.06 ล้านล้านบาท ลดลงไปกว่า 4.5 ล้านล้านบาท ในช่วงเวลาสั้นๆ และ SET INDEX ยังปรับตัวลดลงไปแล้วกว่า -22.1%ในช่วงเวลาดังกล่าว


ขณะที่ช่วงนี้ตลาดยังเผชิญความผันผวนจากประเด็น MARGIN CALL รวมถึงวันนี้SET INDEX ยังมีโอกาสผันผวนช่วงท้ายตลาดฯ จากกองทุนต่างประเทศมีการREBALANCE ตามดัชนี FTSEอย่างไรก็ตามในยามที่ตลาดหุ้นตกลงมาหนักๆ ก็มีบางบริษัททยอยประกาศซื้อหุ้นคืน โดยในปีนี้มีบริษัทที่ประกาศซื้อหุ้นคืนมาแล้ว 16 บริษัท ดังน

ฝ่ายวิจัยฯ เลยทำการคัดกรองเบื้องต้น ว่ามีบริษัทจดทะเบียนไหนที่มีโอกาสประกาศซื้อหุ้นคืนในช่วงนี้ โดยเลือกจากหุ้นที่เคยประกาศซื้อหุ้นคืนมาแล้ว แต่ราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำกว่าตอนนั้น พร้อมกับเงื่อนไขอื่นๆ ประกอบดังนี้
▪ เป็นหุ้นที่เคยถูกซื้อหุ้นคืนในอดีต และราคาปัจจุบันต่ำกว่าตอนนั้น
▪ เป็นหุ้น VALUATION ถูก PE <10 เท่า
▪ มีภาระหนี้สิ้นในระดับต่ำ D/E <1.5 เท่า
▪ มีสถานะการเงินอยู่ในระดับดี CFO >0
▪ มีสภาพคล่องพอในซื้อหุ้นคืนได้ FREE FLOAT > 20% (ตามเกณฑ์หุ้นเข้าSET50 และ SET100)
ได้ผลลัพธ์หุ้นที่อยู่ในสถานะน่าถูกซื้อหุ้นคืนดังนี้
จากรายชื่อหุ้นทั้ง 2 ส่วน ฝ่ายวิจัยฯแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ถูกประกาศซื้อหุ้นคืนในปีนี้รวมถึงหุ้นที่มีโอกาสถูกซื้อหุ้นคืน อย่าง MAJOR, BEM, TU, M, III, BR

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้