มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
SET ยังมีโอกาสย่อ: หลังน้ำหนักปัจจัยลบยังมีมากนำโดย 1) นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นเวลา20วนั ติดต่อกันโดยนับตั้งแต่ต้นปขายสุทธริวมมูลค่ากว่า 1.09 แสนล้านบาท มากเป็นอันดับ1ในเอเชีย กดดัน Upside ของหุ้นขนาดใหญ่ที่มักเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ 2)สอท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมลดลงสู่ระดับ 88.5 จุด ปรับตัวลงจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 90.3 จุดโดยพบว่า เป็นการปรับตัวลงทั้งในส่วนของยอดขายคำสั่งซื้อโดยรวมและปริมาณการผลิต ส่วนนึงมาจากกำลังซื้อในประเทศที่ยังเปราะบาง ภาพความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ยังพบว่ายอดหนี้เสีย(NPLs) ยังปรับตัวสูงขึ้นด้วย ทำให้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก กลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงิน นอกจากนี้รองประธาน สอท.ยังแสดงความกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ จะส่งผลให้ผู้ประกอบการทยอยปิดกิจการเพิ่มมากขึ้น โดยอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยรุนแรงกว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา 3)ความกังวลในประเด็นการถูก ForceSell เพิ่มในหุ้นที่มีสัดส่วนถูกนำไปวางประกันในในบัญชี Margin สูง ซึ่งอาจมีแรงขายออกมาเพิ่มเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง หุ้นดังกล่าวนำโดย SCM GPI SAAM TFG YGGและ SA ด้านปัจจัยบวกมาจาก 1)การบังคับใช้กฎ Uptick Rule แทนที่กฏ Zero-plus Tick โดยจะเริ่มใช้ในวนั ที่ 1 ก.ค. ทำให้หุ้นที่มีสถานะ Short คงค้างสะสมสูงมีแนวโน้มจะเกิดการซื้อคืน(Short Covering) 3 อันดับแรกของหุ้นดังกล่าวได้แก่ HANA, TOP,KTCตามลำดับ โดยคิดเฉพาะหุ้นสามัญไม่รวม NVDRอิงข้อมูลซื้อขายวันที่ 19 มิ.ย. 67 2) ความคืบหน้า เงินดิจิทัล คาดจะเข้ามาในไตรมาส 3 และใช้ได้ในไตรมาส4 และอาจใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ได้ วันนี้จับตาการประชุม BoE คาดคงดอกเบี้ยที่ 5.25% และตัวเลข LoanPrime Rate อายุ 1 ปี และ 5 ปี ของจีนเดือนมิ.ย.คาดคงตัวที่ 3.45%และ 3.95% ตามลำดับ

กลยุทธ์การลงทุน : 1) SET50/100: BA, BCP, CKP, ITC, PRM 2) Global play: CPF, DELTA, STA, STGT3) ShortCovering : PTT, AOT, CPALL, HANA, TOP, BEM 4) Selective: ADVANC, PSL และ 5) Short : ORI, SAWAD, PTTGC

แนวรับ-ต้าน
1,285 –1,310

ปัจจัยบวก
+ นายกฯ แถลงพ.ร.บ.งบปี 68 คาด GDP โต 2.5-3.5% โดยเป็นงบประมาณรายจ่าย วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท และงบประมาณรายได้2.88 ล้านล้านบาท ทำให้มีการกู้เพิ่ม 865,700 ล้านบาท
+ นายก ยืนยันไทม์ไลน์ “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” รัฐบาลจะเริ่มแจกภายในไตรมาส 3 ปี 2567 หรือช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2567และ จะเริ่มใช้จ่ายได้ใน ไตรมาส 4 ปี 2567
+ เงินเฟ้อเดือนพ.ค. 2567 ของอังกฤษกลับมาอยู่ที่ระดับ 2%y-y เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2564 และลดลงอย่างมากจากระดับสูงสุดในรอบ 41 ปี ที่ 11.1% ในเดือนต.ค. 2565
+รมช.คลัง ระบุอยู่ระหว่างพิจารณาเคาะสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลตได้
+บอร์ด รฟท. ไฟเขียว รถไฟทางคู่เฟส 2 ลอตสุดท้าย 3 เส้นทาง ได้แก่ชุมพร-สุราษฎร์ฯ, สุราษฎร์ฯ-หาดใหญ่ และ เด่นชัย-เชียงใหม่ มูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านบาท โดยจะนำเข้าครมพิจารณาในเดือน ก.ค. นี้

ปัจจัยลบ
-สำนักข่าว TASS รายงานว่ารัสเซียไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐ เพื่อเป็นการตอบโต้การอายัดทรัพย์ของรัสเซีย
- รองประธาน สอท. ยอมรับว่าเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการทยอยปิดกิจการมากขึ้น และมองมีแนวโน้มรุนแรงกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์, สินค้าราคาถูกไหลเข้าไทย ทำให้อุตสาหกรรมในประเทศต้องลดกำลังผลิตเพราะมีต้นทุนสูงกว่า
- รอยเตอร์รายงานว่า หัวหน้านโยบายส่งออของสหรัฐ พยายามสานต่อข้อตกลงฉบับปี 2023 ซึ่งมีเนื้อหาสกัดการส่งออกอุปกรณ์ชิปให้แก่จีนโดยล่าสุดเริ่มกดดันประเทศเนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่น เนื่องจากกังวลว่าจีนจะนำไปใช้พัฒนาทางการทหาร

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธรีดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
กิตติ บัวบึง – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #038313
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ภัทรดนัย จตุรพร – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์