Today’s NEWS FEED

News Feed

เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เบื้องต้นตั้งเป้าจะมีลูกบ้านเช้าร่วมโครงการบ้านพลังงานเป็นศูนย์ ไม่น้อยกว่า 300หลังคาเรือน

822

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(14 มิถุนายน 2567)---------“รู้ไหมว่า คนที่ติด Solar Cell ที่บ้าน คุณช่วยลดโลกร้อนได้ แถมได้คะแนน The 1 มาใช้ฟรีๆ”ตลาดคาร์บอนเครดิตครัวเรือนที่ปัจจุบันนี้ ยังไม่มีใครทำ แต่มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชนทำให้เห็นแล้ว ด้วยการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสร้างมูลค่า สร้างอนาคตสะอาด ที่,พัฒนาขึ้นมาสำหรับภาคครัวเรือนที่ติดตั้ง Solar cell เพื่อส่งเสริมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสามารถนำ Carbon Credit ที่ผลิตได้จาก Solar cell และได้รับการรับรองมาตรฐาน T-VER ของประเทศไทย มาแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนThe 1 ของเครือเซ็นทรัลฟรี นำร่องโดยโครงการบ้านพลังงานเป็นศูนย์ของเสนา ตั้งเป้าหมายไว้ไม่น้อยกว่า300 ครัวเรือน หรือ คะแนน The 1 มากกว่า 4 ล้านคะแนน

 


ดร.สุวิทย์ ธรณีนทร์พานิช ประธานกรรมการมูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชนแถลงข่าวประชาสัมพันธ์โครงการตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ ภายใต้งบประมาณหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ,กลุ่มเซ็นทรัล และบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคครัวเรือน ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการเปิดรับพลังงานสะอาด และการมีส่วนร่วมในโครงการ ตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ ซึ่งจะนำไปสู่เศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อนาคตสะอาดและความยั่งยืนในที่สุด ณ ห้อง Lotus 3-4 Centara Grand &Bangkok Convention Centre at Centralworld

 

ศาสตราจารย์ ดร.อาภาณี เหลืองนฤมิตชัย ประธานคณะอนุกรรมการแผนงานกลุ่มพลังงาน เคมีและวัสดุชีวภาพ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กล่าวว่า
ในฐานะหน่วยงานที่ให้ทุนโครงการ วิจัยและพัฒนาตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในการสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนตํ่าภายใต้แผนงานพัฒนาเทคโนโลยี
และนวัตกรรมการใช้ประโยชน์พลังงานสะอาด พัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-GreenEconomy: BCG) ในด้านพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน วัสดุชีวภาพ และเคมีชีวภาพให้เป็นระบบเศรษฐกิจมูลค่าสูง มีความยั่งยืนและเพิ่มรายไต้ของประเทศพัฒนาเศรษฐกิจไทยด้วยเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้มีความสามารถในการแข่งขัน และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
พร้อมสู่อนาคตโดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม และดำเนินการร่วมกับการทำแพลตฟอร์มตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ โดยสามารถติดตามข้อมูลการผลิตพลังงานจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงาน
แสงอาทิตย์บนหลังคาและปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงสามารถนำก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงได้ แลกเปลี่ยนกับสินค้าหรือบริการของภาคธุรกิจที่เข้าร่วม รวมถึงการจัดทำระบบนิเวศของแพลตฟอร์มตลาดคาร์บอน
ครัวเรือนภาคสมัครใจให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใซัแพสตฟอร์ม เช่น ภาคครัวเรือนต้องการผลตอบแทนจากการใช้พลังงาน ภาคธุรกิจต้องการปริมาณคาร์บอน เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับเศรษฐกิจหมุนเวียนและ
เศรษฐกิจคาร์บอนตํ่าในการดำเนินธุรกิจโดยมีอัตราแลกเปลี่ยนที่จูงใจในการทำธุรกรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสร้างคุณค่าสังคมคาร์บอนตํ่าอย่างยั่งยืน

 


ดร.สุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานกรรมการมูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน กล่าวว่า โครงการ"วิจัยและพัฒนาตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ในการสนับสนุนเศรษฐกิจ
หมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนตํ่า "มีปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินโครงการเนื่องจาก นโยบายด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ซึ่งตอบรับกับความร่วมมือในการลดภาวะโลกร้อนของนานาประเทศ การสนับสนุนตลาดคาร์บอนทั้งในระดับนานาชาติและระดับประเทศ การเติบโตของจำนวนผู้ใซ้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด และปัจจุบันมีการนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้ในภาคธุรกิจ โดยในโครงการจะพัฒนาตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ ด้วยการจัดทำแพลตฟอร์มในการติดตามการผลิตพลังงานทดแทนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะมุ่งเน้นครัวเรือนที่ติดตั้ง Solar Cell ก่อน เนื่องจากมีจำนวนผู้ใซ้งานมากและมีนโยบาย
จากภาครัฐที่ชัดเจน ทั้งนี้แพลตฟอร์มที่จะพัฒนาขึ้นจะสามารถแลกเปลี่ยนก๊าซเรือนกระจกที่สามารถลดได้ไปเป็นสินค้าหรือบริการกับภาคธุรกิจที่เข้าร่วม โดยภาคธุรกิจสามารถนำคาร์บอนที่ได้เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจด้วย
แนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน และการดำเนินการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero emissions) ซึ่งจะเกิดประโยชน์แก่ผู้ที่เกี่ยวซ้องดังนี้ 1 ภาคครัวเรือน มีช่องทางการสร้างรายได้จากการใช้พลังงานสะอาด หรือสามารถแลกเป็นสินค้าและบริการจากภาคธุรกิจที่เช้าร่วมผ่านแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้น ทั้งยังสร้างคุณค่าให้กับผู้ใช้พลังงานสะอาดในการเป็นส่วนหนึ่งของ
การลดภาวะโลกร้อน 2) ภาคธุรกิจ สามารถดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนในส่วนการใช้พลังงานสะอาด โดยการซื้อคาร์บอนเครดิต หรือแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าและบริการให้กับครัวเรือนที่เข้าร่วมผ่านแพลตฟอร์ม
ที่พัฒนาขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมภาพลักษณ์ของการดำเนินธุรกิจเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มยอดขาย สร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และบรรลุเป้าหมายการ
ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระยะยาว 3) ประเทศไทย สามารถพัฒนาตลาดคาร์บอนครัวเรือนแบบภาคสมัครใจให้เกิดขึ้นจริงในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศเป็นไปตามเป้าหมาย โดยจะส่งผลให้ทั้งประชาชนและภาคธุรกิจหันมาใช้พลังงานสะอาดรวมถึงการดำเนินการด้านอื่นที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้มากขึ้น และยังสร้างผลประโยชน์ร่วมในหลายด้าน เช่น การบรรเทา
ผลกระทบของมลพิษทางอากาศ, การรักษามั่นคงทางพลังงาน, นวัตกรรมเทคโนโลยี การลดต้นทุนทางพลังงาน การจ้างงาน และลดการย้ายถิ่นฐานเข้าเมือง เป็นต้น ส่งผลให้ประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวหน้าและยั่งยืนต่อไป

 


รศ.วงกต วงศ์อภัย ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่าสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นหน่วยงานทีได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประเมินภายนอกสำหรับ
โครงการภาคสมัครใจของประเทศไทย ได้ดำเนินการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจก ตามมาตรฐานต่างๆ เช่นThailand Voluntary Emission Reduction Program (T-VER) หรือที่รู้จักในวงกว้างว่า คาร์บอนเครดิต ที่องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. กำหนด โดยมีขั้นตอนการดำเนินการเบื้องต้น 6ขั้นตอน คือ (1) การจัดทำเอกสารโครงการ (2) การตรวจสอบเอกสาร หรือ Validation (3) การขึ้นทะเบียนโครงการSolar ดังกล่าวกับ อบก. (4) การดำเนินการโครงการพร้อมการตรวจวัดต่างๆ (5) การจัดทำเอกสารขอทวนสอบผลคาร์บอนเครดิตที่ได้ ก่อนที่จะนำไป (6) ยื่นขอรับรองคาร์บอนเครดิตจากทาง อบก.ในท้ายที่สุด ทั้งนี้การตรวจสอบเอกสารและทวนสอบต่างๆ รถือเป็นความสำคัญและจำเป็นที่ประเทศต้องการ รวมถึงเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศในอนาคต

 

คุณพิชัย จิราธิวัฒน์ ตำแหน่ง กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล ณ ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมิความต้องการคาร์บอนเครดิตเป็นอย่างมาก และในอนาคตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูง จากกระแสความตื่นตัวและความมุ่งมั่นทั้งใน
ระดับประเทศและระดับองศ์กรที,มีการตั้งเป้าหมายที,จะเป็น Carbon Neutrality และ Net Zero Emissionsและกระแสโลกเรื่อง Climate Change เป็นเรื่องที่สำคัญมากและทุกคนต้องลงมือแก้ปัญหานี้ด้วยกันโดยเฉพาะภาคธุรกิจ เป็นภาคส่วนที่มีศักยภาพในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆ กลุ่มเซ็นทรัล จึงมีความต้องการที่จะซื้อคาร์บอนเครดิตมาชดเชยในการจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆ โดยผู้เข้าร่วมโครงการ สามารถนำCarbon Credit 1 ตันคาร์บอน มาแลกเป็นคะแนน The 1 ได้ 1,600 คะแนน เพื่อนำไปเป็นส่วนลดสินค้าและบริการ รวมถึงรับสิทธิประโยชน์ในกลุ่มเซ็นทรัลทั่วประเทศ และกลุ่มเซ็นทรัลมีความมุ่งหวังการเติบโตของธุรกิจจะต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน และตระหนักว่าต้องเริ่มตั้งแต่ต้นทางของห่วงโซ่อุปทานตลอดจนถึงปลายทางของการจัดการอย่างถูกหลัก โดยหนึ่งในเป้าหมายคือการปรับเปลี่ยนหันมาใช้พลังงานสะอาดและยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ ทั้งยังช่วยลดปัญหามลพิษด้วยพลังงานสะอาด และสอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของโลก

 

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเสนาฯ ถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่เริ่มสร้างบ้านพร้อมติดโซลาร์รูฟให้พร้อมใช้งานตั้งแต่ซื้อ
บ้านทั้งโครงการเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ขณะนั้นมองว่าการใช้พลังงานทดแทนคือเทรนด์ของอนาคต ที่นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของลูกบ้านแล้ว ยังลดการสร้างคาร์บอนที่เป็นต้นเหตุของปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพ
ภูมิอากาศของโลก ทั้งนี้สิ่งที่เสนาให้ความสำคัญคือการพัฒนาโครงการและสนับสนุนการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆด้านการใช้พลังงานทดแทนที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้าน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการลดคาร์บอนของ
องศ์กร โดยเฉพาะการนำแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ (Zero Energy Housing) ซึ่งสามารถประหยัดการใช้ ไฟฟ้าของบ้านได้สูงสุดถึง 38% และการส่งเสริม Decarbonized Lifestyle ให้ลูกบ้านสามารถใช้ชีวิตรักษ์โลกได้ง่ายๆ เพียงอยู่กับเราเท่านั้น ปัจจุบันเสนาติดตั้งโซลาร์รูฟให้กับลูกบ้าน ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮมแล้วทั้งหมดทุกโครงการรวมกว่า 1,000 หลัง สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ลูกบ้านเสนาที่ติดโซลาร์ สามารถสมัครเช้าร่วม
โครงการฯ โดยปริมาณคาร์บอนเครดิตที่เกิดขึ้นจะสามารถนำไปแลกคะแนนเพื่อใช้เป็นส่วนลดหรือซื้อของต่อไปได้เช่น ลูกบ้านที่ดิดตั้งโซลาร์ 5kw คาร์บอนเครดิตจะลูกคำนวณและสามารถเปลี่ยนเป็นคะแนน The 1 ได้ 600
คะแนนต่อเดือน หรือ 7,200 คะแนนต่อปี โดยในเบื้องต้นตั้งเป้าว่าจะมีลูกบ้านเช้าร่วมโครงการนี้ไม่น้อยกว่า 300หลังคาเรือน

ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณโครงการดีๆ ที่ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาด รวมถึงให้โอกาสทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนต่อไป

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้