Market Wrap-Up
- SET วันที่ 12 มิ.ย.67 ปิด +0.59 จุด อยู่ที่ 1,316.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,526 ลบ.ต่างชาติขาย 1,815 ลบ.สถาบันขาย 68 ลบ.รายย่อยซื้อ 1,892 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิรวม 938 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น AOT,PTTEP,DELTA,RCL,BDMS และมียอดขายสุทธิ ADVANC,PLANB,CPALL,BTS,HANA มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 6,909 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ IRPC,CHG,TCAP-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 1,612 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 77,242 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,345 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.09%, S&P500 +0.85%, Nasdaq +1.53% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนฯ +2.4%, อุตสาหกรรม +0.9% หลัง US CPI พ.ค.ชะลอตัวอยู่ที่ 3.3% & เม.ย. 3.4% YoY แม้ว่าเฟดจะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปีนี้ 1 ครั้ง ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.08% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหา +2.7%, เทคโน ฯ +2.4%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500, Nasdaq ได้แรงหนุนหลัง US Core CPI พ.ค.ชะลอตัวอยู่ที่ 3.4% & เม.ย. 3.6% YoY และ พ.ค. 0.2% & เม.ย. 0.3% MoM ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ขณะที่ผลการประชุมเฟดมีมติคงดอกเบี้ยที่ 5.25 – 5.5% และ Dot Plot ชี้โอกาสลดดอกเบี้ยปีนี้ลดลงเหลือเพียง 1 ครั้ง อยู่ที่ที่ 5.1% & มี.ค. คาดจะลด 3 ครั้ง อยู่ที่ 4.6% เนื่องจากเฟดคาดเงินเฟ้อสหรัฐปีนี้ยังอยู่ระดับสูงที่ 2.8% & มี.ค. คาดที่ 2.6% โดยเฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ 4 ครั้ง @ 0.25% ในปี 68 และ ปี 69 และเงินเฟ้อปี 68 คาดลดลงอยู่ที่ 2.3%, ปี 69 คาดที่ 2.0% อย่างไรก็ตาม ปธ.เฟดไม่ได้ปิดโอกาสที่จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ หากเงินเฟ้อสหรัฐมีสัญญาณลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกหนุนกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหา, เทคโนโลยี หลังเงินเฟ้อสหรัฐ พ.ค.ปรับลดลง ส่งผลให้เทรดเดอร์คาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ปรับลดลง หลัง EU เตรียมกำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์ EV จากจีน ขณะที่ CPI เยอรมัน พ.ค. อยู่ท 2.8% & เม.ย. 2.4% YoY หลังเงินเฟ้อจากภาคบริการปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ ECB อาจจะยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องใน ก.ค.
- ตลาดเอเชียวานนี้ทรงตัวระหว่างผลการประชุมเฟด ขณะที่ CPI จีน พ.ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 0.3% & คาด 0.4% YoY บ่งชี้อุปสงค์ในประเทศฟื้นตัวช้า กอปรถูกกดดันจากข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐ ส่วนการประชุม BOJ วันพรุ่งนี้ ตลาดคาดจะคงดอกเบี้ยที่ 0.1% แต่จะลดการซื้อพันธบัตรญี่ปุ่นจากเดิม 6 ลล.เยน เหลือ 5 ลล.เยน/เดือน
- ดัชนี SET วานนี้ +0.04% ปริมาณการซื้อขาย 4.6 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 1.8 พัน ลบ. สถาบันขาย 68 ลบ.รายย่อยซื้อ 1.89 พัน ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +4.48% หลัง Apple เปิดตัวระบบ Ai ในอุปกรณ์ Iphone, Ipad, Mac กอปรกับ US Bond Yield ปรับลดลง ขณะที่กลุ่มที่ปรับลดลง คือ ไฟแนนท์ -2.4% หลัง กนง.มีมติ 6 – 1 คงดอกเบี้ยที่ 2.5% เป็นสัญญาณตรึงกว่าการประชุมครั้งก่อนมีเสียง 5 – 2 โดย กนง.คาด GDP ไทยปีนี้ที่ 2.6% YoY ได้แรงหนุนจากอุปสงค์การใช้จ่ายในประเทศและภาคท่องเที่ยว ขณะที่ส่งออกฟื้นตัวในระดับต่ำและเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนปัจจัยเมือง ศาล รธน.เรียกพยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดียุบพรรคก้าวไกล และกรณีคุณสมบัตินายก ฯ เศรษฐาในวันที่ 17 มิ.ย. และนัดฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 18 มิ.ย. ดังนั้นปัจจัยการเมืองยังเป็นประเด็นกดดันตลาดหุ้นต่อไปอีก 1 สัปดาห์
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,305 – 1,313 แนวต้าน 1,325 – 1,330 คาดได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อสหรัฐลดลง และโอกาสลดดอกเบี้ยสหรัฐปีนี้ 1 – 2 ครั้ง กอปรปัจจุบัน SET เทรดบน F/PE 1 เท่า ซึ่งอยู่ในโซนไม่แพง แนะนำซื้อเก็งกำไร DELTA,KCE ได้แรงหนุนจากเทรนด์ Ai และ US Bond Yield ลดลง / BEM, CK รับข่าวศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องคคีรถไฟฟ้าสายสีส้ม และพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น BH,BDMS,TU
- TEGH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.30 บาท) ประเด็นการลงทุนมอง Earnings momentum ของกำไรปกติจะดีขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2Q-3Q67 ตามทิศทางราคายางพาราในตลาด SICOM ที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงจะเริ่มส่งมอบยางมาตรฐาน EUDR ตามสัญญาในเดือน มิ.ย.ไปยุโรป ซึ่งจะมีราคาขายและกำไรสูงกว่ายางทั่วไป โดยบริษัทตั้งเป้าขายยาง EUDR ราว 5 แสนตันในปี 67 คิดเป็น 60% ของปริมาณขายรวม ถ้าเป็นตามคาดก็จะทำให้ GPM สูงขึ้นอย่างมีนัย ส่วนธุรกิจปาล์มที่เป็นตัวฉุดใน 1Q67 น่าจะดีขึ้นตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนเป็น la Nina เอื้ออำนวยต่อปริมาณผลผลิตปาล์มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนปาล์มน้ำมันลดลง ทั้งนี้อิงจาก Consensus ตลาดประเมินกำไรปี 67-67 ที่ 432 ล้านบาท +100%YoY และ 555 ล้านบาท +28%YoY
- KLINIQ (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท) ทาง KLINIQ ยังคง maintain เป้ารายได้ปี67 นี้ที่ 3,000 ลบ. โตราว +30% มาร์จิ้นยังคาดปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน(ซึ่งยังสูงกว่าประมาณการของเรา/รายได้ที่ 2,906 ลบ.) ส่วนเป้าขยายสาขาใหม่ในช่วงที่เหลือของปี67 อยูที่ 9 สาขาจะเป็น THE KLINIQUE 1 สาขา/ไตรมาส และ A.B.X 2 สาขา/ไตรมาส ด้าน SSSG ของต้น 2Q67 +16%YoY ปัจจุบัน เรายังมองบวกต่อ KLINIQ แม้ว่า 1Q67 จะสะดุดบ้าง QoQ แต่เราคาด 2Q67 มีโอกาสที่จะเห็นการกลับมาเติบโตดีอีกครั้งหลังสาขาที่เปิดใหม่ 10 สาขาใน 1Q67 สามารถ contribute รายได้มาเต็มไตรมาส โดยเรายังคงคาดกำไรสุทธิ ปี67 และ ปี68 ที่ระดับ 352 ลบ.( +22.06%YoY) และ 445 ลบ.(+26.32%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ก.ค. +$0.60 อยู่ที่ $78.50 / บาร์เรล, Brent ส.ค. +$0.68 อยู่ที่ $82.60/บาร์เรล หลังกลุ่มฮามาสเสนอเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในข้อตกลงหยุดยิงกับอิสราเอล ส่งผลให้การเจรจาอาจยังไม่สามารถหาข้อตกลงได้ ขณะที่ EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 3.7 ล.บาร์เรล สวนทางคาดจะลดลง 1 ล.บาร์เรล
Gold Update(+) Comex Gold ส.ค. +$28.20 อยู่ที่ $2,354.80/ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.56% อยู่ที่ 104.642 หลัง US CPI พ.ค. ชะลอตัวลง ส่งผลให้เทรดเดอร์คาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -95.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -49.47 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -45.83 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 36.567 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.309 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +5 จุด อยู่ที่ 1,836
(+) BitCoinเช้านี้ +1.65% อยู่ที่ 68,230 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
12 มิ.ย. ประชุม กนง. ครั้งที่ 3/2567
15-16 มิ.ย. ตลท. จัดงาน SET in the City 2024
สัปดาห์ที2 ดัชนีความเชื่อมันผู้บริโภค
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
ต่างประเทศ
10 มิ.ย. CN เทศกาลแข่งเรือมังกร
11 มิ.ย. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( พ.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
12 มิ.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของFOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( พ.ค.)
14 มิ.ย. US รายงานนโยบายการเงินของเฟด
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio June 2024: GFPT*, SAPPE*, ITC*, BTG*, KLINIQ
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th