คาดทั้ง กนง. และ FED คงดอกเบี้ย
WORLD BANK ปรับเพิ่ม WORLD GDP GROWTH ปี 2567 ขึ้นจาก2.4% เป็น 2.6% ที่สำคัญเป็นการปรับขึ้นใน สหรัฐฯ จาก 1.6% เป็น2.5%, จีน จาก 4.5% เป็น 4.8% , อินโดนียเซีย ปรับจาก 4.9% เป็น 5%แต่ในทางตรงข้ามของ บ้านเราปรับลดลงจาก 3.2% มาอยู่ที่ 2.4% ภาพดังกล่าวอาจเป็นคำอธิบายส่วนหนึ่งของการที่FUND FLOWไหลออกจากบ้านเรา ส่วนการประชุม กนง. วันนี้ คาดว่าน่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.5% ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้เคยนำเสนอว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงซึ่งปรับลดด้วยอัตราเงินเฟ้อ ของบ้านเราอยู่ที่ระดับต่ำเพียง 0.96% และด้วยเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นก็อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังต่ำกว่า1% ไปอีกระยะหนึ่งซึ่งอาจมีผลทำให้ กนง.คงดอกเบี้ยต่อไปได้ยาวนานขึ้นส่วน FED ที่จะประชุมวันนี้ ก็คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.5% เช่นกันยังคงเห็น FUND FLOW ไหลออกจากตลาดหุ้นบ้านเราต่อเนื่อง ประเมินจากปัจจัยแวดล้อมเช้านี้ยังไม่เห็นแรงกระตุ้น คาด SET INDEX แก่วงตัวในกรอบ 1310 –1326 จุด TOP PICK เลือก CPALL, PTTEP และTIDLOR
จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ – ไทย
การประชุม FED รอบเดือน มิ.ย. นี้ CONSENSUS คาดว่าจะยังคงเห็นการตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.5% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 หลังสัญญาณเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงสู่กรอบเป้าหมาย 2% ยังดูไม่ชัดเจน ขณะที่ CPI สหรัฐฯ เดือน พ.ค. ตลาดคาดทรงตัวที่ +3.4%YOY ส่วน CORE CPI มีแนวโน้มปรับตัวลงเล็กน้อยเป็น +3.5%YOY
โดยในการประชุม FED คืนนี้ ยังต้องรอติดตามทิศทางดอกเบี้ยจากคาดการณ์ DOTPLOT อีกครั้ง อย่างไรก็ดี จากรายงานเศรษฐกิจโลกของ WORLD BANK ล่าสุด ได้ปรับคาดการณ์ GDP GROWTH สหรัฐฯ ในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น +2.5%YOY (เดิมคาด 1.6%) หนุนให้ GDP GROWTH โลก มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น +2.6%YOY (เดิมคาด 2.4%) ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ มียังดูแข็งแกร่ง อาจส่งผลให้ FED คงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงนานขึ้น
ส่วนในบ้านเราวันนี้ เวลา 14.00 น. จะมีการประชุม กนง. โดย CONSENSUS คาดว่าจะยังคงเห็นการตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.5% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8
อย่างไรก็ตาม ในเชิงมุมมองเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ยังมีความเสี่ยงด้านการเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพ โดยล่าสุด WORLD BANK ปรับ GDP GROWTH ไทยปีนี้เหลือแค่2.4%YOY (เดิมคาด 3.2%) ขณะที่กระทรวงการคลังมองเศรษฐกิจไทยยังมีความเปราะบางซึ่งดอกเบี้ย 2.5% ไม่เหมาะสมภาวะเศรษฐกิจไทย พร้อมกับคาดหวังการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อที่จะได้มาช่วยหนุนมาตรการด้านการคลังเพิ่มเติม
สรุป ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังดูแข็งแกร่ง กำลังส่งผลให้เงินเฟ้อทยอยลดลงสู่กรอบเป้าหมายได้ช้าลง ซึ่งอาจทำให้ FED คงดอกเบี้ยไว้นานขึ้น ส่วนบ้านเรา หากเศรษฐกิจไทยยังมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนในอนาคต อาจส่งผลให้ กนง. ตรึงดอกเบี้ยไปอีกระยะหนึ่ง
ประเด็นการเมืองร้อนแรงทั้งนอกและในประเทศ
ประเด็นการเมืองร้อนแรงทั้งนอกและในประเทศ กดดันสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดทางสหรัฐฯ ก็มีประเด็นการเมืองเช่นเดียวกับฝั่งยูโรป โดยนายโจ ไบเดน (ปธน.สหรัฐฯ) เสี่ยงได้รับผลกระทบกับคะแนนเสียงไม่มากก็น้อย หลังลูกชาย ถูกตัดสินมีความผิดอาญา 3 กระทง คดีครอบครองปืนอย่างผิดกฎหมาย ขณะที่ฝั่งโดนัลด์ ทรัมป์ก็ผิดคดีอาญา 34 กระทง เกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินปิดปากนักแสดงหนังผู้ใหญ่ จึงทำให้การเลือกตั้งในเดือน พ.ย.67 นี้เป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดส่วนประเทศไทยก็มีความไม่แน่นอนทางการเมืองเช่นกัน โดยวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมพิจารณาคดีที่มีผลทางการเมือง โดยมีรายละเอียด ดังนี
• ศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมคดียุบพรรคก้าวไกล (นัดแรก) ซึ่งจะมีการหยิบยกคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของพรรคก้าวไกลมาพิจารณา หลังจากนี้ ต้องรอดูว่าศาลจะพิจารณาอย่างไรต่อไป จะเรียกไต่สวนพยานเพิ่มเติมตามคำขอ ของผู้ถูกร้องหรือไม่
• ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะนำเรื่องการถอดถอนนายกรัฐมนตรี เศรษฐาทวีสิน เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม โดยคาดว่าศาลฯ อาจจะใช้เวลาไม่เกิน2 สัปดาห์ (ไม่เกิน 28 มิ.ย.67) จะมีคำวินิจฉัยออกมาซึ่งฝ่ายวิจัยฯคาดว่าจุดสนใจหลักๆ คงเป็นประเด็นการถอดถอนนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน เนื่องจากทำให้เกิดความกังวลต่อการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในระยะถัดไป อาทิ DIGITAL WALLET เป็นต้น และเกิดสุญญากาศทางการเมืองที่ต้องมาโหวต เลือกนายกฯ คนใหม่ในสภา ประเด็นดังกล่าว จึงทำให้ FUNDFLOW ต่างชาติไหลออกจาก SET INDEX และกดดันให้ดัชนีหลุดต่ำกว่า1300จุดได้
ส่วนวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX ในกรอบ 1310-1326 จุด
สรุป ประเด็นการเมืองที่ร้อนแรงขึ้นทั้งในต่างประเทศ และในประเทศ กดดันสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งในประเทศวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดีใหญ่ ‘ก้าวไกล-เศรษฐา’ โดยคาดประเด็นดังกล่าวจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ (ไม่เกิน 28 มิ.ย.67)จึงทำให้ในปัจจุบัน SET INDEX เกิด OVERHANG และไม่มีแรงขับเคลื่อนอย่างมีนัยฯจาก FUND FLOW
ปรับกลยุทธ์ รับมือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองช่วงนี้
ปัจจุบันต่างชาติขายหุ้นไทยมาตลอด 14 วันทำการ ด้วยมูลค่ารวมกว่า 2.76 หมื่นล้านบาท กดดัน SET INDEX ลดลงเกิน 5%
ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงลองเทียบเคียงกับเหตุการณ์ในอดีต พบว่า FUND FLOW ไม่ชอบความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย สะท้อนจากข้อมูลในปี 2022 เป็นปีที่ FUNDFLOW ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยสม่ำเสมอเกือบทุกเดือน จากคาดหวัง PENDINGDEMAND หนุนเศรษฐกิจฟื้นเร็ว หลังเกิด COVID-19 แต่ FUND FLOW กลับพลิกมาขายสุทธิช่วงอดีตนายกฯ หยุดปฎิบัติหน้าที่พอดี(เดือน ก.ย. 2022)
และในช่วงเวลานั้นกดดัน SET INDEX ปรับตัวลงมาลึกสุดที่ -77 จุด และดัชนีจะกลับตัวขึ้นมาได้พร้อมกลับ FUND FLOW ค่อยๆ ทยอยไหลเข้าหลังประเด็นการเมืองผ่อนคลาย
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน ช่วงที่การเมืองมีความไม่แน่นอน (20 พ.ค. – 11 มิ.ย. 24)กดดันให้ SET INDEX ย่อตัวลงมาจาก 1389 จุด เหลือ 1316 จุด (-73 จุด) ถือว่าตอบรับประเด็นลบทางการเมืองมาระดับหนึ่งแล้ว บวกกับ VALUATION ตลาดหุ้นไทยค่อยๆ ถูกลง โดยมี P/E 67F เพียง 14.4 เท่า อย่างไรก็ตามช่วงที่ดัชนีจะฟื้นกลับได้ดีอาจจะต้องรอการเมืองค่อยๆ ผ่อนคลายลง
กลยุทธ์รับมือตลาดหุ้นไทยผันผวนในช่วงนี้ แนะนำรอเพิ่มน้ำหนักพอร์ต หลัง SETINDEX ผันผวนน้อยลง หรือฟื้นขึ้นมาเหนือ 1330 จุด (SET ยืนเหนือ เส้น EMA 200เดือนได้) น่าจะเห็นมูลค่าซื้อขายของนักเก็งกำไรเพิ่มเข้ามาหนุนตลาดเพิ่มอีกแรงส่วนช่วงเวลานี้แนะนำหลบความผันผวนตลาดชั่วคราว กับหุ้นพื้นฐานดีมีปันผลสูงหรือมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว อย่าง ADVANC, TU, PTTEP, BEM เป็นต้น
Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์