Market Wrap-Up
- SET วันที่ 10 มิ.ย.67 ปิด -117 จุด อยู่ที่ 1,318.57 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,324 ลบ.ต่างชาติขาย 1,612 ลบ.สถาบันซื้อ 169 ลบ.รายย่อยซื้อ 1,743 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิรวม 1,471 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น BBL,INTUCH,GPSC,AMATA,SCB และมียอดขายสุทธิ BANPU,TOP,ADVANC,LH,GULF มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 6,654 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ THG,PSH,IVL-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 28,057 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 98,058 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,252 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.18%, S&P500 +0.26%, Nasdaq +0.35% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี เช่น Meta Platform +1.9%, Micron Tech +2.3% ระหว่างรอตัวเลข US CPI พ.ค. และผลประชุมเฟดในวันพุธนี้ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.27% กลุ่มธนาคารยุโรป -1.6% หลัง ปธ.ฝรั่งเศส มาครง แพ้ในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปต่อพรรคเนชั่นแนล แรลลี ของมาลีน เลอเปน
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีในงาน WWDC วันที่ 11 – 15 มิ.ย. ที่บริษัทต่าง ๆ เริ่มเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Ai รุ่นใหม่ ๆ แต่ภาพรวมนักลงทุนยังรอผลการประชุมเฟดวันที่ 11 – 12 มิ.ย. ซึ่งตลาดคาดยังคงดอกเบี้ยที่ 5.25 – 5.5% แต่รอติดตามถ้อยแถลง ปธ.เฟด, Fed Dot Plot ใหม่ รวมถึง US CPI พ.ค. คาดทรงตัวที่ 3.4% YoY แต่คาด 0.1% & เม.ย. 0.3% MoM เพื่อประเมินช่วงเวลาที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งล่าสุด CME Fed Watch ชี้โอกาส 46.7% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ใน พ.ย. และคาดจะลดครั้งเดียวในปีนี้
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง หลังดัชนี CAC-40 ฝรั่งเศส -1.35% ตำสุดรอบ 3 เดือน หลังผลการเลือกสภา ฯ ยุโรป พรรคเรอเนซองส์ของ ปธ.มาครงแพ้ต่อพรรคเนชั่นแนล แรลลีของมารีน เลอแปง โดยได้คะแนนเสียง 15.2% ต่อ 31.5% ส่งผลให้ ปธ.มาครงยุบสภาผู้แทน ฯ และประกาศเลือกตั้งใหม่วันที่ 30 มิ.ย. ส่งให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรฝรั่งเศสอายุ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.238% สูงสุดในรอบ 6 เดือน
- ตลาดเอเชียวานนี้ทรงตัว โดยตลาดหุ้นจีน, ฮ่องกง, ออสเตรเลีย ปิดทำการในวันหยุด ขณะที่ดัชนีนิเกอิ +0.92% จากแรงซื้อกลุ่มส่งออกได้ปัจจัยหนุนจากเงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จากคาดการณ์เฟดยังไม่รีบลดดอกเบี้ย นักลงทุนรอผลการประชุมเฟดในวันพุธ และประชุม BOJ วันศุกร์ ซึ่งคาดคงดอกเบี้ยที่ 0.1%
- ดัชนี SET วานนี้ -1.06% ปริมาณการซื้อขาย 3.8 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 1.6 พัน ลบ. พอร์ตโบรกขาย 300 ลบ. รายย่อยซื้อ 1.7 พัน ลบ และสถาบันซื้อ 169 ลบ. จากแรงขายหุ้น Big Cap. ในกลุ่มขนส่ง, อิเล็ก ฯ, สื่อสาร, ค้าปลีก และ รพ. หลังตลาดคาดเฟดอาจลดดอกเบี้ยในปีนี้เพียง 1 ครั้ง จากเดิมคาด 2 ครั้ง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอาเซียน และ Fund Flow ต่างชาติขายสุทธิในกลุ่ม TIP วานนี้ -64.7 ล.ดอลลาร์ โดยนักลงทุนเลือก Wait & See ระหว่างรอผลการประชุมเฟดวันพุธ ขณะที่ปัจจัยในประเทศ การประชุม กนง.วันพุธนี้ Consensus คาดจะคงดอกเบี้ยที่ 2.50% หลัง CPI ไทย พ.ค. +1.54% YoY ส่งผลให้ Real Interest Rate ของไทยต่ำกว่า 1% ซึ่งน้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยในกลุ่ม DM ส่วนปัจจัยการเมืองวันพุธ ติดตามศาล รธน.นัดฟั่งค่ำสั่งต่อกรณี กกต.ยื่นคำร้องยุบพรรคก้าวไกล ว่าจะมีคำสั่งให้ไถ่สวนเพิ่ม หรือมีค่ำสั่งตัดสินคดีในช่วงเวลาใด ส่วนปัจจัยบวกยังรอการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 และความชัดเจนของกองทุน LTF
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,305 – 1,313 แนวต้าน 1,325 – 1,330 โดยระดับปัจจุบัน SET เทรดบน F/PE 10X และมี Earning Yield Gap 3.55% ส่งผลให้ Downside ดัชนีเริ่มลดลง แนะนำทยอยซื้อกลุ่มปลอดภัย เช่น ADVANC,INTUCH/ กลุ่มอุปโภค CPALL,OSP/ส่งออกอาหาร AAI,ITC
- OSP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 00 บาท) แนวโน้มกำไรในช่วง 2Q67 น่าจะยังดีต่อเนื่อง YoY จากอัตรากำไรทีดีขึ้น ส่วน QoQ อาจจะไม่ได้ชะลอลงอย่างที่คาดแม้ผ่าน peak season ของเมียนมาในช่วง 1Q67 แต่จะได้รับการชดเชยจากยอดขายในประเทศที่เติบโตได้ดีเพราะอากาศร้อน ขณะที่ต้นทุนการผลิตยังคงปรับลดลงต่อจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์กำไรปี 67-68 อยู่ที่ 2.78 พันล้านบาท +15%YoY และ 3.04 พันล้านบาท +10%YoY
- AMATA (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท) สำหรับภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี67 เราคาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย โดยในส่วนของกำไรสุทธิ 1Q67 ของ AMATA อยู่ที่ 463 ลบ.(-17%YoY, -32%QoQ) หดตัวหลักๆ Margin ถูกดดันจาก 1.สัดส่วนการโอนที่ดินในระยองและเวียดนามที่มี Margin ต่ำมีสัดส่วนที่สูงขึ้น และ 2.รายได้สาธารณูปโภคในเวียดนามที่ราคาขายถูกคุมด้วยภาครัฐฯ อย่างไรก็ตาม เราคาดกำไรไตรมาสที่1 จะเป็นจุดต่ำสุดของกำไรทั้งปีแล้ว และยอดโอนที่ดินจะทะยอยปรับตัวดีขึ้นของไตรมาสที่เหลือ ทั้งนี้ ในส่วนของ backlog ณ สิ้น มี.ค.67 ยังแข็งแกร่งที่ 1.39 หมื่นลบ.(คาดจะสามารถทะยอยโอนได้ในปีนี้ราว 50%)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ก.ค. +$2.21 อยู่ที่ $77.74 / บาร์เรล, Brent ส.ค. +$2.01 อยู่ที่ $81.63/บาร์เรล หลัง Goldman Sachs คาดราคาน้ำมันดิบ Brent มีโอกาสปรับขึ้นไปที่ $83/บาร์เรล ในช่วงฤดูร้อน Q3 นี้ ได้อุปสงค์จากการเดินทาง ค่ำวันนี้ติดตามกลุ่มโอเปกรายงานภาวะตลาดน้ำมันรายเดือน
Gold Update(+) Comex Gold ส.ค. +$2.0 อยู่ที่ $2,327.00/ออนซ์ รอตัวเลข US CPI พ.ค. และผลการประชุมเฟดในวันพุธนี้
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -64.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -43.8 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -18.16 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -2.75 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 36.76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.453 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +2 จุด อยู่ที่ 1,883
(-) BitCoinเช้านี้ -0.31% อยู่ที่ 69,470 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
12 มิ.ย. ประชุม กนง. ครั้งที่ 3/2567
15-16 มิ.ย. ตลท. จัดงาน SET in the City 2024
สัปดาห์ที2 ดัชนีความเชื่อมันผู้บริโภค
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
ต่างประเทศ
10 มิ.ย. CN เทศกาลแข่งเรือมังกร
11 มิ.ย. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( พ.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
12 มิ.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของFOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( พ.ค.)
14 มิ.ย. US รายงานนโยบายการเงินของเฟด
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio June 2024: GFPT*, SAPPE*, ITC*, BTG*, KLINIQ
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th