**ได้รับผลดีจากเรือใหม่และธุรกิจฟื้น**
Key Point
2Q67 คาดกำไรจะดีขึ้น q-q, y-y จากผลบวกของการรับเรือใหม่ใน 1H67 ที่ 4 ลำ เรือใหญ่ 3 ลำ ที่เข้า Dry Dock กลับมาทำงานปกติ ธุรกิจ PCT ดีขึ้นตามการใช้น้ำมันในประเทศ และ FSU ความต้องการเก็บน้ำมันมีมากขึ้น ทำให้ U Rate สูงขึ้น ในขณะ 2H67 ยังมีแนวโน้มดีตาม 1H67 และจะมีรับเรือใหญ่เข้ามาเพิ่ม ทางฝ่ายปรับคาดการณ์กำไรขึ้นจากเดิม 10% ที่ 2,152 ล้านบาท และปรับราคาพื้นฐานเป็น 9.25 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ

 โดยรวมใน 2Q67 แนวโน้มยังคงดีทั้ง q-q, y-y จาก 1) ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและปิโตรเคมี (PCT) ได้ปัจจัยบวกจากการปริมาณการขนส่งน้ำมันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องบิน Jet A-1 อีกทั้ง 4Q66 มีรับเรือขนส่งปิโตรเคมีเหลว 1 ลำ และ 2Q67 มีรับเรือน้ำมันใส 1 ลำ ขนาด 5,000 เดทเวทตัน (DWT) ให้บริการ พ.ค. และเรือขนส่งปิโตรเคมีเหลว 2 ลำใหญ่ ขนาดลาละ 11,000 DWT ที่เข้า Dry Dock ใน 1Q67 กลับมาทำงานปกติใน 2Q67 อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 2) ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ (COC) รายได้ดีขึ้นจากเรือ VLCC ขนาดใหญ่ 310,000 DWT ที่เข้า Dry Dock 1 ลำ จากที่มี 3 ลำ ใช้เวลา Dry Dock 37 วันใน 1Q67 อัตราการใช้เรือ (U Rate) VLCC ลดลงเหลือ 85.9% ได้กลับมาทำงานใน 2Q67 U Rate จะกลับมาเป็น 100% และเรือ Aframax (106,000 DWT) มีสัญญาถึง มิ.ย. ได้ค่าบริการสูงขึ้น และ U Rate จะปรับขึ้นเป็น 100% เท่ากับ 1Q67 แต่สูงกว่า 2Q66 ที่ 77.4% 3) ธุรกิจเรือกักเก็บน้ำมันและผสมน้ำมันกลางทะเล (FSU) เรือยังเท่าเดิม 5 ลำ แต่คาด U Rate ดีขึ้นจาก 1Q67 ที่ 70.4% และ 2Q66 ที่ 76.7% จากความต้องจัดเก็บที่มีเพิ่มขึ้น 4) ธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (OSV) มีรับเรือ AWB (เรือพักอาศัย) 1 ลำกลาง ม.ค. เป็น 2 ลำ และรับเรือ Crew Boat 1 ลำ ต้น มี.ค. ซึ่งใน 2Q67 จะทำงานได้เต็มไตรมาส และยังมีรับเรือ Crew Boats เพิ่ม 1 ลำ ใน เม.ย. เป็นลำที่ 15 และ 5) ธุรกิจตัวแทนสายเดินเรือและออกของ (SAS) อยู่ระหว่างเตรียมการขยายธุรกิจ ซึ่งก่อนหน้ามีแผนจะ M&A และการหาลูกค้ารายใหม่

  2H67 แนวโน้มดีจากเรือที่รับเข้ามาใน 1H67 จำนวน 4 ลำ และเรือใหญ่จะไม่มีเข้า Dry Dock การทำงานเต็มที่ และ 2H67 จะมีรับเรือใหญ่ FSU เพิ่มอีก 1 ลำ คาดอยู่ใน 3Q67 อีกทั้ง FSU เดิม 5 ลำ คาด U Rate ยังคงสูงขึ้น จากความต้องการเก็บน้ำมันเพื่อมาใช้ผสมในได้เกรดน้ำมันใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนผ่านสู่ Renewable Energy และถังน้ำมันบนบกเริ่มเต็ม อย่างไรก็ตาม Aframax ที่หมดสัญญา มิ.ย. จะนำไปปรับปรุงเป็นเรือเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่นขุดเจาะน้ำมัน (FSO) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ PRM เคยทำในอดีต และกลับมาทำใหม่ คาดจะกลับมาเริ่มให้บริการได้ใน 4Q67 ซึ่งได้สัญญาระยะยาว 5 ปี อาจทำให้รายได้จาก OSV ลดลงช่วงหนึ่ง และอยู่ระหว่างหาเรือ Aframax ลำใหม่ เพื่อมาให้บริการลูกค้ารายเดิม คาดว่าจะหาได้ใน 4Q67 แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับราคาเรือที่จะซื้อ และธุรกิจ PCT ยังดีต่อเนื่องจาก 1H67 จากการใช้น้ำมันในประเทศยังเพิ่มขึ้นตามการท่องเที่ยว

  แม้ 1Q67 กำไรลดลง 2.8% y-y ที่ 561 ล้านบาท แต่ก็ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ อีกทั้ง 2Q67 แนวโน้มกำไรดีขึ้น q-q, y-y และคาดจะดีต่อเนื่องไปใน 2H67 โดยยังมองหาโอกาสลงทุนในธุรกิจขนส่งปิโตรเคมีและ OSV ที่อุตสาหกรรมยังคงเติบโตจากการขยายกำลังการผลิตและการลงทุนขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมจะเป็นธุรกิจที่จะเติบโตในอนาคต และ 3Q67 จะมีการสั่งต่อเรือใหม่กลุ่ม PCT 6 ลำ ซึ่งทยอยรับในปี 2568-2569 เพื่อทดแทนเรือเก่าที่จะปลดระวาง อีกทั้ง ธุรกิจส่วนใหญ่เป็น Time Charter (ให้เช่ามีระยะเวลา) ซึ่งบางสัญญาอายุ 10 ปี ทำให้มีรายได้สม่ำเสมอและไม่ต้องรับผิดชอบต้นทุนน้ำมัน เพราะเป็นภาระของผู้เช่า ทางฝ่ายปรับคาดการณ์รายได้ขึ้นเป็น 8,811 ล้านบาท และปรับกำไรขึ้น 10% เป็น 2,152 ล้านบาท โตเล็กน้อย เพราะปีก่อนมีกำไรขายเรือ 312 บาท หากไม่รวมขายเรือกำไรจะโต 18.6% ปรับราคาพื้นฐานจากเดิม 8.40 บาท เป็น 9.25 บาท ยังคำแนะนำ “ซื้อ”

สยาม ติยานนท์
นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ #17970
โทร: 66 2 635 1700 # 4838