"Food and Defensive Play"
KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways" ต้าน 1336/1340 จุด รับ 1325/1320 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัว หลัง US Bond Yield 10ปี +15 bps สู่ 4.43% สะท้อนยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร พ.ค. 24 สูงกว่าตลาดคาด 2.72 แสนตำแหน่ง เร่งขึ้นจาก prev. 1.65 แสนตำแหน่ง แต่อัตราว่างงานกลับขยับขึ้นสู่ 4.0% จาก 3.9% สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐฯ ค่อยๆชะลอลง ทำให้ตลาดรวม น่าจะรอรายงานเศรษฐกิจสำคัญกลางสัปดาห์นี้เพิ่มเติม อาทิ เงินเฟ้อ CPI สหรัฐ (12 มิ.ย.), การประชุม FOMC (ไทยทราบผลเช้า 13 มิ.ย.) เพื่อประเมินภาพระดับการปรับลดดอกเบี้ย vs หลังรายงานภาคแรงงาน ตลาดคาด Fed ปรับลง 1 ครั้ง ทำให้ปัจจัยต่างประเทศเป็นกลาง-ลบอ่อนๆ แต่ SET ที่ไม่ได้ตอบรับภาพบวก US Bond Yield อ่อนลงสัปดาห์ก่อนเหมือนต่างประเทศ จน YTD Performance -5.9% Underperform โลก คาดแกว่งตัว มองกรอบ SET ที่ 1330-1300 จุดซึ่งมี Equity Risk Premium (ERP) ทั้ง Current และ Forward ที่ 3.4-4.0% (Avg 3.09%)เป็นโซนสะสม หุ้นประคองวันนี้ คือ กลุ่มธนาคาร กลุ่มเงินบาทอ่อนค่าหนุน และกลุ่ม Defensive วันนี้แนะนำ BEM, CPF, GFPT
Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1336/1340 จุด รับ 1325/1320 จุด
What happened around the world ?
• (*/) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง Dow jones -0.22%d-d, S&P500 -0.11%, Nasdaq -0.25% ตอบรับ US Bond Yield 10 ปีที่กลับมาเพิ่มขึ้น +1 bps หลังยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรกลับมาสูงกว่าตลาดคาด โดย Sectorใน S&P500 กลุ่มที่ Outperform คือ Financials, Information Technologu กลุ่มที่ Underperform คือ Utilities, Materials, Real Estate
•(*) US Labor : รายงานภาคแรงงานสหรัฐฯ เรามองเป็นภาพค่อยๆอ่อนตัวลง 1) ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร พ.ค. 24 อยู่ที่ 2.72 แสนตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาด และเร่งขึ้นจาก prev. ที่ 175 แสนตำแหน่ง กลุ่มที่จ้างงานเพิ่มเร่งขึ้น คือ กลุ่ม Education and Health ขณะที่กลุ่มชะลอไปในเดือนก่อน แต่กลับมาเพิ่มขึ้น คือ ภาครัฐ (Government) และการท่องเที่ยว (Tourism) โดยจุดน่าสนใจอีกส่วน คือ การจ้างงานชั่วคราว (Temporary) เป็นภาพการเลิกจ้างมา 4 เดือนต่อเนื่อง ขณะที่ค่าจ้างรายชั่วโมง พ.ค. 24 ปรับตัว +0.4%m-m, +4.1%y-y สูงกว่าคาด อาจบ่งชี้เงินเฟ้อที่ยังไม่น่าจะลดลงได้ง่ายนัก ทั้งนี้ แม้การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น แต่การเลิกจ้างที่สูงกว่า ทำให้ 2) อัตราว่างงาน พ.ค. 24 แย่กว่าคาด เพิ่มขึ้นสู่ 4.0% จาก 3.9% โดยรวมเรามองเป็นทิศทางบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทรง-ค่อยๆอ่อนตัวลง แต่ยังห่างระดับความเสี่ยงที่เป็น Hard Landing หากอิง Sahm's Rule ที่มีผลศึกษาว่าความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ อัตราว่างงานเฉลี่ย 3 เดือนล่าสุด จะต้องมีระดับสูงกว่าจุดต่ำสุดในรอบ 12 เดือนก่อนหน้าเดือนล่าสุด > 0.5% (ปัจจุบันอยู่ที่ 0.37%)
•(*) US Interest Rate Cycle : หลังรายงานตัวเลขภาคการจ้างงานล่าสุด อิงผลสำรวจ CME Fedwatch ส่วนใหญ่คาด Fed จะลดดอกเบี้ยในปี 2024 ที่ 1 ครั้งใน พ.ย. 24 (ก่อนรายงานภาคจ้างงานล่าสุดคาด 2 ครั้ง)
•(*) US GDP : FedAtlanta ประเมิน GDPNow สหรัฐฯ งวด 2Q24 ล่าสุด ปรับเพิ่มขึ้นสู่ 3.1% สูงกว่าคาด และเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้าอยู่ที่ 2.6%
• (*) US Bond & Dollar : Bond yields US Bond Yield อายุ 10 ปี ปรับขึ้น +15 bps หลังรายงานภาคแรงงานสหรัฐฯ ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรสูงกว่าคาด มาอยู่ที่ 4.43% เช่นเดียวกับอายุ 2 ปี +10 bps อยู่ที่ 4.82% โดยรวมยังมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อกับหุ้นในกลุ่มธนาคารและประกัน ในวันนี้ ขณะที่ Dollar Index แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 105.06+/- จุด
•(*/+) China Trade: จีนรายงานยอดส่งออก เดือน พ.ค. +7.6%y-y และบวกติดต่อกัน 2 เดือนดีกว่าคาดที่ +6.0% โดยมีสินค้าเด่น คือ สินค้าปิโตรเลียม +12.8%y-y, เส้นใยและสิ่งทอ +7.2%y-y (มองจิตวิทยาต่อ IVL) ส่วนยอดนำเข้า +1.8%y-y ต่ำกว่าตลาดคาด ขยายตัวในแดนบวกติดต่อกัน 3 เดือน แต่อาจจะสร้างความเสี่ยงต่อทิศทางการส่งออกไทยในระยะถัดไป
•(*/+) Taiwan Export: ไต้หวัน รายงานยอดส่งออก เดือน พ.ค. 3.5%y-y ต่ำกว่าตลาดคาด บวก y-y ติดต่อกัน 3 เดือน โดยสินค้าหลักที่กดดัน คือ สินค้าในกลุ่มเหล็ก, อากาศยาน ส่วนสินค้ากลุ่มอิเลคทรอนิกส์ (ICT) ยังขยายตัวได้ดี +62.4%y-y แต่ชะลอลงจากเดือนก่อน +114.6%y-y
•(+) Pourret: ฟิลิปปินส์ห้ามการนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากออสเตรเลีย หลังจากพบโรคไข้หวัดนกในออสเตรเลียเมื่อเร็ว ๆ นี้ แม้ออสเตรเลียไม่ใช่ผู้ส่งออกไก่หลักของโลก แต่กรณีฟิลิปปินส์ ถือเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าไก่หลักของโลก (นำเข้าอันดับ 8 ของโลก) และฟิลลิปปินส์ถือเป็นลูกค้าที่ออสเตรเลียส่งออกไก่เป็นลำดับ 2 ทั้งนี้ ถือเป็นชาติที่ 3 ต่อจากญี่ปุ่น (นำเข้าอันดับ 1 ของโลก) สหรัฐฯ (นำเข้าอันดับ 11 ของโลก) ที่ออกประกาศลักษณะดังกล่าว โดย KSS ประเมินมีโอกาสที่ยุโรป(นำเข้าอันดับ 4 ของโลก) อาจจะแบนการนำเข้าสัตว์ปีกจากออสเตรเลียลำดับถัดไป
มองเป็นโอกาสและบวกต่อไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกสัตว์ปีกอันดับ 7 ของโลก (ส่งออกอันดับ 4 ของโลก) มีโอกาสได้ประโยชน์ราคาไก่แพงขึ้น โดยฟิลิปปินส์เป็นผู้นำเข้าไก่จากไทยอันดับ 12 มองบวกต่อหุ้นในกลุ่มจำหน่ายไก่ อาทิ CPF, BTG, GFPT เน้น GFPT และ เก็งกำไร CPF ที่บวกจากทั้งราคาไก่และราคาหมูจีนสัปดาห์นี้เด่นต่อ +6.15%
•(+) Oil น้ำมันดิบพักตัว หลังจากฟื้นตัวช่วงสองวันก่อนหน้า โดย Brent -0.11%d-d ปิดที่ US$ 79.53/barrel น้ำมันดิบ West Texas -0.03%d-d ปิดที่ US$ 75.53/barrel KSS มองเป็นปัจจัยกดดันเล็กน้อยต่อ SET Index และหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP
• (+)World Container Index : ค่าระวางเรือ Shanghai Container Index แนวโน้มเป็นขาขึ้น SCFI index (as of 7 June 24) ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 21 เดือนที่ระดับ 3,185 จุด เพิ่มขึ้น 140 (+4.6%wow) บวกต่อกลุ่มเรือคอนเทนเนอร์และกลุ่ม Freight forwarder อาทิ SINO LEO และ SONIC
• (*) To monitor : ฝั่งสหรัฐฯ 12 มิ.ย. เงินเฟ้อ CPI พ.ค. 24 24 ตลาดคาด +3.4%y-y, +0.4%m-m vs prev. +3.4%y-y, +0..3%m-m ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน พ.ค. คาด +0.3%m-m เท่า prev. ตามด้วย 13 มิ.ย. ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ คาดคงดอกเบี้ยนโยบาย 5.25 – 5.5% นอกจากนี้ แนะนำติดตามรายงาน Dot Plot และแนวโน้มเศรษฐกิจ ฝั่งจีน 12 มิ.ย. ติดตามเงินเฟ้อ CPI เดือน พ.ค. คาด +0.4%y-y vs prev. +0.3%y-y
What happened in Thailand ?
• (*/+) SET: ตลาดหุ้นไทยวันทำการล่าสุด ปรับตัว เพิ่มขึ้น 4 จุด (+0.33%) ปิดที่ 1,333 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4 หมื่นล้านบาท มี Technical Rebound แต่ดัชนีปรับขึ้นในกรอบจำกัดเนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อรอดูตัวเลข US Nonfarm payrolls Sector ที่ปรับขึ้นหนุนดัชนี คือ กลุ่มสื่อสาร (INTUCH, ADVANC) มองเป็น Defensive Plays และ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP) ตามราคาพลังงาน+ค่าการกลั่นกลับมาเพิ่มขึ้น ส่วน Sector ที่ปรับลง คือ กลุ่มปิโตรฯ (PTTGC,IVL)
• (*) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น -87.4 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -9.1 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Long 12,686 สัญญา เป็นการกลับมาเป็นสถานะดังกล่าวครั้งแรกในรอบ 8 วันทำการ เงินบาทอ่อนค่าสู่ 36.8+/- บาท
• (*/+) TH CPI: เงินเฟ้อ CPI ไทยเดือน พ.ค.สูงกว่าคาดทั้ง Headline CPI +1.54%y-y สูงสุดในรอบ 1 ปีและสูงกว่าคาด 1.17-1.5% และ Core CPI(ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน) +0.39%y-y(สูงกว่าตลาดคาด +0.36% y-y) ปัจจัยหนุนหมวดพลังงาน ค่าไฟ ราคาน้ำมันเบนซิน สูงขึ้น KSS ประเมินเงินเฟ้อที่เร่งขึ้นมา (กรอบเงินเฟ้อของ ธปท. 1-3%) เพิ่มโอกาสการคงอัตราดอกเบี้ยฯไทย ที่ระดับ 2.5% ในการประชุม กนง. พุธหน้า 12 มิ.ย. มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร Top pick เน้น KTB
• (*/+) TH Tourism: ททท. เปิดเผยว่า งาน Thailand Mart Plus (TTM+2024) งานส่งเสริมการขาย B2B วันที่ 5-7 มิ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ซื้อจำนวน 425 รายจาก 50 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้น 13.7%y-y มองจิตวิทยาบวกต่อโมเมนตัมการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยวไทย ขณะที่รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุดถึงวันที่ 8 มิ.ย. 24 (ข้อมูลสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ล่าสุดกลับมาอยู่ในระดับ 9.8 หมื่นคน หนุน YTD อยู่ที่ 15.46 ล้านคน เท่ากับนักท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละ 9.6 หมื่นคน ผสาน ระยะถัดไปมีแรงหนุนมาตรการฟรี วีซ่าถาวรหลายชาติมากขึ้น มองนักท่องเที่ยวทั้งปีอยู่ในกรอบบนที่ตลาดประเมิน 35.5-36 ล้านคน แต่ระยะสั้นภาพภายในที่ยังเป็นช่วงนอกฤดูกาล เชิงกลยุทธ์เน้น Selective เลือก AOT ที่ผันผวนช่วงนอกฤดูกาลต่ำ, MINT ที่เด่นจากช่วงฤดูกาลยุโรปช่วง 2Q24-3Q24
• (*) To monitor: 12 มิ.ย. 1) ศาลปกครองสูงสุด นัดอ่านคำพิพากษาในคดี BTSC บ.ย่อย BTS ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม กรณีเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติและหลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ให้แตกต่างจากหลักเกณฑ์เดิม ทั้งนี้ คดีนี้ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง 2) ติดตามการประชุม กนง. คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% 3) การเมือง i) ติดตามกำหนดการศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำตัดสินคดีคุณคุณสมบัติคุณเศรษฐา หลังนายกเซ็นลงนามคำชี้แจงไว้แล้ว (ครบกำหนดส่งคำชี้แจง 10 มิ.ย.) ii) ) 12 มิ.ย. การพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล 4) ติดตามความชัดเจนกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF)
Daily Strategy : BEM, CPF, GFPT เด่น
ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways" ปัจจัยต่างประเทศเป็นกลาง-ลบอ่อนๆ จากภาพภาคแรงงาน ค่าแรงปรับเพิ่มขึ้น สูงกว่าคาด บ่งชี้เงินเฟ้ออาจจะไม่ลดลงได้ง่าย ขณะที่อัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดยังรอติดตามรายงานเศรษฐกิจสำคัญๆเพิ่มเติมสัปดาห์นี้ ทั้งรายงานเงินเฟ้อ และการประชุม Fed ส่วนภายใน เรายังคงมุมมอง SET อยู่ในโซนลงทุนน่าสะสม ทั้งนี้ หุ้นนำระยะสั้นวันนี้ เรามอง 1) หุ้นได้แรงหนุน Yield ปรับเร่งขึ้น อาทิ ธนาคาร ประกัน 2) หุ้นเงินบาทอ่อนค่าหนุน อาทิ CPF GFPT 3) หุ้น Defensive สื่อสาร ร.พ.
หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA, SCGP, IVL, GLOBAL, DOHOME)
กลุ่มภาคผลิตไทยฟื้นตัว y-y ครั้งแรกในรอบ 19 เดือนหนุน (GFPT, TU, OSP, CBG, SCGP, IVL, STA, NER)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, BJC, ICHI, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, WARRIX, MTC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA)
กลุ่มได้ประโยชน์เทศกาลฟุตบอลยูโร 2024 (CPALL ADVANC TRUE MINT BJC HMPRO GLOBAL SAPPPE DOHOME OSP ICHI)
• JUNE24 Best Picks: MINT, GFPT, HANA, ICHI, OSP, BJC, MTC
• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC
Tactical & Investment Idea
Research Highlight
• Strategy Update : SET50/100 Last Update
ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 2024 ด้วยเกณฑ์การคัดเลือกล่าสุด โดยสำหรับผลการคำนวนครั้งนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 31 พ.ค. 2024 (ข้อมูลครบตามเกณฑ์คำนวณของตลาดฯ) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงสูง เราหวังว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ หุ้นเข้าและออกมีรายละเอียดดังนี้
• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100%), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 90%)
• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 90%), SAWAD (โอกาสหลุด 90%), KCE (โอกาสหลุด 100%) และ COM7 (โอกาสหลุด 100%)
• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 9 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, JAS, QH, SKY, PRM, TIPH
• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 9 บริษัท คือ AURA, BYD, FORTH, MOSHI, NEX, ORI, SNNP, THG, TKN
กลยุทธ์ แนะนำ เก็งกำไร BJC, BCP, ITC ที่จะเข้า SET50 ส่วน SET100 แนะนำเก็งกำไร BA, CKP
• Strategy Update : EURO 2024 Plays
Fact : มหกรรมฟุตบอลยูโร หนึ่งในรายการฟุตบอลนานาชาติที่จุดทุกๆ 4 ปี ที่ชาวไทยเฝ้าติดตามสูงสุด จะเริ่มต้นอีกครั้ง กลาง มิ.ย. 2024 นี้ โดยทุกๆทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลระดับโลก เม็ดเงินจับจ่ายใช้สอยจะเร่งขึ้นสูงถึงระดับ 1.5-1.8 หมื่นล้านบาท นับว่ามีนัยสำคัญ เทียบกับช่วงเวลามหกรรมที่สั้นราว 1 เดือน โดยมีสินค้าหลักที่ความต้องการพุ่งสูงขึ้นช่วงเวลา ได้แก่ อาหาร+เครื่องดื่ม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา
Analysis จากการผลการศึกษาผลการเคลิ่นไหวอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกลุ่มสินค้าดังกล่าวในช่วงเวลาที่มีเทศกาลเกิดขึ้นย้อนหลัง 5 ครั้ง กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้ออุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นในช่วงมหกรรมดังกล่าว อาทิ สื่อสาร โรงแรม ค้าปลีก และอาหาร ให้ผลตอบแทน 7.2% 6.3% 4.5% และ 1.8% ในช่วงฟุตบอลยูโร 3 รอบ (ไม่รวมรอบที่มี Market Risk ในปี 2008 (Subprime Crisis) และ 2021 (COVID-19)) ขณะที่พบว่ากลุ่มอาหารระยะหลังที่ทยอยมีหุ้นเครื่องดื่มเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น แม้ในช่วงปี 2021 ที่ตลาดมีปัจจัยเสี่ยง Market Risk ยังสามารถให้ผลตอบแทนชนะตลาดได้ที่ +1.0% vs SET -5.3%
Strategy : เชิงกลยุทธ์ พบว่า หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวที่มักให้ผลตอบแทนเด่นชนะตลาดในช่วงเวลาที่มีเทศกาลฟุตบอลยูโรเฉลี่ย 15.3%-2.7% ถือเป็นชุดหุ้นที่มีความน่าสนใจและเหมาะกับการเก็งกำไรในรอบตลาดปัจจุบันที่กำลังตั้งฐานฟื้นตัว ได้แก่ CPALL(TP-80) ADVANC(TP-275) TRUE (TP-10.3) MINT (TP-42) BJC (TP-33) HMPRO (TP-15) GLOBAL (TP-17.6) SAPPPE(TP-125) DOHOME (TP-12.3) OSP(TP-26) ICHI(TP-22)
• Strategy Update : FTSE Rebalance
FTSE ประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่จะมีผล Rebalance ในราคาปิด วันที่ 21 มิ.ย.2024FTSE ALL World Index(Large + Mid Cap) วัน Rebalance เป็นการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย คิดเป็นเม็ดเงินราว +50 ล้านเหรียญฯโดยหลักๆ เป็นการเพิ่มน้ำหนัก SAWAD BGRIM, CPF ,MINT เฉลี่ยราว +20 ถึง +10 ล้านเหรียญฯ ขณะที่หุ้นเข้า – ออก ในส่วนต่างๆ ดัชนี สรุปได้ดังนี้
o FTSE Large Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก
o FTSE Mid Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก
o FTSE Small Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก
o FTSE Micro Cap : หุ้นเข้า SAFE, TAN หุ้นออก : ไม่มี
• Strategy Update : Data Center
• กระแสลงทุน Data Center ในไทยกำลังเร่งขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม มีสัญญาณบ่งชี้จาก 1) WHA มีโอกาสสูงเซ็นสัญญาขายที่ดินขนาด 400-500 ไร่ให้กับผู้ประกอบการ Data Center ระดับโลกกลางปี 2024 นี้ 2) เริ่มผู้ประกอบการ Data Center ที่เคยลงทุนในประเทศไทยไปแล้วติดต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า วางแผนร่วมกันถึงกำลังผลิตไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมระดับ 100+ MW
• การลงทุนดังกล่าว เรามองบวกต่อการสร้าง S Curve ใหม่ๆต่อเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น อิงขนาดที่ดินที่มีโอกาสขายขนาดใหญ่ WHA บ่งชี้ทิศทางผู้ประกอบการต่างชาติน่าจะมองไทยหนึ่งในศูนย์กลางData Center ของภูมิภาค
• KSS ประเมินทิศทางจะเปิด Upside ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1) กลุ่มนิคม จากโอกาสขายที่ดิน 2) กลุ่มโรงไฟฟ้า จากโอกาสต่อยอด Upside กำลังผลิตเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น 3) กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม ที่มักเป็นกลุ่มช่วยให้ผู้ประกอบการระดับโลกเช่าใช้ Data Center ที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจช่วงเริ่มต้น + โอกาสเติบโตจากการผลักดันมีการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้นระยะกลาง-ยาว 4) กลุ่มผู้รับเหมา ICT ที่มีศักยภาพสร้าง Data Center 5) กลุ่ม Digital Tech จากมุมมองเชิงบวกต่อภาพ Digital Transformation ระยะยาว เชิงกลยุทธ์หากประกอบภาพพื้นฐานหุ้นระยะสั้น ให้เน้น WHA(TP-6) GULF(TP-45.5) TRUE(TP-10.3) INSET(TP-3.2)
• Soft Commodity (Neutral): สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง -4%w-w ส่งผลต่อราคา soft commodity ราคายางพาราลดลง -0.71%w-w เพราะราคายางสังเคราะห์ปรับตัวลง ราคาถั่วเหลืองลดลง -2.31%w-w สหรัฐรายงานภาวะการปลูกถั่วเหลืองมีความก้าวหน้ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ราคาน้ำมันปาล์มลดลง -1.07%w-w มาเลเซียรายงานสต๊อกน้ำมันปาล์มสิ้นเดือนพค. เพิ่มขึ้น m-m ถึงแม้ปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น ราคาน้ำตาลลดลง -0.52%w-w คาดอากาศดีขึ้นทำให้ผลผลิตน้ำตาลไทยและอินเดียเพิ่มขึ้นในฤดูกาลปี 2024/25
อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ราคาสุกรจีน +6.15% มาที่ 18.43 หยวนหรือ 92.1 บาท สูงกว่าต้นทุนการเลี้ยงที่ 16.5 หยวน นอกจากนี้ราคาวันที่ 8 มิย ขึ้นไปที่ 20 หยวนในมณฑลฝูเจี้ยน ราคาสุกรเวียดนามทรงตัวที่ 68,167 ดองหรือ 95.4 บาทและยังมีข่าวระบาด ASF ส่วนไทย ราคาไก่ทรงตัวที่ 43.50 บาท (ต้นทุน 37-38 บาท) ราคาสุกร -2.9%มาที่ 67.5 บาท (ต้นทุน 68-72 บาท) เพราะการบริโภคอ่อนตัวในหน้าฝน
ข่าวล่าสุด ฟิลิปปินส์ประกาศห้ามนำเข้าไก่ออสเตรเลีย หลังสหรัฐ ญี่ปุ่น ประกาศห้ามในเดือนพค. คาดฟิลิปปินส์นำเข้าไก่จากไทยเพิ่มขึ้น ฟิลิปปินส์นำเข้าไก่ออสเตรเลียปี 22 US$16 ล้าน หรือ 21% ของส่งออกออส เป็นลูกค้าอันดับ 2 ของออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์
นำเข้าไก่ไทยปี 23 US$22 ล้าน หรือ 0.5% ของส่งออกไทย เป็นลูกค้าอันดับ 12 ของไทย
เราให้น้ำหนักกลุ่มฯ NEUTRAL เราให้ Top pick GFPT (TP 15.10) แนวโน้มการส่งออกไก่โตและราคาไก่เพิ่ม คาดยังดีต่อเนื่องในผลการดำเนินงาน 2Q24F นอกจากนี้ราคาสุกรจีนที่พ้นจุดคุ้มทุนและเร็วกว่าคาดเป็นผลบวกต่อแนวโน้มงบ CPF ใน 2Q24F
•TACC (Buy, TP6): We resume coverage with BUY, TP Bt6.00. We like TACC for its decent revenue growth along with the CVS (CPALL) growth, its good valuation of 11x 2024F P/E and the high dividend yield of 9% (2024F) as 2024F EBITDA of Bt364m exceeds capex of Bt50m. We project EPS growth to be 14% in 2024F, underpinned by: (1) the 15% revenue growth, mostly from selling beverages in 7-11 stores and (2) the gross margin expansion of 2.3ppt yoy (to 33.9%) from the price increases since April 2023, at its CVS segment.
• BEM(Buy, TP9.5): Reiterate our Buy rating. We like BEM as defensive stock with decent EPS growth. The overhang on the orange line would be lifted within this week if the supreme court reaches the same verdict as the administrative court, no wrongdoing on orange line auction. Traffic in May both road and rail showed signs of pickup following the long school break. We expect 2Q24 earnings to grow yoy and qoq.
• PTT(Neutral, TP38.5): Neutral จากการเยี่ยมชมโรงงาน ระยะสั้น PTT มี overgang ฉุดผลประกอบการใน 2Q-3Q24F และ 4Q24F เป็น low season ทำให้ช่วงที่เหลือของปีขาด catalyst นอกจากนี้ยังอาจเผชิญความเสี่ยงค่าใช้จ่ายพิเศษจากบริษัทลูกที่ยังไม่ชัดเจนเข้ามาฉุดได้อีก ผู้ไม่มีหุ้นเรามองรอผ่านช่วงแรงกดดันไปก่อน เราปรับคำแนะนำลงเป็น Neutral (เดิม Trading Buy) คง TP24F ที่ 38.5 บาท/หุ้น มองมีตัวเลือกเก็งกำไรที่น่าสนใจกว่าคือกลุ่มโรงกลั่นอย่าง SPRC (Buy; TP11.0) ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวใน 3Q24F หนุนจาก U.S. driving season
2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery
Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU
Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC