"Selective Play"
KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Down" ต้าน 1336/1345 จุด รับ 1320/1316 จุด ดัชนี S&P 500 แกว่งตัวแคบ รอรายงานภาคแรงงานสหรัฐฯคืนนี้ ตลาดคาดภาพสมดุล ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร +1.86 แสนตำแหน่ง prev. 1.75 แสนตำแหน่ง เรามองถ้าไม่หลุดไปจากกรอบ 1.5-2.0 แสนตำแหน่ง ซึ่งเป็นไปได้ หากอิงทิศทางยอดผู้รับขอสวัสดิการครั้งแรกสัปดาห์หลังที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น ตลาดจะยังเชื่อภาพการลดดอกเบี้ยมาจากผลบวกเงินเฟ้อที่อ่อนลง สอดคล้อง ECB นำร่องปรับลดดอกเบี้ยวานนี้ ด้าน Asia ติดตามรายงานนำเข้า-ส่งออกจีน คาดขยายตัวต่อเนื่องตามสัญญาณเศรษฐกิจช่วงก่อนหน้า ส่วนไทยติดตามเรื่องเงินเฟ้อที่เลื่อนรายงาน และสัญญาณการเมืองภายในประเทศ ล่าสุดยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องการเลือกตั้ง ส.ว. สะท้อนเสถียรภาพการเมืองไม่นิ่ง ทำให้ระยะสั้นยังไม่น่ามีประเด็นสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดได้ มอง SET แกว่งลง แต่เชิงกลยุทธ์มองเป็นโซนที่ตั้งรับลงทุนระยะกลาง-ยาว หลัง Equity Risk Premium (ERP) ทั้ง Current และ Forward อยู่ที่ 3.4-4.0% (> Avg 3.09%) วันนี้แนะนำ OSP, CPALL, SIRI
Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1336/1345 จุด รับ 1320/1316 จุด
What happened around the world ?
• (*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มชะลอการขึ้น Dow jones +0.2d-d, S&P500 -0.02%, Nasdaq -0.01% โดย Sectorใน S&P500 กลุ่มที่ Outperform คือ Consumer Discretionary, Energy (Exxon +0.75%, Chevron +0.6%), Consumer staples, Health Cares ฯลฯ กลุ่มที่ Underperform คือ Utilities , Industrials ฯลฯ หุ้นที่ปรับขึ้นเด่นคือ กลุ่ม High Growth อาทิ Uber+4.7%, Amazon +2.05%, Tesla +1.7% ฯลฯ
•(*) ECB meeting : ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เป็นไปตามคาด คือ ลดดอกเบี้ย -25 bp ทำให้ deposit facility rate ลดลงสู่ระดับ 3.75% โดยแนวโน้มดอกเบี้ย ประธาน ECB คริสติน ลาการ์ด เผยระบุให้ดู Meeting by Meeting หรือ data dependence มองเงินเฟ้อยังลงช้า โดยปรับคาดการเงินเฟ้อปีนี้ขึ้นทั้ง Head และ Core CPI โดยหากอิง MUFG คาดว่าจะลดดอกเบี้ยอีกไตรมาสละ -25 bps ใน 3Q24 และ 4Q24 KSS มองจะหนุนให้ค่าเงินยูโรแนวโน้มอ่อนค่าบวกต่อภาคส่งออกยุโรป ผสานกับกระตุ้นกำลังซื้อ และการลงทุนต่อเศรษฐกิจยุโรป ผสาน Events สำคัญหนุนทั้งบอลยูโรที่เยอรมนี และโอลิมปิคที่ฝรั่งเศส มองบวกหุ้นทีมีรายได้ในยุโรป อาทิ XO(70%ของรายได้รวม), MINT(50%) SHR(40%), IVL (22%) CRC(6%) เน้นลงทุน MINT
•(*) US Labor : รายงานตัวเลข Initial Jobless Claims +2.29 แสนรายสูงกว่าคาดที่ 2.2 แสนราย ตัวเลขแรงงานที่ออกมายังไม่อยู่ระดับที่น่ากัวล สะท้อนภาพภาคแรงงานสหรัฐฯประคองในลักษณะ Soft Landing ได้ (ความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนตำแหน่ง) KSS แนะนำติดตามคืนนี้รายงานการจ้างงานสหรัฐฯ พ.ค. 24 1) ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร ตลาดคาด 1.8 แสนตำแหน่ง vs prev. 1.75 แสนตำแหน่ง 2) อัตราว่างงาน พ.ค. 24 ตลาคาด 3.9% ทรงตัวจาก prev. โดยรวมเราประเมินความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในระดับสมดุล หากการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรอบ 1.5-2.0 +/- แสนตำแหน่ง คาดจะช่วยหนุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง
• (*) To monitor : ฝั่งจีน 7 มิ.ย. ติดตามดุลการค้า พ.ค. และส่งออก ,นำเข้า ไม่มีคาด ฝั่งสหรัฐ 12 มิ.ย. เงินเฟ้อ (Head line CPI) เดือน พ.ค. ตลาดคาด +0.1%m-m และ 3.4%y-y และ Fed Meeting เช้า 13 มิ.ย. คาดคงดอกเบี้ยตามเดิม
• (*) US Bond & Dollar : Bond yields ระยะสั้น แนวโน้มระยะสั้นเป็นขาลงชัดปรับลงติดต่อกัน 6 วัน อายุ 10 ปี ปรับลงต่ออีก -1 bps มาอยู่ที่ 4.28%(ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน) เช่นเดียวกับอายุ 2 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 4.72% (ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน) โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อกับหุ้นในกลุ่มอิเล็กฯ, กลุ่มการเงิน และกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่จะลบกับกลุ่มธนาคารและประกัน ในวันนี้ ขณะที่ Dollar Index แกว่งตัวอ่อนค่าขึ้นมาอยู่ที่ 104.0 +/- จุด เป็นปัจจัยหนุนระยะสั้นต่อ Fund Flow ในฝั่งเอเซีย
•(+) Oil น้ำมันดิบระยะสั้นฟื้นตัวต่อเป็นวันที่ 2 จากทิศทางขาลง อิง Brent +1.86%d-d ปิดที่ US$ 79.87/barrel น้ำมันดิบ West Texas +2.0%d-d ปิดที่ US$ 75.5/barrel KSS มองเป็น Technical reboud และตอบรับ Trend ดอกเบี้ยโลกเริ่มลดลง (หลังแคนาดาและยุโรปนำร่องลดดอกเบี้ยไปแล้ว หนุน Demand ความต้องการเพิ่ม) โดยรวมมองบวกต่อ SET Index และหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP
• (+)World Container Index : ค่าระวางเรือโลก World Container Index World Container Index แนวโน้มเป็นขาขึ้น ปรับขึ้น 7 สัปดาห์ติด สัปดาห์ล่าสุด +12%w-w อยู่ที่ 4,716 เหรียญต่อ 40 ft และปรับขึ้นต่อเกือบทุกเส้นทางเรือ (อาทิ เส้น Shanghai - Rotterdum +14%w-w, Shanghai – los Angeles +11%) KSS ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้นเรือ Container อาทิ RCL และบวกต่อกลุ่มให้บริการโลจิสติกส์ในลักษณะ Freight Forwarder ที่มีสัดส่วน Sea Freight สูง อาทิ SINO (90% ของรายได้), SONIC (62% ของรายได้) LEO (75% ของรายได้) และ WICE (34% ของรายได้)
What happened in Thailand ?
• (-) SET: ตลาดหุ้นไทยวันทำการล่าสุด ปรับตัวลดลงสวนทางตลาดหุ้นโลก -9.91 จุด หรือ -0.74% ปิดที่ 1328.41 จุด หลุดแนวรับสำคัญ 1330 จุดที่เป็นจุดต่ำสุดเดิม หลักๆเป็นแรงเทขายหุ้น Big Cap กังวลประเด็นการเมืองในประเทศที่ยังไม่ชัดเจน กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) มองตลาดกังวลต่อทิศทางราคาน้ำมันภาพรวมหลังเศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนตัวลงต่อเนื่อง + แรงขายหุ้น Big Cap กลุ่มขนส่ง (AOT) มองเป็นแรงขายหุ้น Big Cap กลุ่มประคอง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, HANA, KCE) หนุนจากจิตวิทยาหุ้นเทคโนโลยีต่างประเทศนำดัชนี S&P500 ขึ้นทำ All Time High กลุ่มบริการเฉพาะ (SISB)
• (-) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น -87.4 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -9.1 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Short -37,518 สัญญา เงินบาทแข็งค่าสู่ 36.4+/- บาท
• (*/+) Utilities: สนพ.เปิดไทม์ไลน์เวทีรับฟังความเห็นแผน PDP 2024 และแผนก๊าซ ระหว่าง 12-13 มิ.ย. 24 เรามีมุมมองเชิงบวกต่อข่าวดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้มีการเปิดประมูลกำลังการผลิตใหม่ๆในอนาคต ราคาดว่า PDP 2024 จะได้รับการอนุมัติจากครม. ใน 4Q24 และการประมูลกำลังการผลิตใหม่ น่าจะเกิดขึ้นในปี 2025 โดยเฉพาะกลุ่มที่มีศักยภาพชนะโครงการสูง อิงจากการประมูลรอบล่าสุด คือ GULF
• (*/+) SET50/100 Rebalance Last Update: ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 2024 ด้วยเกณฑ์การคัดเลือกล่าสุด โดยสำหรับผลการคำนวนครั้งนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 31 พ.ค. 2024 (ข้อมูลครบตามเกณฑ์คำนวณของตลาดฯ) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงสูง เราหวังว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ หุ้นเข้าและออกมีรายละเอียดดังนี้
• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100%), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 90%)
• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 90%), SAWAD (โอกาสหลุด 90%), KCE (โอกาสหลุด 100%) และ COM7 (โอกาสหลุด 100%)
• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 9 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, JAS, QH, SKY, PRM, TIPH
• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 9 บริษัท คือ AURA, BYD, FORTH, MOSHI, NEX, ORI, SNNP, THG, TKN
กลยุทธ์ แนะนำ เก็งกำไร BJC, BCP, ITC ที่จะเข้า SET50 ส่วน SET100 แนะนำเก็งกำไร BA, CKP
• (*) Retail Sentiment Index: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีก ล่าสุดทั้งในปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้ายังปรับตัวลดลง เนื่องจากกำลังซื้อที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม หากแยกตามรูปแบบร้านค้า พบว่า กลุ่มที่การสำรวจรอบนี้ความเชื่อมั่นเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ กลุ่มห้างสรรพสินค้า และกลุ่มจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ขณะที่พื้นที่ที่ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น คือ กทม.+ปริมณฑล ภาคเหนือ และภาคกลาง โดยรวมเราประเมินจิตวิทยาบวกต่อ CRC, DOHOME, GLOBAL โดยฝั่งวัสดุก่อสร้างสอดคล้องทิศทางยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วง 2Q24F ที่เริ่มหดตัว y-y ในระดับต่ำลง เชิงกลยุทธ์มองเน้น DOHOME
• (*) To monitor: ติดตามเงินเฟ้อ CPI พ.ค. คาด +1.17%y-y vs prev. +0.19%y-y โดยอิง BB Consensus คาดการณ์ Top Rank Economists สูงกว่าตลาดมองเล็กน้อย มองน่าจะเป็นส่วนหนึ่งบ่งชี้ทิศทางผลประชุม กนง. กอปรกับ กระแสการปรับลด GDP ที่ยังมีต่อเนื่อง เชิงกลยุทธ์เรามองโอกาสลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือปี 2024 ยังมีความเป็นไปได้
Daily Strategy : OSP, CPALL, SIRI เด่น
ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways/Down" ปัจจัยต่างประเทศเป็นกลางตลาดยังรอดูรายงานยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ส่วนภายใน การเมืองยังเป็น Overhang หลัก แต่ระดับ Index ปัจจุบันเรามองสะท้อนภาพความเสี่ยงกรณีค่อนข้างเลวร้ายแล้ว มองหุ้นนำ 1) กลุ่มอิงยุโรป MINT อิงจีน SCGP กลุ่มน้ำมัน PTTEP หุ้น Defensive สื่อสาร ADVANC TRUE ร.พ. BDMS
หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA, SCGP, IVL, GLOBAL, DOHOME)
กลุ่มภาคผลิตไทยฟื้นตัว y-y ครั้งแรกในรอบ 19 เดือนหนุน (GFPT, TU, OSP, CBG, SCGP, IVL, STA, NER)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, BJC, ICHI, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, WARRIX, MTC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA)
กลุ่มได้ประโยชน์เทศกาลฟุตบอลยูโร 2024 (CPALL ADVANC TRUE MINT BJC HMPRO GLOBAL SAPPPE DOHOME OSP ICHI)
• JUNE24 Best Picks: MINT, GFPT, HANA, ICHI, OSP, BJC, MTC
• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC
Tactical & Investment Idea
Research Highlight
• Strategy Update : EURO 2024 Plays
Fact : มหกรรมฟุตบอลยูโร หนึ่งในรายการฟุตบอลนานาชาติที่จุดทุกๆ 4 ปี ที่ชาวไทยเฝ้าติดตามสูงสุด จะเริ่มต้นอีกครั้ง กลาง มิ.ย. 2024 นี้ โดยทุกๆทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลระดับโลก เม็ดเงินจับจ่ายใช้สอยจะเร่งขึ้นสูงถึงระดับ 1.5-1.8 หมื่นล้านบาท นับว่ามีนัยสำคัญ เทียบกับช่วงเวลามหกรรมที่สั้นราว 1 เดือน โดยมีสินค้าหลักที่ความต้องการพุ่งสูงขึ้นช่วงเวลา ได้แก่ อาหาร+เครื่องดื่ม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา
Analysis จากการผลการศึกษาผลการเคลิ่นไหวอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกลุ่มสินค้าดังกล่าวในช่วงเวลาที่มีเทศกาลเกิดขึ้นย้อนหลัง 5 ครั้ง กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้ออุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นในช่วงมหกรรมดังกล่าว อาทิ สื่อสาร โรงแรม ค้าปลีก และอาหาร ให้ผลตอบแทน 7.2% 6.3% 4.5% และ 1.8% ในช่วงฟุตบอลยูโร 3 รอบ (ไม่รวมรอบที่มี Market Risk ในปี 2008 (Subprime Crisis) และ 2021 (COVID-19)) ขณะที่พบว่ากลุ่มอาหารระยะหลังที่ทยอยมีหุ้นเครื่องดื่มเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น แม้ในช่วงปี 2021 ที่ตลาดมีปัจจัยเสี่ยง Market Risk ยังสามารถให้ผลตอบแทนชนะตลาดได้ที่ +1.0% vs SET -5.3%
Strategy : เชิงกลยุทธ์ พบว่า หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวที่มักให้ผลตอบแทนเด่นชนะตลาดในช่วงเวลาที่มีเทศกาลฟุตบอลยูโรเฉลี่ย 15.3%-2.7% ถือเป็นชุดหุ้นที่มีความน่าสนใจและเหมาะกับการเก็งกำไรในรอบตลาดปัจจุบันที่กำลังตั้งฐานฟื้นตัว ได้แก่ CPALL(TP-80) ADVANC(TP-275) TRUE (TP-10.3) MINT (TP-42) BJC (TP-33) HMPRO (TP-15) GLOBAL (TP-17.6) SAPPPE(TP-125) DOHOME (TP-12.3) OSP(TP-26) ICHI(TP-22)
• Strategy Update : FTSE Rebalance
FTSE ประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่จะมีผล Rebalance ในราคาปิด วันที่ 21 มิ.ย.2024FTSE ALL World Index(Large + Mid Cap) วัน Rebalance เป็นการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย คิดเป็นเม็ดเงินราว +50 ล้านเหรียญฯโดยหลักๆ เป็นการเพิ่มน้ำหนัก SAWAD BGRIM, CPF ,MINT เฉลี่ยราว +20 ถึง +10 ล้านเหรียญฯ ขณะที่หุ้นเข้า – ออก ในส่วนต่างๆ ดัชนี สรุปได้ดังนี้
o FTSE Large Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก
o FTSE Mid Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก
o FTSE Small Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก
o FTSE Micro Cap : หุ้นเข้า SAFE, TAN หุ้นออก : ไม่มี
• Strategy Update : Data Center
• กระแสลงทุน Data Center ในไทยกำลังเร่งขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม มีสัญญาณบ่งชี้จาก 1) WHA มีโอกาสสูงเซ็นสัญญาขายที่ดินขนาด 400-500 ไร่ให้กับผู้ประกอบการ Data Center ระดับโลกกลางปี 2024 นี้ 2) เริ่มผู้ประกอบการ Data Center ที่เคยลงทุนในประเทศไทยไปแล้วติดต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า วางแผนร่วมกันถึงกำลังผลิตไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมระดับ 100+ MW
• การลงทุนดังกล่าว เรามองบวกต่อการสร้าง S Curve ใหม่ๆต่อเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น อิงขนาดที่ดินที่มีโอกาสขายขนาดใหญ่ WHA บ่งชี้ทิศทางผู้ประกอบการต่างชาติน่าจะมองไทยหนึ่งในศูนย์กลางData Center ของภูมิภาค
• KSS ประเมินทิศทางจะเปิด Upside ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1) กลุ่มนิคม จากโอกาสขายที่ดิน 2) กลุ่มโรงไฟฟ้า จากโอกาสต่อยอด Upside กำลังผลิตเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น 3) กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม ที่มักเป็นกลุ่มช่วยให้ผู้ประกอบการระดับโลกเช่าใช้ Data Center ที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจช่วงเริ่มต้น + โอกาสเติบโตจากการผลักดันมีการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้นระยะกลาง-ยาว 4) กลุ่มผู้รับเหมา ICT ที่มีศักยภาพสร้าง Data Center 5) กลุ่ม Digital Tech จากมุมมองเชิงบวกต่อภาพ Digital Transformation ระยะยาว เชิงกลยุทธ์หากประกอบภาพพื้นฐานหุ้นระยะสั้น ให้เน้น WHA(TP-6) GULF(TP-45.5) TRUE(TP-10.3) INSET(TP-3.2)
• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update
ตลาดหลักทรัพย์ปรับเกณฑ์คัดเลือกหุ้นเข้า SET50/SET100 เริ่มใช้จริงรอบ 2H24 หนุนให้ BJC เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์ และกลับเข้ามาในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง
วันนี้ตลาดหลักทรัพย์อัพเดทสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นการปรับเกณฑ์สภาพคล่องในการคัดเลือกหุ้นเข้า SET50/100 และจะเริ่มใช้จริงรอบ 2H24 เราคาดเป็นตัวหนุนหุ้น BJC กลับเข้ามาอยู่ในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง
โดยสำหรับคาดการณ์หุ้น SET50/SET100 ล่าสุดดังนี้
• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)
• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)
• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS
• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN
กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA, CKP
• BTS (Buy, TP-6.4): Reiterate our Buy on BTS on turnaround story. First is on the operation. Departure on KEX, it means FY25F earnings will recover by at least Bt5b (Bt4b impairment and Bt1b operation). Deal to divest SINGER at Bt20/share not only implies no more impairment loss, but it also boosts cash flows of Bt3.9b from divestment. Thus, we maintain our earnings estimate of Bt1.3b, turning from loss in FY24. Second is on cash flow. Cash receipt of Bt23b from E&M and potential winning O&M case of Bt36b will add more cash to BTS.
• SIRI (Buy, TP-2.2): มุมมอง slightly positive ต่อ Apr-May 24 presale ที่ราว 7.8 พันลบ. และ Apr-May 24 transfer ที่ราว 5.0 พันลบ. ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีกว่าที่คาด ทั้งนี้หาก Jun-24 ยังดี จะทำให้ 2Q24F outlook ทั้ง presale, transfer มีโอกาสโต y-y, q-q ทำให้คาดแนวโน้ม Norm. profit ยังสูงราว 1.1-1.2 พันลบ. ในขณะที่แผนธุรกิจปี 2024F ที่ยัง aggressive กว่ากลุ่มฯ โดยเฉพาะการเปิดโครงการใหม่ ทำให้แนวโน้ม 2024F presale, transfer ที่ตั้งเป้าโต y-y เป็นไปได้ (ซึ่งอาจสวนทางกลุ่มฯ) สะท้อนการเพิ่ม market share ยังทำได้ต่อเนื่อง ทั้งนี้มีโอกาสสูงที่ประมาณการ Norm. profit ปี 2024F ของเราคงที่ 4.7 พันลบ. จะมี upside 5-10% ตามแนวโน้มการโอนที่ดีกว่าคาด และทำให้ Norm. profit ปี 2024F มีแนวโน้มใกล้เคียงปีก่อน (ที่ 5.1 พันลบ.) เราคง BUY ที่ TP24F ที่ 2.20 บาท/หุ้น มอง story ใน 2Q24F ยังดีกว่าบริษัทอื่นในกลุ่มฯ รวมถึงคง business direction ปี 2024F ที่ยังถือว่า aggressive กว่าคู่แข่ง ทำให้มีโอกาสเพิ่ม market share ได้ต่อเนื่อง
• WARRIX (Buy, TP-7.3): ผลคัดบอลโลกเอเชียรอบ 2 กลุ่ม C (4 ทีม) วานนี้ ทีมชาติไทยบุกไปเสมอจีน 1-1 ด้วยฟอร์มที่ดี เชียร์ได้ ทำให้ผ่าน 5 นัด แม้ไทยยังตามหลังจีน 3 แต้ม ยังมีลุ้นเข้ารอบนัดสุดท้าย บนเงื่อนไข 1.ไทยในบ้านต้องชนะสิงคโปร์ (นัดไทยเยือนสิงคโปร์ ไทยชนะ 3-1) 2. ต้องให้จีนแพ้ในการไปเล่นเกาหลีใต้ (นัดแรกจีนเล่นในบ้านแพ้เกาหลี 0-3) 3. ผลต่างประตูโดยรวมของ 2 คู่ ต้องมากกว่า 3 ลูก และมองกระแสทีมชาติช่วงจะแข่งนัดสุดท้ายวันที่ 11 มิ.ย. ยังดีอยู่ เรามีมุมมอง Neutral ต่อผลดังกล่าว โดย WARRIX เป็นแบรนด์ที่กำลังสร้างชื่อ และเป็นผู้สนับสนุนเสื้อทีมชาติไทย ทำให้กระแสฟุตบอลทีมชาติมีผลต่อยอดขายในช่วงแข่งขัน โดย WARRIX มีสัดส่วนรายได้ 15-17% จากเสื้อทีมชาติ และช่วงที่กระแสทีมชาติดี ในช่วงมี.ค.67 ไทยพบเกาหลี ทั้งเย้า-เยือน สัปดาห์นั้น ส่งผลให้ Traffic และยอดขายเสื้อทีมชาติ รวมถึงเสื้ออื่นๆ ทั้งในร้านค้าและ Online เติบโตเป็นผลพลอยได้ตามไปด้วย คงมุมมองกำไรไตรมาส 2 เติบโต y-y, q-q ในกรอบ 20-30% คำแนะนำ Buy ที่ TP24F เดิม 7.30 บาท อิง PER24F 25 เท่า หรือ -1.5 SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง
2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery
Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU
Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC