"Peaking Yield Play"
KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Up" ต้าน 1350/1359 จุด รับ 1332/1330 จุด ดัชนี S&P500 ขึ้นทำ All time high แรงขับเคลื่อนจากกลุ่มเทคฯ นำโดย NVDIA(รับข่าว ASML จะส่งเครื่องผลิตชิปรุ่นใหม่ในปีนี้) ผสาน US Bond Yield 10 ปี คลายลงต่อเนื่อง -6 bps สู่ 4.328% จากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ส่งสัญญาณ "Soft Landing" ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (ADP) พ.ค. 24 ต่ำกว่าคาด อยู่ที่ 1.5 แสนตำแหน่ง ขณะที่ PMI ภาคบริการ (ISM) ขยายตัวสูงกว่าคาด วงจรดอกเบี้ยขาลงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โดยตลาดคาด FED จะลดดอกเบี้ย 2ครั้ง เริ่มครั้งแรก ก.ย. 2024 ขณะที่วานนี้ Canada เป็นชาติแรกใน G7 ที่นำลดดอกเบี้ย -25bps สู่ 4.75% และวันนี้ ECB คาดจะลด -25bps สะท้อนวงจรดอกเบี้ยขาลงเริ่มต้นขึ้น ส่วนภายใน วันนี้ติดตามเงินเฟ้อ CPI ตลาดคาด +1.2%y-y จะเป็นส่วนหนึ่งบ่งชี้ทิศทางผลประชุม กนง. ในระยะถัดไป แม้ Krungsri Research จะปรับมุมมองใหม่ว่าดอกเบี้ยไทยน่าจะตรึง แต่ KSS ยังให้โอกาสการลดดอกเบี้ยไทยภายปีนี้ 1 ครั้ง ส่วนประเด็นเด่นภายใน รัฐฯเตรียมถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2024 หนุนการบริโภค มิ.ย.-ก.ค.คึกคักกว่าปีปกติ มองหุ้นนำ คือ กลุ่ม Peak Yield พีครอบนี้หนุน กลุ่มอิงยุโรป กลุ่มมัก Outperform ช่วงเทศกาลฟุตบอลยูโร (ค้าปลีก เครื่องดื่ม สื่อสาร โรงแรม) วันนี้แนะนำ KCE, HANA, OSP
Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1350/1359 จุด รับ 1332/1330 จุด
What happened around the world ?
• (*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับขึ้นต่อและขึ้นทุกดัชนีหนุนจากกลุ่ม Semiconductor คือ NVDIA เป็นหุ้นนำรับข่าว ASML จะส่งเครื่องผลิตชิปรุ่นใหม่ให้ NVIDIA และ Intel ภายในปีนี้ S&P500 +0.25%, Nasdaq +1.18% แม้ Dow jones +1.95%d-d, โดย Sectorใน S&P500 กลุ่มที่ Outperform คือ IT, ICT, Industrials ฯลฯ กลุ่มที่ Underperform คือ Utilities , Consumer staples ฯลฯ หุ้นที่ปรับขึ้นเด่นคือ กลุ่ม Hogh Growth อาทิ NVDIA +5.1% และปรับขึ้นทำ All time high , AMD +3.8% Meta+3.8%, Apple +0.78%
•(*) US Labour : ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน(ADP) เดือน พ.ค. +1.52 แสน รายต่ำกว่าคาดที่ (+1.75 แสน) บวกน้อยลง 2 เดือนติดต่อกัน (หลักๆมาจาก Sector ภาคการผลิต -2 หมื่นราย และ กลุ่มขุดเหมือง-9 พันราย แต่ภาคบริการการจ้างงานยังขยายตัว อาทิ การศึกษาและสุขภาพ โดยรวมถือว่าสอดคล้องกับตัวเลข JOLTS เมื่อวานออกมาต่ำสุดในรอบ 3 ปี KSS แนะนำติดตามวันศุกร์ 7 มิ.ย. รายงานการจ้างงานสหรัฐฯ พ.ค. 24 1) ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร ตลาดคาด 1.8 แสนตำแหน่ง vs prev. 1.75 แสนตำแหน่ง 2) อัตราว่างงาน พ.ค. 24 ตลาคาด 3.9% ทรงตัวจาก prev. โดยรวมเราประเมินความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในระดับสมดุล หากการจ้างงานนอกภาคเกษตรสูง < 2.0 +/- แสนตำแหน่ง คาดจะช่วยให้ US Bond Yield อายุ 10ปี มีโอกาสผ่านจุดสูงสุดในรอบนี้
•(*/+) US service sector : รายงาน ISM Services เดือน พ.ค.ที่ 53.8 จุด ดีกว่าคาด ทำระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน หลักมาจาก 1.)คำสั่งซื้อใหม่กลับมาขยายตัว อิง New Orders อยู่ที่ 54.1 จุดเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 2.) กิจกรรมภาคธุรกิจ + %m-m ที่ 61.2 จุด
•(*/+) China Service : Caixin PMI ภาคบริการจีน(ธุรกิจขนาดเล็ก) เดือน พ.ค. ออกมาที่ 54.0 จุด ดีกว่าคาดและทำจุด สูงสุดในรอบ 10 เดือน >50 จุด KSS คงมุมมองทิศทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนยังมีทิศทางบวก ยังคาดหวัง Upside เชิงบวกจากการประชุมพรรคคณะกรรมการบริการพรรคการเมือง(Politburo) จะเกิดขึ้นช่วง ก.ค.24 (คาดจะมีปัจจัยบวก 3 เรื่อง 1.) การผ่อนคลายความเข้มงวดกฎระเบียบจากรัฐบาล 2.) มาตรการ Stimulus สินค้าคงทุน อุปโภคบริโภค ฯลฯ 3.)การผ่อนคลายภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม กลยุทธ์มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงจีน อาทิ SCGP, IVL
(+) Interest Rate: คงมุมมองดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง – วานนี้ ธนาคารกลางแคนนาดาปรับลดดอกเบี้ย 0.25% จาก 5% เป็น 4.75% และคาดว่าจะเป็นฝั่งของ ECB
• (*) To monitor : ฝั่งยุโรปวันนี้ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตลาดและ MUFG คาดลดดอกเบี้ย -25 bp ทำให้ deposit facility rate ลดลงสู่ระดับ 3.75%มองจะหนุนให้ค่าเงินยูโรแนวโน้มอ่อนค่าบวกต่อภาคส่งออกยุโรป มองบวกหุ้นทีมีรายได้ในยุโรป อาทิ XO(70%ของรายได้รวม), MINT(50%) SHR(40%), IVL (22%) CRC(6%) เน้นลงทุน MINT, IVL ฝั่งจีน 7 มิ.ย. ติดตามดุลการค้า พ.ค. ไม่มีคาด ส่งออก ไม่มีคาด ,นำเข้า ไม่มีคาด vs prev.
• (*) US Bond & Dollar : Bond yields ระยะสั้น เป็นขาลงชัดปรับลงติดต่อกัน 5 วัน อายุ 10 ปี ปรับลงต่ออีก -6 bps มาอยู่ที่ 4.328% เช่นเดียวกับอายุ 2 ปี ปรับลง -5 bps อยู่ที่ 4.72% โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อกับหุ้นในกลุ่มอิเล็กฯ, กลุ่มการเงิน และกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่จะลบกับกลุ่มธนาคารและประกัน ในวันนี้ ขณะที่ Dollar Index แกว่งตัวแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 104.2 +/- จุด รับตัวเลข US ISM Service สูงสุดในรอบ 9 เดือน เป็นปัจจัยกดดันระยะสั้นต่อ Fund Flow ในฝั่งเอเซีย
•(*/+) Oil น้ำมันดิบฟื้นตัวจากทิศทางขาลง อิง Brent +1.15%d-d ปิดที่ US$ 78.41/barrel น้ำมันดิบ West Texas +1.12%d-d ปิดที่ US$ 74.07/barrel KSS มองเป็น Technical rebound หลังจากต้นสัปดาห์น้ำมันดิบถูกขายออกมาแรง โดย Indicator RSI เข้าสู่ Oversold โดยรวมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP
What happened in Thailand ?
• (*) SET: ตลาดหุ้นไทยวันทำการล่าสุด เคลื่อนไหวส่วนใหญ่ในแดนบวก ก่อนปรับขึ้น +1.0 จุด หรือ +0.07% ปิดที่ 1338.32 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT) สอดคล้องยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ยังแข็งแกร่งสุดในกลุ่ม ขณะที่ลุ้นรับประโยชน์มหกรรมฟุตบอลยูโร 2024 ที่ใกล้เข้ามา กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) มองเด่นขึ้นในฐานะหุ้น Defensive ขณะที่เรามองเริ่มมีเก็งกำไรเงินปันผลงวด 1H24F กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มธนาคาร (TTB, KBANK, BBL) มองจิตวิทยาลบ Bloomberg รายงานข่าวรัฐบาลกำลังหาแนวทางควบคุม BOT ให้ดำเนินการนโยบายการเงินไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล โดยเฉพาะการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย กลุ่มชิ้นส่วนฯ (DELTA) มองพักตัวระยะสั้น
• (*) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น -3.3 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +52.2 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Short -14,866 สัญญา เงินบาททรงตัว 36.6 +/- บาท
• (+) EURO2024: วันนี้ (6 มิ.ย.) เวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการแถลงข่าวถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 (UEFA EURO 2024) มองหนุนกระแสมหกรรมดังกล่าวหนุนเศรษฐกิจไทยดีขึ้นกว่าภาพก่อนหน้าที่ True Visions ประกาศซื้อลิขสิทธิ์เจ้าเดียว คาดเม็ดเงินบริโภคจะคึกคัก 1.5-1.8 หมื่นล้านบาทภายใน 1 เดือน โดยมีสินค้าหลักที่ความต้องการพุ่งสูงขึ้นช่วงเวลา ได้แก่ อาหาร+เครื่องดื่ม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา
จากการผลการศึกษาผลการเคลิ่นไหวอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกลุ่มสินค้าดังกล่าวในช่วงเวลาที่มีเทศกาลเกิดขึ้นย้อนหลัง 5 ครั้ง กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้ออุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นในช่วงมหกรรมดังกล่าว อาทิ สื่อสาร โรงแรม ค้าปลีก และอาหาร ให้ผลตอบแทน 7.2% 6.3% 4.5% และ 1.8% ในช่วงฟุตบอลยูโร 3 รอบ (ไม่รวมรอบที่มี Market Risk ในปี 2008 (Subprime Crisis) และ 2021 (COVID-19)) ขณะที่พบว่ากลุ่มอาหารระยะหลังที่ทยอยมีหุ้นเครื่องดื่มเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น แม้ในช่วงปี 2021 ที่ตลาดมีปัจจัยเสี่ยง Market Risk ยังสามารถให้ผลตอบแทนชนะตลาดได้ที่ +1.0% vs SET -5.3%
เชิงกลยุทธ์ พบว่า หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวที่มักให้ผลตอบแทนเด่นชนะตลาดในช่วงเวลาที่มีเทศกาลฟุตบอลยูโรเฉลี่ย 15.3%-2.7% ถือเป็นชุดหุ้นที่มีความน่าสนใจและเหมาะกับการเก็งกำไรในรอบตลาดปัจจุบันที่กำลังตั้งฐานฟื้นตัว ได้แก่ CPALL ADVANC TRUE MINT BJC HMPRO GLOBAL SAPPPE DOHOME OSP ICHI
• (*/+) Digital Wallet: รมช.คลัง ยืนยันกระเป๋าเงินดิจิทัล จะจ่ายงวดเดียวทั้งก้อน ทุกคนจะได้เงิน 10,000 บาท พร้อมกันทั้ง 50 ล้านคน ไม่ได้แยกเฉพาะกลุ่มเปราะบางตามที่เป็นข่าว** เป็นจิตวิทยาบวกกับกลุ่มค้าปลีก CPALL KK TNP
• (*/+) Trading Ideas: วันนี้เรามองประเด็นรายหุ้นที่น่าสนใจหุ้นรายกลุ่มรายตัว ดังนี้ 1) จาก Channel check ของเรา พบว่า OSP กำลังศึกษาออกผลิตภัณฑ์ใหม่ น้ำวิตามินเข้มข้น ขนาด 1000 Mg (คล้ายกับที่คนส่วนใหญ่ทานเป็นเม็ดแต่ละวัน) เทียบกับปัจจุบันน้ำวิตามินผสม 120 Mg มองเป็น 1St mover ในตลาด เป็นสินค้าน่าสนใจ จับกลุ่มสุขภาพเต็มตัว มีโอกาสได้ Market share จากกลุ่มทานวิตามินเม็ดที่เป็นตลาด Mass 2) ราคาเหล็กส่งสัญญาณ bottom out - ราคาเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างปรับขึ้น m-m 3 เดือนติดกัน และสูงสุดใน 8 เดือน โดยพ.ค. อยู่ที่ 22050 บาท/ตัน +3% m-m, -4% y-y (vs 4M23 -12% y-y) เน้น DOHOME ที่มีสัดส่วนกลุ่มเหล็กสูง (30% ของรายได้) รองมา คือ GLOBAL (15% ของรายได้) 3) ฟุตบอลคัดเลือกบอลโลก ทีมชาติไทย มีโปรแกรมแข่ง 2 นัด วันนี้ เยือนจีน 19.00 และ 11 มิ.ย. เล่นในบ้านพบสิงคโปร์ จุดสำคัญ คือ ผลวันนี้ Best case ไทยชนะ, ส่วนถ้าเสมอ นัดหน้าต้องชนะสิงคโปร์หลายลูก จะเป็นจุดวัดความน่าสนใจของกระแสบอลไทย และผลต่อ WARRIX ที่กำลังสร้างแบรนด์และบอลทีมชาติมีผลต่อยอดขาย 20-30% ของรายได้
• (*) TH Politic: ศาล รธน.รับคำชี้แจง 'ก้าวไกล' สู้คดียุบพรรค ปมล้มล้างการปกครอง ไว้ในสำนวนแล้ว นัดพิจารณา 12 มิ.ย. เรามองเป็นกลางต่อกรณีดังกล่าว เนื่องจากไม่ว่าผลตัดสินจะออกมาในกรณีใด ไม่กระทบต่อการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆของรัฐบาล โดยประเด็นการเมืองที่เราให้น้ำหนัก คือ กรณีคุณสมบัติคุณเศรษฐา คาดว่าจะชี้แจงศาลฯช่วงสัปดาห์นี้ และคำตัดสินมองจะอยู่ช่วงปลาย มิ.ย. - ต้น ก.ค.
• (*) To monitor: ติดตามเงินเฟ้อ CPI พ.ค. คาด +1.17%y-y vs prev. +0.19%y-y โดยอิง BB Consensus คาดการณ์ Top Rank Economists สูงกว่าตลาดมองเล็กน้อย มองน่าจะเป็นส่วนหนึ่งบ่งชี้ทิศทางผลประชุม กนง. กอปรกับ กระแสการปรับลด GDP ที่ยังมีต่อเนื่อง เชิงกลยุทธ์เรามองโอกาสลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือปี 2024 ยังมีความเป็นไปได้
Daily Strategy : KCE, HANA, OSP เด่น
ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Up" ปัจจัยต่างประเทศเป็นกลาง-บวกอ่อนๆ US Bond Yield อายุ 10ปี สหรัฐฯปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่ตลาดยังรอดูรายงานยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร เพื่อประเมินวงจรดอกเบี้ยว่าจะลดลงจากเงินเฟ้อที่อ่อนลงหรือผลกระทบเศรษฐกิจทรุด ส่วนภายใน การเมืองยังเป็น Overhang หลัก แต่ระดับ Index ปัจจุบันเรามองสะท้อนภาพความเสี่ยงกรณีค่อนข้างเลวร้ายแล้ว ขณะที่วันนี้มีกระแสเชิงบวกต่อการบริโภค ในส่วนการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2024 ฟรี หนุนการบริโภคช่วง มิ.ย. - ก.ค. ที่ปกติเป็นช่วงนอกฤดูกาล มองหุ้นนำ 1) กลุ่ม Peak Yield พีครอบนี้หนุน อาทิ KCE, HANA, MTC กลุ่มอิงยุโรป เน้น MINT กลุ่มมัก Outperform ช่วงเทศกาลฟุตบอลยูโร (ค้าปลีก เครื่องดื่ม สื่อสาร โรงแรม) เน้น CPALL, BJC, ADVANC, OSP, ICHI, MINT 3) กลุ่มที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัว อาทิ OSP, DOHOME, ICHI
หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA, SCGP, IVL, GLOBAL, DOHOME)
กลุ่มภาคผลิตไทยฟื้นตัว y-y ครั้งแรกในรอบ 19 เดือนหนุน (GFPT, TU, OSP, CBG, SCGP, IVL, STA, NER)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, BJC, ICHI, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, WARRIX, MTC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA)
กลุ่มได้ประโยชน์เทศกาลฟุตบอลยูโร 2024 (CPALL ADVANC TRUE MINT BJC HMPRO GLOBAL SAPPPE DOHOME OSP ICHI)
• JUNE24 Best Picks: MINT, GFPT, HANA, ICHI, OSP, BJC, MTC
• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC
Tactical & Investment Idea
Research Highlight
• Strategy Update : FTSE Rebalance
FTSE ประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่จะมีผล Rebalance ในราคาปิด วันที่ 21 มิ.ย.2024FTSE ALL World Index(Large + Mid Cap) วัน Rebalance เป็นการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย คิดเป็นเม็ดเงินราว +50 ล้านเหรียญฯโดยหลักๆ เป็นการเพิ่มน้ำหนัก SAWAD BGRIM, CPF ,MINT เฉลี่ยราว +20 ถึง +10 ล้านเหรียญฯ ขณะที่หุ้นเข้า – ออก ในส่วนต่างๆ ดัชนี สรุปได้ดังนี้
o FTSE Large Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก
o FTSE Mid Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก
o FTSE Small Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก
o FTSE Micro Cap : หุ้นเข้า SAFE, TAN หุ้นออก : ไม่มี
• Strategy Update : Data Center
• กระแสลงทุน Data Center ในไทยกำลังเร่งขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม มีสัญญาณบ่งชี้จาก 1) WHA มีโอกาสสูงเซ็นสัญญาขายที่ดินขนาด 400-500 ไร่ให้กับผู้ประกอบการ Data Center ระดับโลกกลางปี 2024 นี้ 2) เริ่มผู้ประกอบการ Data Center ที่เคยลงทุนในประเทศไทยไปแล้วติดต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า วางแผนร่วมกันถึงกำลังผลิตไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมระดับ 100+ MW
• การลงทุนดังกล่าว เรามองบวกต่อการสร้าง S Curve ใหม่ๆต่อเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น อิงขนาดที่ดินที่มีโอกาสขายขนาดใหญ่ WHA บ่งชี้ทิศทางผู้ประกอบการต่างชาติน่าจะมองไทยหนึ่งในศูนย์กลางData Center ของภูมิภาค
• KSS ประเมินทิศทางจะเปิด Upside ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1) กลุ่มนิคม จากโอกาสขายที่ดิน 2) กลุ่มโรงไฟฟ้า จากโอกาสต่อยอด Upside กำลังผลิตเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น 3) กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม ที่มักเป็นกลุ่มช่วยให้ผู้ประกอบการระดับโลกเช่าใช้ Data Center ที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจช่วงเริ่มต้น + โอกาสเติบโตจากการผลักดันมีการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้นระยะกลาง-ยาว 4) กลุ่มผู้รับเหมา ICT ที่มีศักยภาพสร้าง Data Center 5) กลุ่ม Digital Tech จากมุมมองเชิงบวกต่อภาพ Digital Transformation ระยะยาว เชิงกลยุทธ์หากประกอบภาพพื้นฐานหุ้นระยะสั้น ให้เน้น WHA(TP-6) GULF(TP-45.5) TRUE(TP-10.3) INSET(TP-3.2)
• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update
ตลาดหลักทรัพย์ปรับเกณฑ์คัดเลือกหุ้นเข้า SET50/SET100 เริ่มใช้จริงรอบ 2H24 หนุนให้ BJC เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์ และกลับเข้ามาในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง
วันนี้ตลาดหลักทรัพย์อัพเดทสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นการปรับเกณฑ์สภาพคล่องในการคัดเลือกหุ้นเข้า SET50/100 และจะเริ่มใช้จริงรอบ 2H24 เราคาดเป็นตัวหนุนหุ้น BJC กลับเข้ามาอยู่ในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง
โดยสำหรับคาดการณ์หุ้น SET50/SET100 ล่าสุดดังนี้
• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)
• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)
• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS
• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN
กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA, CKP
• Electronic (Neutral) : We believe electronic share prices are about to change the trend back to upcycle in the next couple months driven by the expectation on the recovery of global demand after all the company has a confident that the demand should pick up based on its future order. Thus, we believe that within two more months, electronic share price should recover in line with its earnings recovery from 3Q24 onward. Maintain NEUTRAL. KCE is our top pick.
2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery
Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU
Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC