Today’s NEWS FEED

News Feed

MAGURO โชว์ปี 66 กำไรโตแรง 131.12 % รับแรงหนุนร้านอาหารทั้ง 3แบรนด์ เติบโตขึ้น

303


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 4 มิถุนายน 2567)------- บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) MAGURO รายงานงบรวมปี2566 มีกำไรสุทธิ 72.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 131.12 จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 31.36 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในปี 2565 และ2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 31.36 ล้านบาท และ 72.48 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 4.72 และร้อยละ 6.95 ตามลำดับ โดยการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรสุทธิในปี 2566 มีสาเหตุมาจากรายได้ของร้านอาหารที่เติบโตขึ้นทั้ง 3แบรนด์ ทั้งรายได้จากสาขาเดิมและรายได้จากการเปิดสาขาใหม่ รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯที่ปรับตัวสูงขึ้นจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับการที่บริษัทฯ มีจำนวนสาขาที่เพิ่มมากขึ้นทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการต่อรองกับผู้ขายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้จากแบรนด์ใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง และการฟื้นตัวของรายได้ร้านอาหารที่กลับมาเป็นปกติภายหลังสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาระดับค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ในปี 2565และ 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการเท่ากับ 664.32 ล้านบาท และ 1,043.55 ล้านบาทตามลำดับ โดยปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น 379.23 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 57.09จากปีก่อนหน้า โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้มาจากการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติม จำนวน 9 สาขา นับตั้งแต่ปี 2565 ได้แก่ร้านมากุโระ จำนวน 2 สาขา ร้านซัมติง ทูเก็ทเตอร์ จำนวน 2 สาขา และร้านฮิโตริชาบู จำนวน 5 สาขา โดยร้านสาขาดังกล่าวที่เปิดใหม่ล้วนเป็นการเปิดให้บริการภายในห้างสรรพสินค้า ซี่งเป็นแหล่งรวมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานและครอบครัวซึ่งเป็นลูกค้าหลักของแบรนด์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมีอัตราการเติบโตของรายได้สาขาเดิมที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะจาก 2แบรนด์ใหม่ ฮิโตริ ชาบูและซัมติง ทูเก็ทเตอร์ ที่ยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องและมียอดการใช้จ่ายต่อหัวของลูกค้าที่เติบโตเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

 

ต้นทุนขายและการให้บริการในปี 2565 และ 2566 บริษัทฯ มีต้นทุนขายและการให้บริการเท่ากับ 385.91 ล้านบาท 572.17 ล้านบาท โดยในปี 2566บริษัทฯ มีต้นทุนขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น 186.26 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 48.27จากปีก่อนหน้า โดยเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและการให้บริการจากการเปิดสาขาใหม่อย่างมีนัยสำคัญของทั้ง 3 แบรนด์ จำนวนทั้งสิ้น 9 สาขา เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะรายได้จาก 2 แบรนด์ใหม่ ฮิโตริ ชาบูและซัมติง ทูเก็ทเตอร์ ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในสาขาเดิมและสาขาที่เปิดใหม่


กำไรขั้นต้นในปี 2565และ 2566 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 278.41 ล้านบาท และ 471.38 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ ร้อยละ 41.91 และร้อยละ 45.17 ตามลำดับ โดยในปี 2566 บริษัทฯ มีก าไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 192.97 ล้านบาทจากปี 2565ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของปี 2566 บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากปี 2565 เนื่องจากในปี 2566 บริษัทฯ การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้จากแบรนด์ใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง และการฟื้นตัวของรายได้ร้านอาหารที่กลับมาเป็นปกติหลังสถานการณ์ COVID-19เริ่มคลี่คลาย


ค่าใช้จ่ายในการขายในปี 2565และ 2566 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายเท่ากับ 158.65 ล้านบาท และ 269.21 ล้านบาท ตามล าดับ โดยในปี2566 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น 110.56 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 69.69จากปีก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายมีสาเหตุมาจากต้นทุนค่าเช่าพื้นที่และสาธารณูปโภค เงินเดือนและผลประโยชน์พนักงานหน้าสาขาที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่จำนวน 9 สาขาภายในห้างสรรพสินค้า อย่างไรก็ดี หากพิจารณาสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายแต่ละรายการ ค่าใช้จ่ายในการขายของบริษัทฯ ในปี 2566 ยังคงมีองค์ประกอบและสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับปีก่อน


ค่าใช้จ่ายในการบริหารในปี 2565และ 2566 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารเท่ากับ 71.32 ล้านบาท และ 94.53 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในปี2566 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 23.21 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23.39จากปีก่อนหน้า โดยการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการบริหารในปี 2566 มีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินเดือน ผลประโยชน์พนักงาน และค่าตอบแทนกรรมการ ซึ่งเพิ่มขึ้นตามจำนวนพนักงานเพื่อรองรับการเติบโตของสาขา อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้รวมลดลงจากร้อยละ 10.71 ในปี 2565เป็นร้อยละ 9.04 ในปี 2566


ต้นทุนทางการเงินในปี 2565 และ2566 บริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงินเท่ากับ 10.61 ล้านบาท และ 19.25 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในปี 2566บริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 8.64 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 81.43จากปีก่อนหน้าโดยมีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินสัญญาเช่าและประมาณการค่ารื้อถอน จากการเข้าทำสัญญาเช่าเพื่อรองรับการขยายร้านสาขาของบริษัทฯ

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

MPJ ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจร หุ้นโลจิสติกส์น้องใหม่ จัดโรดโชว์ศุกร์ 11 ตุลาคมนี้ เตรียมขาย IPO 53 ล้านหุ้น ปลายเดือนนี้

MPJ ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจร หุ้นโลจิสติกส์น้องใหม่ จัดโรดโชว์ศุกร์ 11 ตุลาคมนี้ เตรียมขาย IPO 53 ล้านหุ้น ปลายเดือนนี

ทิศทาง By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม มองตลาดหุ้นไทย ยังไม่ทิศทางที่ชัดเจนจะแทงขึ้น หรือแทงลง เป็นอะไรที่ต้องดูไปแบบวันต่อวัน....

"MEDEZE" นำเสนอข้อมูลนักลงทุน VI โชว์ศักยภาพผู้นำสเต็มเซลล์ และ Biotech ของประเทศไทย

"MEDEZE" นำเสนอข้อมูลนักลงทุน VI โชว์ศักยภาพผู้นำสเต็มเซลล์ และ Biotech ของประเทศไทย

มัลติมีเดีย

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้