Company Note
BTS Group Holdings
ผลการดำเนินงานยังคงอ่อนแอ
ราคาหุ้นปรับลดจากผลประกอบการที่ยังคงอ่อนแอและความกังวลเรื่องเพิ่มทุน
ราคาหุ้น BTS ปรับลดลงถึง 18% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังประกาศงบ FY2023/24 ขาดทุน 5.2 พันล้านบาท แต่หลักๆมาจากการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนใน KEX ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในไตรมาสที่แล้ว อย่างไรก็ตามกำไร 4Q23/24 ยังคงอ่อนแอหลักๆมาจากผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู นอกจากนั้นยังมีความกังวลเรื่องเพิ่มทุนหลังบริษัทมีมติขออนุมติเพิ่มทุนแบบ General Mandate จำนวนไม่เกิน 2.6 พันล้านบาทโดยออกหุ้นสามัญไม่เกิน 650 ล้านหุ้นเพื่อเสนอขายแบบ PP อย่างไรก็ตามแผนดังกล่าวเป็นเพียงการขอเผื่อไว้เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้บริษัท ซึ่งบริษัทขอไว้เป็นประจำทุกปีแต่ไม่เคยใช้ เราจึงเชื่อว่าไม่น่ามีการเพิ่มทุนแต่อย่างใด
กำไรก่อนรายการพิเศษปี 2023/24 ยังคงเป็นบวกแต่ลดลงมาก
BTS รายงานผลขาดทุนสุทธิที่ 5,241 ล้านบาทสำหรับปี 2023/24 สาเหตุหลักๆมาจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าและจำหน่ายเงินลงทุนใน KEX, ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมหลักๆมาจาก Rabbit Holdings และ KEX รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 275 ล้านบาท ลดลง 86% หลักๆมาจากส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม เช่น Rabbit Holdings และ KEX รวมถึงขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู
กลับมาเป็นกำไรใน 4Q23/24 แต่กำไรก่อนรายการพิเศษยังคงลดลง YoY และ QoQ
กำไรสุทธิใน 4Q23/24 อยู่ที่ 36 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 222 ล้านบาทและ 4,762 ล้านบาท ในปีก่อนและไตรมาสก่อน เนื่องจากในไตรมาสนี้ไม่มีขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนใน KEX และ SINGER เหมือนไตรมาสที่แล้ว แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจากการดำเนินงาน (Net recurring Income) อยู่ที่ 79.6 ล้านบาท ลด 45% QoQ สาเหตุมาจากผลขาดทุนจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยรายได้รวมในไตรมาสนี้ลดลง 23% YoY และ 25% QoQ หลักๆมาจากรายได้จากการให้บริการรับเหมาลดลง 80% YoY QoQ ภายหลังรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูเปิดให้บริการ ส่วนกำไรขั้นต้นลดลง 31% YoY และ 21% QoQ หลักๆมาจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู นอกจากนั้นดอกเบี้ยจ่ายยังเพิ่มขึ้น 85% YoY และ 13% QoQ จากการเปิดให้บริการของสายสีเหลืองและสีชมพู
คาดขาดทุนจากสายสีเหลืองและชมพูจะฉุดกำไรให้ยังคงอ่อนแอ
เรามองว่าผลประกอบการ BTS น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปีที่แล้วเนื่องจาก 1) คาดไม่มีการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนมากเหมือนปีที่แล้วอีก, 2) ธุรกิจ MOVE มีรายได้ที่สม่ำเสมอจากรับจ้างเดินรถ และส่วนแบ่งกำไรจาก BTSGIF ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้โดยสาร, 3) ธุรกิจ MIX คาดจะดีขึ้นตามรายได้สื่อโฆษณาที่เติบโตและไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจาก KEX อีก, และ 4) ธุรกิจ MATCH คาดส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในแรบบิทโฮลดิ้งส์กับ JMART มีแนวโน้มจะลดลง แต่อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากำไรจะยังคงอ่อนแอ จากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูที่จะยังขาดทุนจาก Financing Cost ประมาณ 1.6 พันล้านบาท/ปี และต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ปีกว่าที่จะถึงระดับ Break even
อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไร มูลค่าที่เหมาะสมและคำแนะนำ
เราจะปรับประมาณการกำไร มูลค่าที่เหมาะสมและคำแนะนำหลังประชุมนักวิเคราะห์ปลายสัปดาห์นี้ ปัจจัยเสี่ยงหลักๆของ BTS คือ จำนวนผู้โดยสารของรถไฟฟ้าที่ต่ำกว่าคาด, ค่าใช้จ่ายจากการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองมากกว่าคาด รวมถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว