**คาดช่วงที่เหลือยังดีตามฤดูกาล**
Key Point

2Q67 แนวโน้มการดำเนินงานปกติจะดีขึ้น q-q, y-y ตามทิศทางดัชนี BSI และ BHSI ที่เป็นตัวนำค่าระวางเรือที่สูงขึ้น q-q, y-y อีกทั้ง คาดมีกำไรขายเรือ 1 ลำที่ 77 ล้านบาท ส่วน 2H67 ดีขึ้นตามฤดูกาลของอุตสาหกรรมที่ปกติดีกว่าใน 1H67 อีกทั้ง IMF ปรับคำดการณ์เศรษฐกิจโลกขึ้นเป็น 3.2% และอุตสาหกรรมยังอยู่ในภาวะสมดุล ปรับคาดการณ์กำไรปีนี้ขึ้น 31% เป็น 1,575 ล้านบาท และปรับราคาพื้นฐานเป็น 11.50 บาท ยังคงคาแนะนำ ” ซื้อ”

  1Q67 ประกาศกำไรสุทธิที่ 409 ล้านบาท ดีกว่าที่คาดไว้ที่ 332 ล้านบาท เพราะมีกำไรขายเรือ 51 ล้านบาท ที่ไม่รวมอยู่ในคาดการณ์ หากไม่รวมขายเรือ กำไรอยู่ที่ 358 ล้านบาท ดีกว่าคาด 7.9% จากต้นทุนการเงินต่ำกว่าคาด 12.7% โดยรายได้บริการ +29.1% y-y ที่ 1,479 ล้านบาท ใกล้เคียงที่คาดไว้ ค่าระวางเรืออยู่ที่ 12,433 ดอลลาร์/วัน/ลำ +26% y-y ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเงินบาทเฉลี่ยอ่อนค่าลง 5.2% ซึ่งค่าระวางเรือที่ทำได้ต่ำกว่าคาด 1.7% ส่วนต้นทุน +5.8% จากค่าใช้จ่ายในการเดินเรือ (OPEX) +2.8% ที่ 5,379 ดอลลาร์/วัน/ลำ จากค่าใช้จ่ายซ่อมแซมและสารวจเรือที่เพิ่มขึ้น มีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 21 ล้านบาทจากที่คาดไว้ 31 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงิน +15.8% จากอัตราเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ก็ต่ำกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นรายการหลักที่ทำให้กำไรไม่รวมขายเรือดีกว่าคาด

  โดยปกติของอุตสาหกรรมจะต่ำสุดใน 1Q เพราะมีหยุดช่วงปีใหม่และตรุษจีน ก่อนที่จะดีขึ้นต่อเนื่องไปถึงกลาง 4Q ซึ่งจะอ่อนตัวลงจากคริสมาสต์และสิ้นปี ซึ่งช่วง 1 เม.ย. – 23 พ.ค. ดัชนีที่ PSL ดัชนี BSI +18% q-q, +42% y-y และดัชนี BHSI +9% q-q, +25% y-y ซึ่งการที่ดัชนี BDI ผันผวนในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากดัชนี BCI (เรือขนาดบรรทุกมากกว่า 1 แสนตันและมีน้ำหนักในดัชนี BDI ที่ 40%) ใช้บรรทุกสินแร่เหล็กและถ่านหินมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่ PSL อ้างอิงปรับตัวขึ้น ค่าระวางเรือของ PSL ปรับตัวขึ้นตาม คาดแนวโน้มกำไรจะดีขึ้นทั้ง y-y, q-q และ 2Q67 ได้มีการขายเรืออีก 1 ลำ คาดมีกำไรขายเรือที่ 77 ล้านบาท แม้เงินบาทที่กลับมาแข็งค่าที่ราว 36 บาท/ดอลลาร์ จากปิดสิ้น 1Q67 ที่ 36.63 บาท หากยังแข็งค่ามากกว่า 1Q67 ก็จะเห็นการบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนแต่คาดไม่มีนัยสำคัญ ภาพรวมใน 2Q67 กำไรจะดีขึ้นทั้ง y-y และ q-q

  จากคาดการณ์ของ Clarksons Research เดือน มี.ค. 2567 Demand ในปี 2567 เติบโต 2.4% ในรูปของตัน-ไมล์ และ Supply ของเรือใหม่โต 2.9% แม้ Supply จะสูงกว่า Demand แต่การบังคับใช้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม (EEXI และ CII) เรือต้องวิ่งช้าลง เพื่อควบคุมการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ให้เกินมาตรฐาน ช่วยลด Supply ของเรือได้ 2.4-3.1% ทำให้เป็นบวกต่ออุตสาหกรรมเดินเรือ อีกทั้งการปรับคาดการณ์ GDP โลกของ IMF ขึ้นเป็น 3.2% จาก 3.1% ก็เป็นบวกต่อการขนส่งเช่นเดียวกัน อีกทั้งปกติค่าระวางเรือจะดีกว่า 1H67 ทำให้มอง 2H67 ค่าระวางเรือยังดีกว่าปีก่อน

  จาก 1Q67 ที่ทาค่าระวางเรือได้ที่ 12,433 ดอลลาร์/วัน/ลำ +26% y-y ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ทั้งปีที่ 12,540 ดอลลาร์ และ ทำได้ดีกว่าอุตสาหกรรม ใน 2Q67 จากดัชนี BSI และ BHSI ที่สูงขึ้นทั้ง q-q, y-y ค่าระวางของ PSL สูงขึ้นตาม อีกทั้ง 2H67 ที่ปกติเป็นช่วงฤดูกาลที่ดีกว่า 1H67 จึงปรับคาดการณ์ค่าระวางในปีนี้ขึ้นเป็น 13,090 ดอลลาร์/วัน/ลำ +20% y-y จากเดิมที่คาด +15% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเดินเรือ (Opex) จะปรับตัวขึ้นน้อยกว่า คาด +3.7% y-y ที่ 5,400 ดอลลาร์ เมื่อรวมกำไรจากการขายเรือ 2 ลำที่คาด 128 ล้านบาท ปรับกำไรขึ้นเป็นจากเดิมอีก 30% เป็น 1,575 ล้านบาท +112% y-y ยัง Conservative อิง P/B เท่าเดิมที่ 1 เท่า (ต่ำกว่าเฉลี่ย 3 ปีและ 5 ปีย้อนหลังที่ 1.36 เท่า และ 1.24 เท่า) ราคาพื้นฐานปรับขึ้นเป็น 11.50 บาท ยังมี upside ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

สยาม ติยานนท์นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ #17970โทร: 66 2 635 1700 # 48322