• NSL : ก้าวสู่ระดับสูงสุดใหม่ใน 2Q24F
ความคาดหวังการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดปี 2024
เราคาดการณ์กำไรสุทธิใน 2Q24F อยู่ที่ 135 ล้านบาท (+64% YoY, +6% QoQ) จากการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง และอัตรากำไรขั้นต้นที่คงที่ อัตราการใช้กำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับที่เหมาะสมประมาณ 60-70% ตั้งแต่ 1Q24A (จากประมาณ 57% ในปี 2023) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประสิทธิภาพต้นทุนที่ดีขึ้นทั้งในกระบวนการผลิตและการจัดจำหน่าย แม้ว่ารายได้จากการส่งออกจะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่การเติบโตของธุรกิจเบเกอรี่หลักของ NSL ยังคงน่าดึงดูดใจ ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสำหรับปี 2024-25F ขึ้น 11-12% และคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ NSL โดยมูลค่าที่เหมาะสมปรับใหม่เป็น 38.50 บาท
คาดหวังกำไรสุทธิทำระดับสูงสุดใหม่ใน 2Q24F
การเติบโตของรายได้ที่สูงถึง 21% YoY เป็น 1.41 พันล้านบาท น่าจะผลักดันให้กำไรสุทธิใน 2Q ทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาส โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากความนิยมเพิ่มขึ้นของสินค้ารุ่นใหม่ เช่น ช็อกโกแลตกานาช และมาการองในสาขา 7-11 นอกเหนือจากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ Bake-a-Wish ที่ประสบความสำเร็จ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 21.1% ในขณะที่อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงเล็กน้อยเป็น 9.1% ทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ 11.9%
แนวโน้มเชิงบวกสำหรับ 2Q24F ; กำไรปรับเพิ่มขึ้น 11% สำหรับปี 2024F
เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิในปี 2024-25F ขึ้น 11-12% เป็น 519-603 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น 21.0-21.1% (จากเดิม 19.9-20.0%) โดยผลประกอบการน่าจะได้รับแรงหนุนจากแผนงานของ NSL ในการ 1) ขยายกำลังการผลิตขนมปังเพิ่ม 60% เป็น 2 ล้านชิ้นต่อวันในปี 2026F ด้วยเงินลงทุน 500-600 ล้านบาท และ 2) การขยายกิจการในลักษณะย้อนกลับโดยเข้าถือหุ้น 79% ใน NSL Inno Foods (ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการจัดหาวัตถุดิบชีสในอนาคต
มูลค่าที่เหมาะสมจากการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์
เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยปรับมูลค่าที่เหมาะสมใหม่เป็น 38.50 บาท (จากเดิม 32.00 บาท) ซึ่งประเมินจากมูลค่ากลางปี 2025ด้วยอัตราส่วนราคาต่อกำไร 20.6 เท่า โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลักได้แก่ 1) ข้อตกลงความร่วมมือกับ CPALL และ 2) ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ