Market Wrap-Up
- SET วันที่ 23 พ.ค.67 ปิด -2.99 จุด อยู่ที่ 1,367.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,236 ลบ.ต่างชาติขาย 1,014ลบ.สถาบันซื้อ 258 ลบ.รายย่อยซื้อ 828 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิรวม 134 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้นDELTA,ADVANC,CPALL,CPF,WHA และมียอดขายสุทธิ TRUE,MINT,BANPU,SCC,AWC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 6,198 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ SGP-R,EKH,BLAND-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Shortใน Index Futures จำนวน 15,962 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 42,173 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 458 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.53%, S&P500 -0.74%, Nasdaq -0.39% ปรับลงมารับความกังวลว่าเฟดจะตรึงดอกเบี้ยสูงนานกว่า หลังภาวะเศรษฐกิจ & ตลาดแรงงานสหรัฐแข็งแกร่ง อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสูงวก่าคาดตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.07% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับขึ้นตาม Nvidia
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลังรายงาน PMI รวมภาคผลิต & บริการสหรัฐ เบื้องต้น พ.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 54.4 & เม.ย. 51.3 สูงสุดในรอบ 25 เดือน โดยต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เช่น โลหะ, เคมีภัณฑ์, พลังงาน และค่าจ้างแรง กอปรกับผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 8,000 อยู่ที่ 215,000 ราย ต่ำกว่าคาดที่ 220,000 ราย จากปัจจัยดังกล่าวบ่งขี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐลดลงช้ากว่าคาด ส่งผลให้ CME Fed Watch ชี้โอกาส 52.5% & เดิม 67% คาดเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม ก.ย. ค่ำวันนี้ติดตาม ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ พ.ค. คาดที่ 67.4 & เม.ย.2
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ทรงตัว ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย ASLM, ASM, Infineon ปรับขึ้นตาม Nvidia ขณะที่ PMI รวมภาคผลิต & บริการยูโรโซน เบื้องต้น พ.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 52.3 & เม.ย. 51.7 สูงสุดในรอบ 1 ปี กอปรกับค่าจ้างแรงงาน Q1/67 ปรับขึ้น ส่งผลให้ตลาดกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ และโอกาสที่ ECB จะเริ่มลดดอกเบี้ยใน มิ.ย. อย่างไรก็ตามตลาดคาด ECB จะลดดอกเบี้ยปีนี้ 0.58%
- ตลาดหุ้นเอเชีย ดัชนีนิเกอิวานนี้ +1.26% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -1.33% จากความกังวลสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนมูลค่า $ 8 หมื่น ล. จะมีผลในวันที่ 1 ส.ค. นี้ ขณะที่จีนได้ซ้อมรบบริเวณช่องแคบไต้หวัน ส่งผลให้ความเสี่ยง Geopolitic สูงขึ้น
- SET -0.22% ปริมาณการซื้อขาย 62 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 1,014 ลบ.สถาบันซื้อ 258 ลบ.รายย่อยซื้อ 828 ลบ. จากแรงขายกลุ่มยานยนต์ -3.5% หลัง NEX ปิดฟลอร์ จากความกังวลยอดส่งมอบรถยนต์ EV ปีนี้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ 5,500 คัน กอปรยอดลูกหนี้การค้าปรับสูงขึ้น อาจส่งผลลบต่อสภาพคล่องของบริษัท ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ อิเล็กฯ +3.3% และอาหาร +1.3% หลัง ก.พาณิชย์รายงานส่งออกไทย เม.ย. +6.8% ดีกว่าคาดที่ -0.2% YoY โดยสินค้ากลุ่มเกษตรอุตสาหกรรม +12.7% YoY จากสินค้าประเภทอาหารสัตว์เลี้ยง, สิ่งปรุงรส, ผลไม้กระป๋อง, อาหารทะเลแปรรูป และเครื่องดื่ม มีความต้องการในตลาดโลกอยู่ระดับสูง ส่วนปัจจัยการเมืองวานนี้ ศาล รธน. มีมติ 6 – 3 รับคำร้อง 40 สว. วินิจฉัยสถานการเป็นนายก ฯ เศรษฐา จากกรณีแต่งตั้ง รมต.ประจำสำนักนายก ฯ มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม แต่มีมติ 5 – 4 ยังไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดย นายกฯ มีเวลา 15 วันในการยื่นคำชี้แจง ส่งผลให้ความเสี่ยงปัจจัยการเมืองสูงขึ้น
Daily Strategy
- ประเมินดัชนี SET Index มีโอกาสปรับฐานโดยมีแนวรับที่ 1,355 – 1,360 แนวต้าน 1,375 จากความกังวลเฟดอาจต้องตรึงดอกเบี้นสูงนาน กอปรกับปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์จีน – ไต้หวัน และการเมืองในประเทศสูงขึ้น แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม เป็นกลุ่มปลอดภัย เช่น BTG, TFG, TU, AAI, ITC, XO, CBG, OSP
- CBG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 74.25 บาท) แนวโน้มกำไร 2Q67 ฟื้นตัวได้ดีทั้ง QoQ, YoY แนวโน้มสินค้าเครื่องดื่ม energy drink มีโอกาสฟื้นตัวจากการได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่ม ขณะที่ตลาดในต่างประเทศเติบโตจากกัมพูชา และได้ประโยชน์ในเรื่องต้นทุนน้ำตาลที่ลดลง และต้นทุนอลูมิเนียมที่ล็อกเอาไว้ใน 1H67 ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเบียร์น่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีใน 1Q67 แล้ว ยอดขายใน 2Q67 ฟื้นตัวในช่วงเทสกาล และตั้งเป้าขายผ่านช่องทาง traditional trade มากขึ้น ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 อยู่ที่ 4 พันล้านบาท +26%YoY และ 2.7 พันล้านบาท +12%YoY
- BH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 298 บาท) กำไรสุทธิ 1Q67 อยู่ที่ 1,985 ลบ. (+25.36%YoY, +34% QoQ ) โดย รายได้ +YoY จากฐานไม่สูงของ 1Q66 ขณะที่ QoQ ยังสามารถทรงตัวในระดับสูง รายได้ถูกหนุนด้วยรายได้ผู้ป่วยชาวไทยที่ +9%YoY, +3% QoQ ด้านรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ +7%YoY, -1% QoQ แม้จะมีปัจจัยกดดันจากช่วงเดือนรอมฏอน(ผู้ป่วย Fly-in ตะวันออกกลาง)ปีนี้มาเร็ว แต่ได้แรงหนุนจากการปรับราคาขึ้น/กลุ่มผู้ป่วยอื่นๆเข้ามา เช่น จีน ทั้งนี้ในส่วนของ 2Q67 เราคาดการดำเนินงานปกติยังจะเห็นการ +YoY หนุนด้วยจำนวนวันรอมฏอนที่น้อยลงเทียบ 2Q66 ปัจจุบัน เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี67 68 ของ BH ที่ 7,581 ลบ.(+8.19%YoY) และ 8,112 ลบ.(+7.01%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.ค. -$0.70 อยู่ที่ $76.87/บาร์เรล Brent ก.ค. -$0.54อยู่ที่ $81.36/บาร์เรล จากความกังวลเฟดตรึงดอกเบี้ยสูงนานกว่าคาด ขณะที่ EIA เผยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.8 ล.บาร์เรล & คาดจะลดลง 2.5 ล.บาร์เรล ส่วนปัจจัยที่ยังต้องติดตาม คือ การประชุม OPEC 1 มิ.ย.
Gold Update(-) Comex Gold มิ.ย. -$55.70 อยู่ที่ $2,337.20 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index +0.17% อยู่ที่ 105.10 กอปร PMI รวมสหรัฐ เบื้องต้น พ.ค. สูงสุดในรอบ 25 เดือน บ่งชึ้เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง อาจส่งผลให้เฟดต้องตรึงดอกเบี้ยสูงต่อไป
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -58.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -27.75 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -34.97ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +4.27 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนตัวอยู่ที่ 36.66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.466 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -8 จุด อยู่ที่ 1,796
(-) BitCoinเช้านี้ -2.63% อยู่ที่ 67,681 ดอลลาร์สหรัฐ
(0) National Core CPI ญี่ปุ่น เม.ย. ลดลงอยู่ที่ 2.2 % & มี.ค. 2.6% YoY
Economic Calendar
ในประเทศ
20 พ.ค. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/67
31 พ.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ,การค้าชายแดน
และการค้าผ่านแดน
สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
20 พ.ค. US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
22 พ.ค. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (เม.ย.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
23 พ.ค. US รายงานการประชุมของ FOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( พ.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( พ.ค.)
US ยอดขายบ้านใหม่ (เม.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio May 2024: GFPT*, SAPPE*, ITC*, BTG*, CPALL, KLINIQ
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th