AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกข้าง
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งตามกรอบ 1370-1390 จุด การรายงาน GDP1Q67 ขยายตัว 1.1%QoQ ดีกว่าคาด 0.6%QoQ และดีกว่าไตรมาสก่อนที่ -0.6%QoQ ทำให้หลีกเลี่ยงการเกิด Technical Recession ด้าน YoY ขยายตัว 1.5%YoY ดีกว่าตลาดคาด 0.8%YoY (แต่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 1.7%YoY) หนุนจากการบริโภคในประเทศขยายตัว 6.9%YoY การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 4.6%YoY ตัวฉุดมาจากการส่งออกที่หดตัว -1%YoY และการลงทุนภาครัฐฯที่หดตัวแรง -27.7%YoY โดยสภาพัฒน์ได้มีการเป้า GDP 67 ขยายตัว 2.5%YoY จากเดิมที่คาดขยาย 2.7%YoY ทั้งนี้แม้มีการปรับลดคาดการณ์ GDP แต่อยู่ช่วงใกล้เคียงหลายสำนักเศรษฐกิจคาด ส่วนผลต่อตลาดหุ้นเราเชื่อว่าตลาดจะตีความทางบวกจากให้น้ำหนักไปที่ GDP ในช่วงที่เหลือของปีจะเร่งตัวขึ้น ผสานกับผลประกอบการกำไรบริษัทฯ 1Q67 ออกมาดีกว่าตลาดคาดในช่วง 3-5% มองเป็นปัจจัยที่จะหนุนต่อ SET Index ต่อไป
ด้านปัจจัยต่างประเทศฝั่งสหรัฐฯ วานนี้ให้ความสนใจไปที่การให้ความเห็นของคณะกรรมการ FED 4 ท่านซึ่งมีความเห็นในทางเดียวกันต่อดอกเบี้ยสหรัฐฯที่อยู่ในระดับสูงจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มเข้าสู่เป้าหมาย FED ที่ระดับ 2% โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯแกว่งผสมผสานในช่วง -0.5% ถึง +0.7% เนื่องจากอยู่ในความหมายนักลวทุนอยู่แล้ว

สำหรับประเด็นที่ติดตามวันนี้ 1) การประชุม ครม. คาดคลังเตรียมเสนอออกตั้งงบกลางปี 67 เพิ่ม 1.22 แสนล้านบาทเพื่อนำมาใช้ในโครงการ Digital Wallet และ 2) การประชุมร่วมกันระหว่าง FETCO AIMC และ กลต. เพื่อหารือรูปแบบกองทุน LTF ก่อนที่จะนำเสนอต่อคลังซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ SCCC และ SPRC

Market Summary
SET Index ปรับลง 4 จุด สวนทางตลาดหุ้นในภูมิภาค แรงกดดันมาจากกลุ่มขนส่ง AOT -1.87% และกลุ่ม ร.พ. ฺBDMS -1.7% BH -1.6% จากหลังหุ้นในกลุ่มเข้าช่วง Low Season ใน 2Q67 รวมถึงแรงขายทำกำไรกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ DELTA -1.3% ส่วนกลุ่มที่ดันตลาดมาจากกลุ่มพลังงาน ฺBANPU +8.4% ตามราคาก๊าซธรรมชาติสหรัฐฯที่ปรับขึ้น PTTEP +2.3% และกลุ่ม ธ.พ. จาก GDP 1Q67 ไทยดีกว่าคาด

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ SCCC SPRC

SPRC เชื่อว่า GRM ใกล้ฟื้นกลับ
หนุนราคาหุ้น
แม้ว่า GRM ในช่วงนี้จะอ่อนตัว แต่คาดว่า จะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค.เป็นต้นไป โดยได้แรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่สูงขึ้นในช่วงฤดูขับขี่ (พ.ค.-ก.ย.) ขณะที่สต็อกผลิตภัณฑ์ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตามฤดูกาลในภูมิภาคหลักๆ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนสำคัญให้ GRM ฟื้นตัว
เรามองว่า SPRC น่าสนใจเนื่องจากราคาหุ้นยัง laggard และได้ประโยชน์หลักจาก GRM ฟื้นตัวจากการเข้าสู่ฤดูการขับขี่ เราคาดการณ์กำไรปกติจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่าในปี 67 จาก Crude Premium ที่ลดลงและความเป็นไปได้สูงที่จะกลับมาเปิดใช้งานทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง 2 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
มุม Valuation ไม่แพงซื้อขายที่ PBV67E 1 เท่า PER67E ที่ 6 เท่าและคาดกลับมาจ่ายปันผลปีนี้สูงถึง 7%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 11.00 บาท

SCCC กำไรโตดี ปีนี้มีลุ้นจ่ายปันผลระหว่างกาล
การรายงานกำไรสุทธิ 1Q67 อยู่ที่ 1,161 ล้านบาท (+53% YoY, +40% QoQ) เราเห็นสัญญาณบวกจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง การปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งจะน่าจะดีต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี
ด้านความต้องการใช้ปูนซีเมนต์เรามองบวกจากทั้งในประเทศที่จะเติบโตได้ดีตั้งแต่ 2Q67-4Q67 ตามการลงทุนภาครัฐฯ ด้านตลาดต่างประเทศที่เวียดนามและศรีลังกาคาดจะกลับมาขยายตัว 6% และ 9% จากหดตัวเมื่อปีก่อน โดยเราคาดว่ากำไรปกติ 67E ที่ 3.28 พันล้านบาทฟื้นตัวได้ 25%YoY
ด้าน Valuation ปัจจุบันไม่แพงซื้อขายที่ PER67E ที่ 12.6 เท่า (-0.8 S.D.) นอกจากนี้อัตราการจ่ายปันผลปีนี้คาดที่ 9 บาทหุ้นหรือคิดเป็น 6.5% ซึ่งมีลุ้นที่จะจ่ายปันผลระหว่างกาลหลังรายงานงบ 2Q67
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 165.00 บาท

KEY FACTOR
ข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานเมื่อวานที่ผ่านมาถือว่าภาพรวมดีกว่าคาด นำโดย 1) GDP 1Q67 ของไทยขยายตัว +1.5% YoY และ +1.1% QoQ สูงกว่าที่ Consensus คาด +0.8% YoY และ +0.6% QoQ สะท้อนคลายความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังจากในช่วงไตรมาสก่อนหน้าหดตัว QoQ แรงหนุนหลักมาจากการบริโภคในประเทศ และการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามสภาพัฒน์ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลดลงเหลือ +2.5% จากเดิม +2.7% 2) จีนคงอัตราดอกเบี้ย LPR อายุ 1 ปี และ 5 ปี ที่ระดับ 3.45% และ 3.95% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยพลิกปิดลบ -0.29% สวนทางตลาดภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นเกือบทั้งหมด ซึ่งน่าจะมาจาก 1) ความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดพิจารณาคำร้อง 40 สว. ประเด็นการถอดถอนนายกฯ และ รมต. ประจำสำนักนายกฯ และ 2) ไทยมีวันหยุดกลางสัปดาห์ (22 พ.ค.) จึงอาจทำให้มีแรงขายเลี่ยงความเสี่ยงระยะสั้นออกมา ในช่วงก่อนเข้าสู่ช่วงการรายงานข้อมูล Flash PMI และช่วงการส่งสัญญาณของคณะกรรมการ Fed ก่อน Blackout period เริ่มต้น 1 มิ.ย.

EYES ON
23 พ.ค. รายงานการประชุม FOMC เดือน พ.ค., S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone
24 พ.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ