Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

759


"China Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1394/1400 จุด รับ 1377/1373 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA และ S&P500 กลับมาฟื้นตัว นำโดยกลุ่มพลังงานขับเคลื่อนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นตอบรับภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่มีสัญญาณฟื้นตัวเด่นชัดขึ้น โดยเฉพาะภาคผลิต ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม เม.ย. 24 ขยายตัวเร่งสู่ +6.7%y-y สูงกว่าคาด และเร่งขึ้นจาก prev. +4.5%y-y ยอดค้าปลีกเติบโต y-y ต่อเนื่อง 12 เดือน ส่วนภาคอสังหาฯ รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นอย่างมีนัยฯ ทั้งการลด Supply ส่วนเกิน (ให้เงินรัฐฯท้องถิ่นไปซื้อบ้าน) และ Demand (ลดเงินดาวน์ซื้อบ้าน ผสาน ยกเลิกเพดานดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน) หนุน Key Risk ของ Asia จากประเด็นนี้เริ่มคลายลง และเริ่มเห็นทิศทางผลประกอบการของตลาด Asia นิ่งขึ้น และน้ำหนักของตลาดเริ่มมอง Upside จาก Asia Upgrade Cycle โดย SET EPS เริ่มสร้างฐานบริเวณ 92บาท+/- วันนี้จับตา GDP ไทยงวด 1Q24 (ตลาดมองอนุรักษ์นิยม คาด +0.8%y-y, +0.6%q-q) กรณีออกมาตามคาด SET น่าจะตอบรับเชิงบวก กลุ่มเด่นวันนี้ หุ้นอิงจีน กลุ่มขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย(การบริโภค กลุ่ม FDI เร่งหนุน) วันนี้แนะนำ IVL, PTTGC, BJC

Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1394/1400 จุด รับ 1377/1373 จุด

What happened around the world ?

• (*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวขึ้นต่อ Dow jones +0.34%d-d, S&P500 0.12%, Nasdaq -0.07% โดย Sector ใน S&P500 กลุ่มที่ Outperform นำโดยกลุ่ม Energy, Materials, Financials, ICT ฯลฯ กลุ่มที่ Underperform อาทิ IT, Consumer staples, Real estate ฯลฯหุ้นที่ปรับขึ้นเด่น คือ STARBUCKS + 3.4%Tesla +1.5% AMD +1.1%

• (*/+) China Property Stimulus : รายงานดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจ เม.ย.ภาคที่ฟื้นตัวคือ

1.) Industrial Production +6.7%y-y สูงกว่าคาดระดับ 5.5%y-y prev. +4.5%. อื่นๆ ที่รายงาน คือ 2.) Retail Sales +2.3%y-y ต่ำกว่าตลาดคาด 3.7%y-y prev.ที่ 3.1%y-y 3.)Property Investment -9.8%y-y ytd ต่ำกว่าคาดที่ดับ -9.6%y-y ytd 4.)รายงานราคาบ้านจีนเดือน เม.ย. -3.1%y-y (ติดลบ 8 เดือนติด) ทำให้ล่าสุดทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นอสังหา คิดราว 20%ของ GDP จีน ต่อเนื่อง ทั้ง 1.) ลดเงินดาวน์ขั้นต่ำบ้านหลังแรกเหลือ 15% จากเดิม 20% 2.)ลดเงินดาวน์ขั้นต่ำบ้านหลังที่ 2 เหลือ 25%จากเดิม 30% 3.) ให้รัฐบาลท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ซื้อบ้านจากบริษัทเอกชนเพื่อเปลียนให้เป็นบ้านราคาไม่แพง โดยรวม KSS มองภาคการผลิตที่ฟื้นผสานมาตรการกระตุ้นอสังหาดังกล่าวเป็นบวกต่อหุ้นอิงจีนอาทิ SCGP, PTTGC, IVL

• (*) EU CPI : ยุโรปรายงานเงินเฟ้อ(Headline CPI) เดือน เม.ย. +2.4%y-y ทรงตัวจากเดือนก่อนและตามคาด แต่ Core CPI เพิ่มในอัตราที่ชะลอที่ 2.7%y-y ตามคาด pre +2.9% ถือว่าลงมามุ่งใกล้เคียงกรอบที่ ECB ตั้งเป้าไว้ที่ 2% KSS ยังคงมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจยุโรปในช่วง 2Q24 เป็นต้นไป หนุนจาก 1.)แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ ECB ก่อนประเทศอื่น 2.)แรงกดดันเงินเฟ้อลดลง 3.) Event สำคัญทั้งโอลิมปิคที่ฝรั่งเศส • KSS ประเมินศทางเศรษฐกิจยุโรปที่เป็นทิศทางขาขึ้น มองบวกหุ้นทีมีรายได้ในยุโรป อาทิ(70%ของรายได้รวม), MINT(50%) SHR(40%), IVL (22%) CRC(6%) เน้นลงทุน MINT, IVL

• (*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 22 พ.ค. ติดตามรายงานการประชุม FOMC เดือน พ.ค. 23 พ.ค. PMI ภาคผลิต พ.ค. คาด 50.2 จุด vs prev. 50 จุด, 24 พ.ค. ดัชนีความเชื่อมั่น ม. มิชิแกน พ.ค. คาด 67.4 จุด เท่าเดือนก่อน และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน เม.ย. คาด -0.6%m-m ฝั่งจีน 20 พ.ค. ติดตามอัตราดอกเบี้ยลูกหนี้ชั้นดีของ PBOC คาดคงไว้ที่อัตรา 3.45% และ 3.95% สำหรับเงินกู้อายุ 1 ปี และ 5 ปี ตามลำดับ ฝั่งยุโรป 23 พ.ค. PMI ภาคผลิต พ.ค. ไม่มีคาด งวดก่อน 45.7 จุด

• (*) US Bond & Dollar : Bond yields แนวโน้มเป็นขาลงแต่ระยะสั้นฟื้นตัวอายุ 10 ปี ปรับขึ้น +6 bps อยู่ที่ 4.42% เช่นเดียวกับอายุ 2 ปี ปรับขึ้นต่อ +5 bps อยู่ที่ 4.83% ขณะที่ Dollar Index แนวโน้มอ่อนค่า และแกว่งตัว 104.3+/- จุด

• (*/+) Oil : ราคาน้ำมันดิบ Brent +0.85%d-d ปิดที่ US$ 83.98/barrel น้ำมันดิบ West Texas +1.05%d-d ปิดที่ US$ 80.06/barrel แรงหนุนจากภาคการจีนที่ขยายตัว แค่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเพิ่มขึ้น 6.7% มองบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

 

What happened in Thailand ?

• (*/) SET: ตลาดหุ้นวันศุกร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น +4.96 จุด หรือ +0.36% ปิดที่ 1382.68 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วนฯ (DELTA, HANA, SVI) จิตวิทยาบวกรายงานเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวฝั่งภาคผลิต + รัฐฯออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เพิ่มเติม ขณะที่หนุนกลุ่มแพ็คเกจจิ้ง (SCGP) ในฐานะหุ้น China Plays ด้วยเช่นกัน กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, GULF, PTTEP) PTT, PTTEP มองตอบรับภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนลงเป็นภาพ Soft Landing ชัดขึ้น อาจสร้างความเสี่ยงราคาน้ำมันระยะถัดไป กลุ่มอสังหาฯ (GRAND)

• (+) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลเข้า ซื้อหุ้น +22.9 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -4.0ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Long 13,825 สัญญา เงินบาทแข็งค่าสู่ 36.1 +/- บาท

• (*/+) TH GDP : วันนี้ (20 พ.ค.) ติดตามรายงาน GDP ไทยงวด 1Q24 ตลาดคาด +0.8%y-y, +0.6%q-q vs prev. +1.7%y-y, +0.6%q-q สะท้อนจุดดี คือ ตลาดคาดหวังไม่สูง ขณะที่จะเร่งขึ้นในช่วงที่เหลือของปี และมีโอกาสเป็นภาพเศรษฐกิจไทย 1Q24 เป็นฐานเช่นเดียวกับผลประกอบการ

หากไม่ออกมาต่ำกว่าตลาดประเมินอย่างมีนัยฯ เชื่อว่า SET มีโอกาสตอบรับทางบวกจากภาพ Bottom-out หลังสัญญาณฟื้นตัวหลายด้านช่วงที่เหลือของปียังชัดเจน ทั้งภาคบริการ (โมเมนตัม y-y ยังดี แม้เข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาล) กำลังซื้อ (ท่องเที่ยว+รายได้เกษตร+งบประมาณ+Digital Wallet ปลายปี) งบรัฐฯ (มีผลเต็มเดือนนับจาก พ.ค. 24) ส่งออก (กลุ่มชิ้นส่วนฯ เริ่มให้สัญญาณภาพ Bottom-out ผสาน จีน (ไทยส่งออก 13% ของยอดรวม) เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง) การลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณชี้นำทางบวกจากเงินทุนต่างประเทศ FDI เร่ง

• (+) AUTO: 7 ค่ายรถยนต์จีน ได้แก่ BYD, MG, Grest Wall Motor, NETA, Changan, GAC Aion, Omoda & Jaecoo เปิดแผนจัดซื้อชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศไทย หนุนผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ Supply Chain ยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มยานยนต์ AH, SAT, STANLY

• (*/+) FDI: สัญญาณลงทุนทางตรงจากต่างประเทศยังเป็นภาพบวก กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ยอดอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยภายใต้ พ.ร.บ. ต่างด้าว มีเม็ดเงินสูง 5.49 หมื่นล้านบาท เติบโต 42%y-y เร่งขึ้นชัดเจนจากงวด 1Q24 ที่มึมูลค่า 3.59 หมื่นล้านบาท เติบโตเพียง 9%y-y ผสาน ข้อมูลจาก WHA ผู้นำอุตสาหกรรมที่คาดจะเซ็นสัญญาขายที่ดินขนาดใหญ่ให้กับผู้ประกอบการ Data Center คาดยอดดังกล่าวจะเร่งขึ้นต่อเนื่อง จะเป็นภาพบวกต่อหุ้นนิคมที่เปลี่ยนจากกระแสเชิงบวกปีก่อน มาเป็นกำไรนับจากปี 2024 เน้น WHA

• (*/+) Digital Wallet : ความคืบหน้านโยบาย Digital Wallet ล่าสุด มี 2 ส่วน

1) ปัจจุบันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรายการสินค้า+บริการที่ห้ามใช้สิทธิ์ตามนโยบาย (Negative List) ทำให้ยังไม่มีข้อห้ามสำหรับการซื้อสมาร์ทโฟน เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงสินค้านำเข้าอื่นได้ ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวยังต้องหารือกับกระทรวงพาณิชย์เพิ่มอีกด้านหนึ่ง โดยหากครอบคลุมสินค้านำเข้า โดย Upside ต่อ GDP มีแนวโน้มต่ำกว่ากรณีไม่ครอบคลุมสินค้าดังกล่าว แต่จิตวิทยาบวกต่อกลุ่มจำหน่ายสินค้าไอที เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น COM7 และผู้จำหน่ายสินค้าปรับปรุงบ้าน HMPRO, DOHOME, GLOBAL ที่มีสัดส่วนยอดขายสินค้านำเข้า (15-20% ของรายได้) เน้น DOHOME ที่มีอานิสงส์เม็ดเงินลงทุนภาครัฐฯที่ทยอยสู่ระบบ และราคาเหล็กที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น

2) สัปดาห์นี้จะมีการหารือในส่วนการเชื่อมระบบ แจกเงิน กับธนาคารพาณิชย์ และ ธนาคารรัฐ เรามองมีโอกาสทำให้จิตวิทยาลงทุนหุ้นในกลุ่ม Digital Tech Consult อาทิ BE8 BBIK ที่ตอบรับภาพลบงานสะดุดระยะสั้นมีโอกาสดีขึ้น และค่อยๆเริ่มสร้างฐานได้

• (*) TH Gov x EU : นายกฯ เดินทางไปหารือความร่วมมือกับ EU ความร่วมมือด้านต่างๆ ที่หารือ อาทิ การตกลงเขตการค้าเสรี, การผลักดัน Soft Power นำผ้าท้องถิ่นไทยนำเสนอบริษัทผู้นำแฟชั่นของอิตาลี, การหารือฝรังเศส ที่จะช่วยเป็นแม่แบบธุรกิจพลังงานสะอาดในประเทศ รวมถึงการสนับสนุนเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันเพิ่มขึ้น โดยรวมยังไม่มีประเด็นหนุนที่มีนัยฯระยะสั้น แต่ระยะกลางมีโอกาสเป็นภาพบวกต่อเศรษฐกิจไทยระยะกลางได้

• (*/+) SET50 Update : BJC รายงาน Free Float ล่าสุด ณ วันที่ 2 พ.ค. 24 ทำให้กลับมามีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ที่กลับสู่ดัชนี SET50 ในรอบ 2H24 อีกครั้ง มอง BJC มีโอกาสตอบรับทางบวก

• (*) To monitor : 23 พ.ค.นี้ ติดตาม กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติว่าจะรับคำร้องตรวจสอบคุณสมบัติ นายกฯ และ รัฐมนตรี ของ เศรษฐา ทวีสิน และ พิชิต ชื่นบาน ไว้เพื่อวินิจฉัยหรือไม่ และ หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัยจะสั่งให้ เศรษฐา ทวีสิน และ พิชิต ชื่นบาน หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ และรมต. ? หากอิงเหตุการณ์ในอดีตกรณีล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ฯ ถูกศาลตัดสินให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ช่วงก่อนที่จะมีคำตัดสิน พบว่า รองนายกรัฐมนตรีจะขึ้นมาปฎิบัติหน้าที่แทน ทำให้ไม่น่าจะมีประเด็นในส่วนความต่อเนื่องการทำงาน ส่วนผลวินิจฉัยคาดศาลใช้เวลาใกล้เคียงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ฯ คือราว 1-2 เดือน

 

 

Daily Strategy : IVL, PTTGC, BJC เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways/Up" คาดว่าภาพเศรษฐกิจจีนที่เริ่มฟื้นตัวเด่นชัดขึ้น ผสาน การออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาทั้งฝั่ง Supply และ Demand ไปพร้อมกัน คาดสร้างโมเมนตัมทางบวกต่อ Asia ต่อเนื่อง รวมถึงไทยที่ GDP งวด 1Q24 ซึ่งจะรายงานวันนี้คาดเป็นจุดต่ำสุด และการฟื้นตัวของจีนเชื่อว่าลุ้นเปิด Upside Risk การฟื้นตัวช่วงที่เหลือของปีที่อาจจะเร่งกว่าตลาดคาดได้ มอง 1) กลุ่ม China Plays อาทิ IVL, PTTGC, SCGP, DOHOME, GLOBAL 2) กลุ่มหนุนเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวระยะถัดไป กำลังซื้อภายใน เน้น CPALL, BJC ภาคบริการ เน้น AOT, MINT 3) กลุ่ม FDI เร่ง เน้น WHA

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (IVL, HANA, SSCGP, GLOBAL, DOHOME)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว ฤดูร้อน (CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI, ILM, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่มที่คาดกำไร 1Q24F จะดี / กลุ่มที่รายงานแล้วคาดกำไรมีโมเมนตัมบวกต่อ (AOT, ADVANC, CPALL, CPAXT, ICHI, OSP, WHA, NEO)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA)
กลุ่มได้ประโยชน์ซาอุดิอาระเบียเพิ่มรายชื่อประเทศไทยเป็นปลายทางส่งผู้ป่วยเข้ามารักษา (BH, BDMS, BCH, AOT)

• MAY24 Best Picks: ICHI, BJC, HANA, IVL, MINT, CPALL, OSP

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 


Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : Data Center

กระแสลงทุน Data Center ในไทยกำลังเร่งขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม มีสัญญาณบ่งชี้จาก 1) WHA มีโอกาสสูงเซ็นสัญญาขายที่ดินขนาด 400-500 ไร่ให้กับผู้ประกอบการ Data Center ระดับโลกกลางปี 2024 นี้ 2) เริ่มผู้ประกอบการ Data Center ที่เคยลงทุนในประเทศไทยไปแล้วติดต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า วางแผนร่วมกันถึงกำลังผลิตไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมระดับ 100+ MW
การลงทุนดังกล่าว เรามองบวกต่อการสร้าง S Curve ใหม่ๆต่อเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น อิงขนาดที่ดินที่มีโอกาสขายขนาดใหญ่ WHA บ่งชี้ทิศทางผู้ประกอบการต่างชาติน่าจะมองไทยหนึ่งในศูนย์กลางData Center ของภูมิภาค
KSS ประเมินทิศทางจะเปิด Upside ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1) กลุ่มนิคม จากโอกาสขายที่ดิน 2) กลุ่มโรงไฟฟ้า จากโอกาสต่อยอด Upside กำลังผลิตเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น 3) กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม ที่มักเป็นกลุ่มช่วยให้ผู้ประกอบการระดับโลกเช่าใช้ Data Center ที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจช่วงเริ่มต้น + โอกาสเติบโตจากการผลักดันมีการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้นระยะกลาง-ยาว 4) กลุ่มผู้รับเหมา ICT ที่มีศักยภาพสร้าง Data Center 5) กลุ่ม Digital Tech จากมุมมองเชิงบวกต่อภาพ Digital Transformation ระยะยาว เชิงกลยุทธ์หากประกอบภาพพื้นฐานหุ้นระยะสั้น ให้เน้น WHA(TP-6) GULF(TP-45.5) TRUE(TP-10.3) INSET(TP-3.2)
• Strategy Update : US – China Tariff

สหรัฐประกาศภาษีศุลกากรใหม่ (Tariff) กับประเทศจีนมูลค่าสินค้ารวม 1.8 หมื่นล้านเหรียญฯ หลักๆคือ 1.) หมวด Semiconductor, EV Car , Solar Cell ฯลฯ ประเมินผลกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ เนื่องจากมูลค่าสินค้าที่จีนถูกสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าวงเงินราว 1.8 หมื่นล้านเหรียญฯ คิดเป็นเพียง 0.47%ของยอดนำเข้าทั้งหมดสหรัฐปี 2023 และคิดราว 6% ของยอดส่งออกทั้งหมดของจีนปี 2023 ทั้งนี้ มูลค่าสินค้าที่ถูกจัดเก็บภาษีใกล้เคียงเดิม แต่เป็นการเพิ่มอัตราภาษีสูงขึ้นจากเดิม
KSS ประเมินการส่งออกของจีนชะลอตัวในหมวดสินค้าที่ถูกเก็บภาษี คาดจะหนุนให้รัฐบาลหรือทางการจีนออกมาตรการหนุนให้ค่าเงินหยวนดอลลาร์อ่อนค่าในระยะถัดไปเพื่อชดเชยการส่งออกที่ลดลงไป ผลต่อหุ้นไทยประเมินจะกระทบหลักๆคือ สหรัฐขึ้นภาษีรถ EV กับจีนคาดจะกระทบต่อ 1.)กลุ่มยางพารา (STA, NER) กระทบจากความต้องการใช้ยางเพื่อผลิตรถ EV ในจีนลดลง 2.) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ มองจิตวิทยาลบต่อ DELTA HANA, KCE กระทบจำกัดแม้จะมีโรงงานในจีนและส่งออกไปจีนแต่สัดส่วนสินค้า EV น้อย ในทางตรงข้ามบวกต่อกระแสการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศที่ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งทางการค้าและไทย มองบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เน้น WHA (TP@5.4) ROJNA(TP@9.2)
• Strategy Update : Earnings 1Q24

เรามีมุมมองบวกต่อ SET หลังผลประกอบการโค้งสุดท้ายงวด 1Q24 ที่ทยอยออกมา ค่อนข้างดี และสะท้อนให้เห็นจุดเริ่มต้นของฐานกำไรฟื้นตัว พร้อมภาพเศรษฐกิจที่มี Momentum เชิงบวก ผสาน SET Valuation อยู่ใน Zone พื้นฐาน น่าจะหนุน SET ค่อยๆ ฟื้นตัวต่อเนื่อง

• สัดส่วนบริษัทที่รายงานกำไร 1Q24 ดีกว่าคาด เป็นสัดส่วนสูงที่สุดนับตั้งแต่งวด 2Q21 หรือดีที่สุดในรอบ 11 ไตรมาส

• สัดส่วนหุ้นที่ผลประกอบการณ์ต่ำคาดมีสัดส่วนต่ำที่สุดนับตั้งแต่ 1Q19

• ภาพดังกล่าวสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยกำลังเจอฐานของการฟื้นตัว สอดคล้องกับแนวโน้มการคาดการณ์เติบโตของเศรษฐกิจที่จะเติบโตแบบขั้นบันไดนับจากนี้ไป โดย Krungsri Research คาด GDP 2024 +2.7%(ไม่รวม Digital Wallet) จากปีก่อน 1.9% โดยคาด GDP รายไตรมาสของปีไว้ที่ 0.5%, 2%, 3.2%, 5% ตามลำดับ

• EPS ตลาดปี 2024F เริ่มสร้างฐานที่ 92-93.5บาทได้ คิดเป็น PER24F 14.9X(ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 17.3x) คิดเป็นระดับ Equity Risk Premium(ERP) Forward 2024F 3.96% (Current ERP 3.4% > Avg 3.06%)

กลยุทธ์ : คาดตลาดมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องสู่กรอบเป้าหมายปลายปี 2024 ที่ระดับ 1520-1600 จุด แนะนำ หุ้น Theme เด่น ดังนี้

Earnings Play ระยะสั้น : แนะนำลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการ 1Q24 ดีและยังไม่ประกาศ อาทิ AOT BDMS OSP

Earnings Play ระยะกลาง : กลุ่มที่รายงานงวด 1Q24 ดีและมีโมเมนตัมเชิงบวกต่อในไตรมาสถัดไป อาทิ CPALL IVL ICHI TRUE หรือกลุ่มที่ 1Q24 เป็นภาพ Bottom Out อาทิ TU GFPT CKP INSET MINT DOHOME

2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, SCGP, TU, OSP

• Strategy Update : MSCI Rebalance

หุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี ปรับน้ำหนักดัชนีวันที่ 31 พ.ค.

MSCI Global Standard หุ้นเข้า - ไม่มี

หุ้นออก – LH( - 200 ล้านเหรียญฯ), BTS(- 175 ล้านเหรียญฯ), MTC(- 100 ล้านเหรียญฯ)

MSCI Global Small Cap

หุ้นเข้า : BTS, JTS, LH, MTC หุ้นออก : BLAND, DITTO, FORTH, KSL, MAJOR, PSL, RS, SGP, SPCG, WHAUP

 

• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update

ตลาดหลักทรัพย์ปรับเกณฑ์คัดเลือกหุ้นเข้า SET50/SET100 เริ่มใช้จริงรอบ 2H24 หนุนให้ BJC เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์ และกลับเข้ามาในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง

 

วันนี้ตลาดหลักทรัพย์อัพเดทสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นการปรับเกณฑ์สภาพคล่องในการคัดเลือกหุ้นเข้า SET50/100 และจะเริ่มใช้จริงรอบ 2H24 เราคาดเป็นตัวหนุนหุ้น BJC กลับเข้ามาอยู่ในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง

 

โดยสำหรับคาดการณ์หุ้น SET50/SET100 ล่าสุดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA, CKP

 

• TOP (Buy, TP78): มอง slightly negative ต่อข้อมูลในที่ประชุมนักวิเคราะห์ ตลาดอาจกังวลต่อความไม่แน่นอนของการเร่งตัวของกำไรใน 2025F จากโครงการ CFP ที่ทยอย COD ยาวถึง 2H25 และ upside จากการเข้าซื้อโรงกลั่นและปิโตรเคมีในสิงคโปร์ของ CAP ยังไม่แน่นอน คงคำแนะนำ Buy ต่อ TOP ที่ TP24F = 78.0 บาท/หุ้น เป็นตัวเลือกลงทุนระยะยาวบนความได้เปรียบของกำลังการผลิตใหม่ แต่ระยะสั้นเราคงมุมมองมีตัวเลือกโรงกลั่นอื่นอย่าง SPRC (Buy; TP11) ที่เก็งกำไรการฟื้นตัวใน 3Q24F ได้ปลอดภัยกว่า

• Soft Commodity (Neutral): สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคายางพาราเพิ่มขึ้น +2.94%w-w เพราะสหรัฐประกาศขึ้นภาษีถุงมือผ่าตัดจากจีน ส่งผลดีต่อการส่งออกยางจากไทยไปสหรัฐ อย่างไรก็ตามราคาน้ำตาลลดลง -5.3%w-w เพราะกังวลผลผลิตน้ำตาลบราซิลเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งปี 24 และปี 25 ราคาถั่วเหลืองลกลง -0.98%w-w เพราะ USDA ออกบทวิเคราะห์ผลผลิตถั่วเหลืองและสต๊อกถั่วเหลืองปี 24/25 เพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันปาล์มลดลง -0.20%w-w เพราะรายงานส่งออกน้ำมันปาล์มมาเลเซียวันที่ 1-15 พค ลดลง -5%m-m

อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ราคาไก่ทรงตัวที่ 43.50 บาท (ต้นทุน 37-38 บาท) ราคาสุกรทรงตัวที่ 71.5 บาท (ต้นทุน 72-75 บาท) เพราะความต้องการสมดุลกับผลผลิต ราคาสุกรเวียดนาม +2.1% มาที่ 64,333 ดองหรือ 90 บาท เพราะมีการระบาดโรค ASF ทำให้ผลผลิตสุกรน้อยลง ราคาสุกรจีน +2.3% มาที่ 15.34 หยวนหรือ 76.7 บาท เพราะผลผลิตเข้าสู่ตลาดน้อยลง

คาดประชุมนักวิเคราะห์ 28 พค (STA)

เราให้น้ำหนักกลุ่มฯ NEUTRAL เราให้ Top pick GFPT (TP 15.10) แนวโน้มการส่งออกไก่โตและราคาไก่เพิ่ม ต้นทุนอาหารสัตว์ลด งบ 1Q24 สูงกว่าคาด และยังดีต่อใน 2Q24F

• SAWAD (Neutral): เรามีมุมมอง Neutral ต่อการประชุมนักวิเคราะห์ เพราะข้อมูลส่วนใหญ่ไม่กระทบต่อประมาณการของเราอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นเราคงกำไรสุทธิ 2024F คาดที่ 5,020 ลบ. ทรงตัว y-y ภาพรวมเรายังไม่ชอบ SAWAD เพราะ i) ยังอยู่ระหว่างการจัดการคุณภาพสินเชื่อใน 2Q24F ส่งผลให้ผลรวมของค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) และขาดทุนรถยึดยังอยู่ระดับสูง ii) กำไรสุทธิ 2024F คาดเพียงทรงตัว y-y


2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU

Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

รายย่อย ขาย By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เห็น นักลงทุนรายย่อย ขาย หลังจากสะสมหุ้นมานาน เมื่อSET บวกแรง ต่างชาติ ลุยซื้อ สถาบันในประเทศ ...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้