Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

789

 

"Positive Outlook Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways" ต้าน 1384/1394 จุด รับ 1373/1365 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้พักตัว รายงานเศรษฐกิจเดือน เม.ย. ยังอ่อนตัวลง สะท้อนภาพเงินเฟ้อลดแรงกดดันต่อเนื่อง และเศรษฐกิจกำลังเดินไปสู่ภาวะ Soft Landing ตลาดจะจับตาUS Flash PMI พ.ค. 24 ในสัปดาห์หน้า คาดชะลอลง(อิงสัญญาณชี้นำเศรษฐกิจระยะหลัง อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (U of Michigan) ที่ชะลอลง) ส่วนฝั่ง Asia วันนี้ ติดตาม ผลผลิตอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีกจีน ลุ้นฟื้นตัวต่อ ส่วนภายในตลาดจะรอรายงาน GDP งวด 1Q24 วันจันทร์ (20 พ.ค.) เพื่อยืนยันภาพเศรษฐกิจจะเจอฐานก่อนฟื้นตัว Krungsri Research ประเมิน 05.%y-y, 0.6%q-q และเป็นจุดต่ำสุดของปี ก่อนฟื้นเป็นขั้นบันได ดังนั้น SET ระยะกลางเป็นบวก แม้ระยะสั้นอาจแกว่งรอปัจจัย วันนี้จับตาการแถลงมาตรการยกระดับบความเชื่อมั่นตลาดเพ่มเติม เน้น Theme กลุ่มได้ประโยชน์กระแสลงทุน Data Center รอบใหญ่(หลัง WHA เตรียมขายที่ดินผืนใหญ่) บ่งชี้การลงทุนเร่งขึ้นหลายปี (นิคม โรงไฟฟ้า ICT Technology) กลุ่มอิงจีน และกลุ่มขายกุ้งได้ประโยชน์การแก้ไขปัญหาแรงงานไทยสำเร็จ วันนี้แนะนำ OSP, TU, WHA


Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1384/1394 จุด รับ 1373/1365 จุด

What happened around the world ?

• (*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มชะลอการขึ้นหลังจาก All time high Dow jones -0.1%d-d, S&P500 -0.21%, Nasdaq -0.26% โดย Sector ใน S&P500 พลิกลงเกือบทุก Sector แต่ลงไม่แรงราว 0.4-0.7% นำโดยกลุ่ม Consumer Discretionary, Materials, Industrials, Energy ฯลฯ Sector ที่ปรับขึ้นมีเพียง Consumer Staples หุ้นที่ปรับขึ้นเด่น คือ กลุ่มค้าปลีก Walmart+6.99%, กลุ่ม Semiconductor และ Tech อาทิAMD+1.87%,Alphabet +0.93% ฯลฯ หุ้นที่ปรับลง อาทิ Super micro computer -5% ถูก Take profit หลังจากปรับขึ้นแรง ฯลฯ

• (*/-) Japan GDP : GDP 1Q24 -0.5%q-q หดตัวมากกว่าตลาดคาด VS. 4Q23 ทรงตัว Flat (Revised Down จากรอบก่อน +0.4%) GDP ที่ออกมาหดตัวหลักๆมาจาก 1.) ภาคการบริโภคหดตัวลง 4 ไตรมาสติด มาจาก Real Wage ยังติดลบ 2.)ผลของแผ่นดินไหวช่วงต้นปี กดดันฝั่งการลงทุนภาคเอกชนและภาคส่งออกสุทธิ KSS ประเมินแนวโน้ม GDP 2Q24 ของญี่ปุ่นมีโอกาสฟื้นตัว q-q หนุนจากฝั่งการบริโภคจาก Real Wage จะฟื้นหลังเงินเฟ้อเริ่มลดลง และแรงหนุนจากกลางเดือน มี.ค. ญี่ปุ่นเริ่มปรับค่าจ้างในหลายกลุ่มอาชีพ ผสานกับเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอัตราเร่งทำให้เชื่อว่า BOJ ยังจำเป็นต้องคงนโยบายการเงินไว้ ณ.ปัจจุบัน คาดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไปคือ รอบ ปลายปี 2024 อย่างไรก็ตาม KSS ยังคงคำแนะนำหุ้นญี่ปุ่น Slightly Underweight แนะนำสลับไปลงทุนตลาดหุ้นจีน (KFACHINA-A)

• (*) US GDP : รายงานตัวเลขกิจกรรมสหรัฐเมื่อคืนส่วนใหญ่ออกมาชะลอตัว หนุนโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น1.) ยอดขอรบสวัสดิการว่างงาน (Initial Jobless Claims) +2.22 แสนรายมากกว่าคาดที่ 2.19 แสนราย ตัวเลขแรงงานที่ออกมายังไม่อยู่ระดับที่น่างกัวล สะท้อนภาพภาคแรงงานสหรัฐฯประคองในลักษณะ Soft Landing ได้ (ความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนตำแหน่ง), ยอดเริ่มสร้างบ้าน เดือน เม.ย. อยู่ที่ 1.36 ล้านหลังต่ำคาด คาดเป็นปัจจัยหนุนให้เงินเฟ้อสหรัฐหมวด Shelter ชะลอลงต่อ โดยรวมตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยัง บ่งชี้ภาพเศรษฐกิจ Soft landing หนุน Fed ลดดอกเบี้ย เป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้นโลก

• (*/+)World Container Index : ค่าระวางเรือโลก World Container Index World Container Index แนวโน้มเป็นขาขึ้น ขึ้น 4 สัปดาห์ติด +11%w-w อยู่ที่ 3,511เหรียญต่อ 40 ft และปรับขึ้นต่อเกือบทุกเส้นทางเรือ (อาทิ เส้น Shanghai - Rotterdum +12%w-w, Shanghai – los Angelis +12%) จิตวิทยาบวกต่อหุ้นเรือ Container อาทิ RCL แนะนำเก็งกำไร

• (*) To monitors : ฝั่งจีน 17 พ.ค. ติดตามผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน เม.ย. คาด +5.5%y-y, ยอดค้าปลีกคาด +3.9%y-y ฝั่งญี่ปุ่น 16 พ.ค. ติดตามรายงาน GDP 1Q24 คาด -1.4%q-q vs prev. +0.4%q-q

• (*) US Bond & Dollar : Bond yields ฟื้นตัวในทิศทางขาลง รับตัวเลข Initial Jobless Claims ใกล้เคียงตลาดคาด และตัวเลขราคาสินค้านำเข้าสหรัฐ เดือน เม.ย. สูงกว่าคาด หนุน อายุ 10 ปีฟื้นตัว +2 bps อยู่ที่ 4.38% เช่นเดียวกับอายุ 2 ปี ปรับขึ้น +5 bps อยู่ที่ 4.78% ขณะที่ Dollar Index ฟื้นตัวขึ้นมาอยู่โซน 104.4+/- จุด

• (*/+) Oil : ราคาน้ำมันดิบแกว่งตัวขึ้น Brent +0.63%d-d ปิดที่ US$ 83.27/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.76%d-d ปิดที่ US$ 79.23/barrel แรงหนุนจากรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐออกมาต่ำคาด -2.5 ล้านบาร์เรล มองบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

 

What happened in Thailand ?

• (*/) SET: ตลาดหุ้นวานนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น +7.28 จุด หรือ +0.53% ปิดที่ 1377.72 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วน ฯ (DELTA) กลุ่มพลังงาน (GULF, GPSC) ตอบรับ US Bond Yield อายุ 10ปีแกว่งลงแรง หลัง Core CPI เม.ย. 24 ออกมา +3.6%y-y ต่ำสุดในรอบ 3ปี หนุนความเชื่อมั่นโอกาสปรับลดดอกเบี้ย Fed ระยะถัดไป กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มค้าปลีก (CPALL) มองรับภาพดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เม.ย. 24 อ่อนตัวลง ผสาน เป็นหุ้นที่ Outperform ช่วงก่อนหน้า ทำให้มีแรงขายลดสถานะ แต่เชิงกลยุทธ์เรายังมองน่าทยอยสะสม กลุ่มขนส่ง (AOT)

• (+) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลเข้า ซื้อหุ้น +98.7 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +30 ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Long 15,820 สัญญา เงินบาทแข็งค่าสู่ 36.2 +/- บาท

• (*/+) BOT x Finance : ผลสรุปการพบกันระหว่าง รมว. คลัง และผู้ว่าการ BOT วานนี้มีดังนี้

เห็นพ้องกันในส่วนปัญหาหลักปัจจุบันไม่ใช่เรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่อยู่ในส่วนการเข้าไม่ถึงสินเชื่อ/แหล่งเงินทุนของประชาชน ทำให้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความยืดหยุ่นเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้กลุ่มที่มีปัญหาหนี้ในปัจจุบันเข้าถึงเงินทุน
การปรับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ตกลงร่วมกับกระทรวงการคลัง ซึ่งโดยปกติจะมีการทบทวนทุกปี ปัจจุบันเป้าหมายเงินเฟ้ออยู่ที่ 1-3% มานานกว่า 4 ปี
เราประเมินทิศทางการหารือดังกล่าว ถือเป็นจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มอิงกำลังซื้อภายในและธนาคาร หากประชาชนเข้าถึงสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น เน้น CPALL, DOHOME ส่วนการเห็นพ้องในเรื่องดอกเบี้ยนโยบายไม่ใช่ปัญหาหลัก และการทบทวนกรอบเงินเฟ้อใหม่ มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารที่ตลาดมีโอกาสเริ่มประเมิน Downside ผลกระทบการลดดอกเบี้ยที่ต่ำลง เน้น KTB ที่กำลังจะมีแรงขับเคลื่อนงานภาครัฐฯ หนุน และ TTB ที่ ROE เป็นขาขึ้น

• (*/+) Shrimp Industry: นโยบายปราบปรามการค้ามนุษย์ของรัฐบาลไทยทำสำเร็จ ช่วยกู้ภาพลักษณ์ใช้แรงงานผิดกฎหมายในประมงทำให้ทางการสหรัฐเตรียมถอดกุ้งไทยจากสินค้าเฝ้าระวัง KSS มองเป็นบวกต่อแนวโน้มการส่งออกกุ้งไทย โดยมูลค่าการส่งออกกุ้งไทยปี 2023 ราว 1.10 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 3.96 หมื่นล้านบาท บวกต่อหุ้นไทยที่ทำธุรกิจส่งออกกุ้ง อาทิ CFRESH (รายได้ส่งออกกุ้ง 100% ของรายได้รวม) TU (16%) CPF (2%)

• (*/+) Infrastructure : กระทรวงคมนาคมเตรียมผลักดัน "แผนพัฒนาท่าเรือคลองเตย" มูลค่า 1 แสนล้านบาทภายใน 6 เดือนนี้ มองจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มรับเหมา เชิงกลยุทธ์ เราเชื่อว่าหุ้นรับเหมาที่ตอบรับภาพกำไร 1Q24 ที่สะดุด รวมถึงความเสี่ยงเรื่องค่าแรงไปแล้ว มีโอกาสฟื้นตัวจากกระแสประมูลงานกลับมาคึกคักขึ้น หลังงบประมาณมีผล โดยโครงการใหญ่ลำดับถัดไป คาดรัฐฯจะเร่งประมูล คือ โครงการรถไฟรางคู่ หนองคาย - ขอนแก่น 2.9 หมื่นล้านบาท เน้น STEC ที่หุ้นยังฟื้นตัวน้อยกว่า CK

• (*/+) Accelerated Data Center Investment: กระแสลงทุน Data Center ในไทยกำลังมีภาพเร่ง นำโดยสัญญาณชี้นำจาก 1) ผู้ประกอบการในกลุ่มนิคมที่มีโอกาสสูงเซ็นสัญญาขายที่ดินขนาด 400-500 ไร่กลางปี 2024 นี้ 2) เริ่มผู้ประกอบการ Data Center ที่เคยลงทุนในประเทศไทยไปแล้วเริ่มติดต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า วางแผนร่วมกันถึงกำลังผลิตไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติม ถือเป็นภาพการลงทุนที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น สอดรับกับที่ Microsoft ประกาศลงทุน Data Center ในไทยในช่วงต้นเดือน พ.ค. รวมถึงรายอื่นๆที่มีการประกาศลงทุนก่อนหน้านี้ เช่น Amazon(สหรัฐ) Google (สหรัฐ) Ctrl's(อินเดีย) Singtel (สิงคโปร์) และคาดมีฝั่งผู้ประกอบจีนเพิ่มเติมจากปัญหาการกีดกันทางการค้า

การทยอยเข้าลงทุนดังกล่าว เรามองบวกต่อการสร้าง S Curve ใหม่ๆต่อเศรษฐกิจไทย โดย Data Center มีศักยภาพที่จะเป็นการลงทุนต่อเนื่องและยาวนาน เมื่อได้เริ่มมีการลงทุนไปแล้ว เนื่องจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ AI, 5G, Cloud ล้วนต้องมี Data Center เป็นโครงสร้างพื้นฐานทั้งสิ้น KSS ประเมินทิศทางจะเปิด Upside ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1) กลุ่มนิคม จากโอกาสขายที่ดิน เน้น WHA 2) กลุ่มโรงไฟฟ้า จากโอกาสต่อยอด Upside กำลังผลิตเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น เน้น GULF 3) กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม ที่มักเป็นกลุ่มช่วยให้ผู้ประกอบการระดับโลกเช่าใช้ Data Center ที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจช่วงเริ่มต้น + โอกาสเติบโตจากการผลักดันมีการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้นระยะกลาง-ยาว เน้น TRUE 4) กลุ่มผู้รับเหมา ICT ที่มีศักยภาพสร้าง Data Center เน้น INSET (งานก่อสร้าง Data Center คิดเป็น 40% ของรายได้) 5) กลุ่ม Digital Tech BE8 และ BBIK คาดหุ้นเริ่มสร้างฐานได้ จากมุมมองเชิงบวกต่อภาพ Digital Transformation ระยะยาว

• (*/+)PM to visit EU: นายกฯ นำทัพนักธุรกิจเยือน ฝรั่งเศส-อิตาลี 16-21 พ.ค. ผลักดันวีซ่าฟรีเชงเกน , FTA และชวนลงทุน 3 ด้าน โลจิสติกส์, การบิน และ ดิจิททัล (+ท่องเที่ยว, ส่งออก และ นิคมฯ)

• (*/+) SET 1Q24 Earnings : หลังจากสิ้นสุดรอบรายงานกำไรงวด 1Q24 จากการรวบรวมของ KSS พบว่า กำไรตลาด 1Q24 สูงราว 2.63 แสนล้านบาท ทรงตัว y-y ฟื้นตัวสูง 58%q-qและหากอิงฐานกำไรปี 2024F ที่ตลาดประเมินปัจจุบัน (BB Consensus) ที่ 92 บาทต่อหุ้น กำไร 1Q24 ที่ออกมามีสัดส่วนราว 23% ของคาดการณ์ ผสาน ภาพช่วงที่เหลือของปีที่เชื่อว่ากำไรตลาดจะเร่งขึ้นตามภาพรวม GDP ทั้งผลบวกงบประมาณ, ภาคส่งออกที่มีสัญญาณดีขึ้น, ภาคบริการที่การท่องเที่ยวยังมีโมเมนตัมทางบวก โดยรวมหนุน Valuation SET มีค่า PER2024F ราว 14.9 เท่า vs ค่าเฉลี่ย 17.3 เท่า

 

Daily Strategy : WHA, OSP, TU เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways" ภาพรวมตลาดยังน่าจะอยู่ในช่วงรอรายงานเศรษฐกิจใหม่ๆ อาทิ รายงานเศรษฐกิจจีนเช้านี้, PMI สหรัฐฯ สัปดาห์หน้า ส่วนภายใน คือ GDP งวด 1Q24 ของไทย (20 พ.ค.) โดยกลุ่มที่เด่นวันนี้ มอง 1) กลุ่มได้ประโยชน์กระแสลงทุน Data Center รอบใหญ่ไทยหลัง WHA เตรียมขายที่ดินผืนใหญ่ บ่งชี้การลงทุนต่อเนื่องอีกหลายปี (นิคม โรงไฟฟ้า ICT Technology) 2) กลุ่มอิงจีน (เก็งรายงานเศรษฐกิจ) 3) กลุ่มได้ประโยชน์ค่าระวางเรือเร่ง +11%w-w 4) กลุ่มที่ให้มุมมองเชิงบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ อาทิ OSP NEO 5) กลุ่มจำหน่ายกุ้งได้ประโยชน์การแก้ไขปัญหาแรงงานไทยสำเร็จ เน้น TU

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (IVL, HANA, SSCGP, GLOBAL, DOHOME)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว ฤดูร้อน (CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI, ILM, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่มที่คาดกำไร 1Q24F จะดี / กลุ่มที่รายงานแล้วคาดกำไรมีโมเมนตัมบวกต่อ (AOT, ADVANC, CPALL, CPAXT, ICHI, OSP, WHA, NEO)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA)
กลุ่มได้ประโยชน์ซาอุดิอาระเบียเพิ่มรายชื่อประเทศไทยเป็นปลายทางส่งผู้ป่วยเข้ามารักษา (BH, BDMS, BCH, AOT)

• MAY24 Best Picks: ICHI, BJC, HANA, IVL, MINT, CPALL, OSP

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : US – China Tariff

สหรัฐประกาศภาษีศุลกากรใหม่ (Tariff) กับประเทศจีนมูลค่าสินค้ารวม 1.8 หมื่นล้านเหรียญฯ หลักๆคือ 1.) หมวด Semiconductor, EV Car , Solar Cell ฯลฯ ประเมินผลกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ เนื่องจากมูลค่าสินค้าที่จีนถูกสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าวงเงินราว 1.8 หมื่นล้านเหรียญฯ คิดเป็นเพียง 0.47%ของยอดนำเข้าทั้งหมดสหรัฐปี 2023 และคิดราว 6% ของยอดส่งออกทั้งหมดของจีนปี 2023 ทั้งนี้ มูลค่าสินค้าที่ถูกจัดเก็บภาษีใกล้เคียงเดิม แต่เป็นการเพิ่มอัตราภาษีสูงขึ้นจากเดิม
KSS ประเมินการส่งออกของจีนชะลอตัวในหมวดสินค้าที่ถูกเก็บภาษี คาดจะหนุนให้รัฐบาลหรือทางการจีนออกมาตรการหนุนให้ค่าเงินหยวนดอลลาร์อ่อนค่าในระยะถัดไปเพื่อชดเชยการส่งออกที่ลดลงไป ผลต่อหุ้นไทยประเมินจะกระทบหลักๆคือ สหรัฐขึ้นภาษีรถ EV กับจีนคาดจะกระทบต่อ 1.)กลุ่มยางพารา (STA, NER) กระทบจากความต้องการใช้ยางเพื่อผลิตรถ EV ในจีนลดลง 2.) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ มองจิตวิทยาลบต่อ DELTA HANA, KCE กระทบจำกัดแม้จะมีโรงงานในจีนและส่งออกไปจีนแต่สัดส่วนสินค้า EV น้อย ในทางตรงข้ามบวกต่อกระแสการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศที่ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งทางการค้าและไทย มองบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เน้น WHA (TP@5.4) ROJNA(TP@9.2)
• Strategy Update : Earnings 1Q24

เรามีมุมมองบวกต่อ SET หลังผลประกอบการโค้งสุดท้ายงวด 1Q24 ที่ทยอยออกมา ค่อนข้างดี และสะท้อนให้เห็นจุดเริ่มต้นของฐานกำไรฟื้นตัว พร้อมภาพเศรษฐกิจที่มี Momentum เชิงบวก ผสาน SET Valuation อยู่ใน Zone พื้นฐาน น่าจะหนุน SET ค่อยๆ ฟื้นตัวต่อเนื่อง

• สัดส่วนบริษัทที่รายงานกำไร 1Q24 ดีกว่าคาด เป็นสัดส่วนสูงที่สุดนับตั้งแต่งวด 2Q21 หรือดีที่สุดในรอบ 11 ไตรมาส

• สัดส่วนหุ้นที่ผลประกอบการณ์ต่ำคาดมีสัดส่วนต่ำที่สุดนับตั้งแต่ 1Q19

• ภาพดังกล่าวสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยกำลังเจอฐานของการฟื้นตัว สอดคล้องกับแนวโน้มการคาดการณ์เติบโตของเศรษฐกิจที่จะเติบโตแบบขั้นบันไดนับจากนี้ไป โดย Krungsri Research คาด GDP 2024 +2.7%(ไม่รวม Digital Wallet) จากปีก่อน 1.9% โดยคาด GDP รายไตรมาสของปีไว้ที่ 0.5%, 2%, 3.2%, 5% ตามลำดับ

• EPS ตลาดปี 2024F เริ่มสร้างฐานที่ 92-93.5บาทได้ คิดเป็น PER24F 14.9X(ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 17.3x) คิดเป็นระดับ Equity Risk Premium(ERP) Forward 2024F 3.96% (Current ERP 3.4% > Avg 3.06%)

กลยุทธ์ : คาดตลาดมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องสู่กรอบเป้าหมายปลายปี 2024 ที่ระดับ 1520-1600 จุด แนะนำ หุ้น Theme เด่น ดังนี้

Earnings Play ระยะสั้น : แนะนำลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการ 1Q24 ดีและยังไม่ประกาศ อาทิ AOT BDMS OSP

Earnings Play ระยะกลาง : กลุ่มที่รายงานงวด 1Q24 ดีและมีโมเมนตัมเชิงบวกต่อในไตรมาสถัดไป อาทิ CPALL IVL ICHI TRUE หรือกลุ่มที่ 1Q24 เป็นภาพ Bottom Out อาทิ TU GFPT CKP INSET MINT DOHOME

2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, SCGP, TU, OSP

• Strategy Update : MSCI Rebalance

หุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี ปรับน้ำหนักดัชนีวันที่ 31 พ.ค.

MSCI Global Standard หุ้นเข้า - ไม่มี

หุ้นออก – LH( - 200 ล้านเหรียญฯ), BTS(- 175 ล้านเหรียญฯ), MTC(- 100 ล้านเหรียญฯ)

MSCI Global Small Cap

หุ้นเข้า : BTS, JTS, LH, MTC หุ้นออก : BLAND, DITTO, FORTH, KSL, MAJOR, PSL, RS, SGP, SPCG, WHAUP

 

• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update

ตลาดหลักทรัพย์ปรับเกณฑ์คัดเลือกหุ้นเข้า SET50/SET100 เริ่มใช้จริงรอบ 2H24 หนุนให้ BJC เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์ และกลับเข้ามาในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง

 

วันนี้ตลาดหลักทรัพย์อัพเดทสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นการปรับเกณฑ์สภาพคล่องในการคัดเลือกหุ้นเข้า SET50/100 และจะเริ่มใช้จริงรอบ 2H24 เราคาดเป็นตัวหนุนหุ้น BJC กลับเข้ามาอยู่ในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง

 

โดยสำหรับคาดการณ์หุ้น SET50/SET100 ล่าสุดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA, CKP

 


• WHA (Buy,TP6): We raise land sales forecast by 13% to 2,700 rai due to WHA's beneficiary of new wave of trade war and its number high potential big-lot customers under negotiations for 2,000+ rai at the present. We raise earnings by 8-14% for FY24F-FY26F as we raise margin for land transfer for Thailand and Vietnam as well as factor in profit contribution from GCL. Share price increased 5% YTD is not fully factor in these positive catalysts and multiple upsides. We maintain BUY rating with Bt6.0 TP.

• OSP (Buy,TP26): We revise up TP by 8.3% to Bt26, to reflect the optimistic tone of the analyst briefing that suggested the strong sales growth of 11% yoy witnessed in 1Q24 could continue into 2Q24. This is why we raise sales by 3% (to 8% yoy against earlier 5% as per guidance), gross margin by 0.8ppt in 2024 (to 35.5%) and 2025 (to 35.8%). This increases core profit by 8.8% in 2024F and 8.6% in 2025F. Maintain BUY.

• NEO (Buy,TP63): We reiterate our BUY rating on NEO and raise target price of Bt63 driven by i) Upgraded FY24F net profit forecast to Bt1bn (+26% yoy), reflecting record margins in 1Q24 which we expect to sustain due to a higher contribution from premium products and effective cost controls ii) NEO's continued leadership in the Thai FMCG market underpinned by its new product pipeline to expand addressable markets iii) The stock's recent re-rating following 1Q24's earnings beat, though it still trades at an undemanding 15x forward PER versus the sector's 18-20x average.

• JMT (Buy,TP26): เรามีมุมมอง Neutral ต่อข้อมูลจากการประชุมนักวิเคราะห์ เนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่สอดคล้องกับมุมมองที่เราคาดไว้ก่อนหน้า อย่างไรก็ดี เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2024-26F ลงเฉลี่ย -13% และปรับ TP24F ลงเหลือ 26 บาท จากเดิม 34.5 บาท เพื่อสะท้อนผลกำไรที่อ่อนตัวใน 1Q24 จากความสามารถในการจัดเก็บหนี้เสียที่ต่ำกว่าคาด และยังไม่เห็นสัญญาณที่ฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ยังคงคำแนะนำ BUY ราคาปัจจุบันปรับตัวลง -35%ytd ซื้อขายเทียบเท่า PBV24F ที่ 1.0x (เทียบกลุ่มหุ้น leasing หลักราว 2x) มองว่าราคาได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว

 

2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU

Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้