**2Q67 ยังเห็นราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้น**
Key Point
1Q67 กำไรเติบโต y-y ได้โดดเด่นจากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น
ราคาขายเฉลี่ยจะยังสูงขึ้นต่อในช่วง 2Q67 แนวโน้มกำไรเติบโต y-y และ q-q
ปีนี้อาจขายยางได้ต่ำกว่าเป้า จากภัยแล้งกระทบต่อผลผลิตยางธรรมชาติ แต่จะได้ประโยชน์จากด้านราคายางที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน ทำให้คาดการณ์กำไรปี 67 ยังเติบโต y-y
1Q67 ผลผลิตซัพพลายยางในไทยลดลง 8%y-y ผลกระทบจากภัยแล้ง ในขณะที่ Ivory coast มีผลผลิตเพิ่มขึ้น 13%y-y ผลผลิตเป็นลาดับ 3 รองจากอินโดนีเซียซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ดึงราคายางเฉลี่ยในตลาดโลกลง เพราะมีต้นทุนผลิตที่ต่ำ ในขณะที่ราคายางปรับตัวสูงขึ้นประกอบกับภัยแล้งจึงทาให้ราคายางในไทยปรับตัวขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าราคายางในตลาดโลก ทำให้ NER มีการปรับกลยุทธ์การขายให้อิงตาม spot มากขึ้น จะช่วยในเรื่องของ spread ได้ดีกว่าการขาย Long term ที่ต้องใช้ราคา Futures contract ที่อ้างอิงมาจากราคายางในตลาดโลก
ไตรมาสแรกมีปริมาณขาย 1.15 แสนตัน -10.2%y-y -10.2%q-q ลดลงจาก STR-Mixtures เป็นหลัก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกไปจีน และมีสัดส่วนรายได้ในประเทศสูงขึ้นที่ 74%ของรายได้รวม ทำรายได้รวมที่ 6,540 ลบ. +4.6%y-y จากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 16.5% เป็นหลัก, -1.0%q-q จากด้านปริมาณขายลดลงเป็นหลัก, ทำ GPM 11.6% ดีขึ้น y-y และ q-q และด้วยสัดส่วนขายต่างประเทศที่ลดลงทำให้ มีค่าขนส่งระหว่างประเทศ ค่ากองทุนทาสวนยาง(CESS) ลดลงตาม เป็นผลให้มี SG&A to sale ลดลงที่ 2.3% มีกำไรสุทธิ 453.6 ลบ. +44.3%y-y -1.8%q-q
ปัญหาภัยแล้งเป็นปัจจัยหลักที่ผลต่อผลผลิตยางพาราของไทยในปีนี้ คาด 2Q67 ปริมาณขายของ NER จะลดลงและต่อเนื่องไปจนถึง 3Q67 แต่ในช่วง 2Q67 ยังได้ประโยชน์จากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้นทาให้ยังมีแนวโน้มกำไรที่สูงขึ้น y-y และ q-q ทางฝ่ายปรับเป้าปริมาณขายทั้งปีลง 10% อยู่ในช่วง 4.6-4.7 แสนตัน/ปี ปรับรายได้ลงแต่ถูกชดเชยไปกับราคาขายยางที่สูงขึ้นกว่าคาดเดิม และปรับ SG&A ลงจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวข้องกับขายต่างประเทศลดลงในปีนี้ ยังคงทำให้กำไรสุทธิคาดการณ์ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากอยู่ที่ 1,906 ลบ. +23.3%y-y ปีนี้จะได้ประโยชน์จากด้านราคายางเป็นหลัก
แม้มีการคาดการณ์ความต้องการล้อยางรถยนต์ขนาดเล็กทั่วโลกในปี 67 ส่วนใหญ่มีความต้องการที่ลดลง แต่มีความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากล้อรถยนต์ขนาดใหญ่(MHCV) ในโซนอเมริกาและยุโรป จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมาจากการ replacement ของล้อ MHCV ดีมานด์ของยางที่ใช้ล้อ replacement มีมูลค่าตลาดราว 70% สูงกว่ามูลค่าล้อยางที่ใช้กับ New car ที่ 30% คาดการณ์ความต้องการล้อยางทั้วโลกเติบโตเฉลี่ย 1.4% CAGR ถึงปี 2571
ราคาพื้นฐานปี 67 ที่ 7.20 บาท/หุ้น อิง P/E 7.0 เท่า ทางฝ่ายใช้ PE ในช่วงปี 63 -0.75S.D. จากเป็นปีที่ราคายางมีทิศทางเป็นขาขึ้น อยู่ที่ 7.0 เท่า ราคาพื้นฐาน 7.20 บาท คงคำแนะนำ”ซื้อ”