Today’s NEWS FEED

News Feed

ลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัยในยุคตลาดผันผวน

161

 

 

ตลาดผันผวน: ภัยคุกคามของนักลงทุน

ในช่วงนี้ ตลาดการเงินทั่วโลกเผชิญกับความผันผวนอย่างมาก จากปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ เช่น ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และความไม่แน่นอนของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ราคาหุ้นและสินทรัพย์มีความไม่แน่นอนและผันผวนมาก สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนไม่น้อย

สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่อาจจะยังไม่มีประสบการณ์มากนัก การลงทุนในภาวะตลาดผันผวนนี้อาจจะมีความเสี่ยง บทความนี้จึงขอนำเสนอแนวทางการลงทุนที่ปลอดภัย ช่วยให้นักลงทุนสามารถรักษาเงินทุนและสร้างผลตอบแทนได้อย่างมั่นคง

ทำไมต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ?

ในภาวะตลาดผันผวน การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะมีความเสี่ยงที่มูลค่าเงินลงทุนจะลดลงจากราคาหุ้นที่ตกลง นักลงทุนจึงควร หันมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย หรือ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แทน

สินทรัพย์ปลอดภัย หรือ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ คืออะไร?

สินทรัพย์ปลอดภัย หรือ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ คือ สินทรัพย์ที่นักลงทุนมีโอกาสสูญเสียเงินลงทุนต่ำ มีความเสี่ยงต่ำ และน่าจะสามารถรักษาเงินลงทุนของนักลงทุนไว้ได้ ตัวอย่างสินทรัพย์ปลอดภัย ได้แก่

  • พันธบัตรรัฐบาล: หากเราลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล จะถือได้ว่าเราเป็นเจ้าหนี้รัฐบาล จึงอาจถือได้ว่าพันธบัตรรัฐบาลนี้มีความเสี่ยงต่ำที่สุด อย่างไรก็ตาม การซื้อพันธบัตรรัฐบาลอาจไม่สามารทำได้โดยง่ายสำหรับนักลงทุนทั่วไป และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลก็อยู่ในระดับต่ำ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1 ปี จะเท่ากับประมาณ 2.20 – 2.40% ต่อปี เท่านั้น
  • เงินฝาก: เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเช่นกัน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของเงินฝากจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทเงินฝาก โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ก็อยู่ในระดับต่ำเช่นกัน โดยอยู่ที่ระดับประมาณอยู่ที่ 0.30 – 2.25% ต่อปี เท่านั้น
  • หุ้นกู้บริษัทเอกชน: บริษัทเอกชนหลายๆ แห่ง นิยมระดมทุนสำหรับการดำเนินธุรกิจผ่านการออกและเสนอขายหุ้นกู้ ซึ่งหากเราลงทุนในหุ้นกู้แล้ว เราจะมีถือได้ว่าเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทเหล่านั้น และจะได้รับผลตอบแทนตามอัตราดอกเบี้ยที่กำหนด หุ้นกู้บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงอาจถือได้ว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ และได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจ

หุ้นกู้บริษัทเอกชน: ตัวเลือกที่น่าสนใจ

หุ้นกู้บริษัทเอกชน เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในภาวะตลาดผันผวน ด้วยเหตุผลดังนี้

  • อัตราผลตอบแทนที่แน่นอน: นักลงทุนสามารถทราบอัตราผลตอบแทนที่แน่นอนล่วงหน้า ไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของราคาตลาดเหมือนหุ้น โดยอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้บริษัทเอกชนคุณภาพดี จะอยู่ในระดับประมาณ 2.60 – 4.90% ต่อปี
  • ความเสี่ยงต่ำ: หุ้นกู้บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ หุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับกลุ่ม A ขึ้นไป ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง
  • กระจายความเสี่ยง: นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงได้โดยลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทในหลากหลายอุตสาหกรรม
  • สนับสนุนธุรกิจไทย: การลงทุนในหุ้นกู้บริษัทเอกชน ช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจไทย

อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นกู้บริษัทเอกชน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด สามารถพิจารณาปัจจัยต่างๆประกอบ เช่น

  • สถานะทางการเงินของบริษัท: ควรเลือกบริษัทที่มีสถานะทางการเงินมั่นคง และมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต
  • ประวัติการชำระหนี้: ควรเลือกบริษัทที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้
  • ความเสี่ยงของธุรกิจ: ควรเลือกบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำ ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ เช่น ธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจด้านสาธารณูโภคต่างๆ ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ น่าจะมีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่ได้เติบโตมากนัก (เศรษฐกิจไม่ดีคนก็ยังคงซื้อสินค้าหรือใช้บริการเหมือนเดิม)
  • การให้ความสำคัญ และ ส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)

จะเห็นได้ว่าแม้ในภาวะตลาดที่มีความผันผวน หากนักลงทุนศึกษาข้อมูลอย่างรอบครอบ กระจายความเสี่ยง และรู้จักเลือกลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยหรือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ นักลงทุนจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงได้อย่างแน่นอน

 

# # # # #

ข้อมูลอ้างอิง:

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรัฐบาลอายุ 1 ปี ในช่วงตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2567 ถึง 25 เมษายน 2567 อยู่ในช่วง 2.23 – 2.38% ต่อปี, ที่มา สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
  • อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับบุคคลธรรมดา ของธนาคารพาณิชย์ ประจำวันที่ 25 เมษายน 2567 สำหรับบัญชีเงินฝากออกมทรัพย์ เงินฝากประจำ 3 – 24 เดือน โดยธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์, ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย
  • Corporate Bond Yield Curve อายุ 1 – 5 ปี สำหรับอันดับเครดิต BBB+ ถึง AAA ณ วันที่ 25 เมษายน 2567 จะอยู่ในช่วง 2.60 – 4.90% ต่อปี, ที่มา สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ต่างชาติ ลุยซื้อหุ้นไทย By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นนักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อหุ้นไทย วานนี้ จัดไป เกือบ 3,600 ล้านบาท ส่วนในประเทศ พร้อมใจขายอย่าง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้