Company    
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป
Bloomberg    SET    Exchange    Sector
MAJOR TB    MAJOR    SET    Media & Publishing

Company Note
Rating
BUY
(Unchanged)

คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ
แนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q24F เพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ, หนังไทยยังทำรายได้หลัก
เรายังชอบ MAJOR จาก 1) บริษัทวางแผนกลยุทธ์เน้นภาพยนตร์ไทยที่เติบโตเร็วกว่า Holly Wood และการมีพาร์ทเนอร์แข็งแกร่งร่วมกับช่อง 3, Workpoint ร่วมผลิตภาพยนตร์ และรายอื่นๆ เช่น GDH ตอบโจทย์ฐานผู้ชมคนไทย 2) การขยายสาขาต่างจังหวัดรองรับภาพยนตร์ไทยที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะต่างจังหวัด และอัตราทำกำไรภาพยนตร์ไทยดีกว่าภาพยนตร์ต่างประเทศ เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ”  

คาดกำไรสุทธิ 1Q24F เพิ่มขึ้น YoY จากสิทธิประโยชน์ภาษี แต่ลดลง QoQ ตามรายได้หนัง    
คาด MAJOR มีจะมีกำไรสุทธิ 1Q24F ที่ 135 ล้านบาท (+93% YoY, -60% QoQ) โดยในไตรมาสนี้มีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี (tax loss carry forward) จำนวน 60 ล้านบาท (ยังมีสิทธิคงเหลืออีก 80 ล้านบาท) โดยหากไม่รวมรายการดังกล่าว เราคาดกำไรก่อนภาษีอยู่ที่ 75  ล้านบาท เทียบกับ 1Q23 ที่ 63 ล้านบาท และจาก 4Q23 ที่ 435 ล้านบาท  เราคาดรายได้ตั๋วหนังเพิ่มขึ้น 10% YoY จากหนังเรื่อง พี่นาค 4 ทำรายได้ 124 ล้านบาท , Godzilla & Kong ทำรายได้ 1 สัปดาห์จำนวน 74 ล้านบาท, Dune Part 2 จำนวน 71 ล้านบาท, หอแต๋วแตก 71 ล้านบาท, The Cursed 47 ล้านบาท คาดรายได้ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม +6%YoY, -43%QoQ โดยบริษัทการออกสินค้า Popcorn จำหน่ายผ่านร้านค้าปลีก 7-11 จำนวน 14,000 สาขาทั่วประเทศ แต่สัดส่วนรายได้ยังเล็กน้อยคิดเป็นราว 4% ของรายได้กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม คาดรายได้ค่าโฆษณา +8%YoY, -24%QoQ ตามรายได้ตั๋วหนัง อัตราทำกำไรขั้นต้นคาดใกล้เคียง YoY แต่ลดลง QoQ ตามรายได้ที่ลดลง คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY และ QoQ ส่งผลให้อัตราทำกำไรอยู่ที่ 8% เพิ่มขึ้นจาก 4%YoY และ 11%QoQ
คาดผลประกอบการปีนี้เติบโตจากเน้นภาพยนตร์ไทยและการขยายสาขาต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น
เราคาดรายได้ 2Q24F ยังมีลุ้นจากหนังไทยที่เข้าฉายจำนวนมากได้แก่เรื่อง “หลานม่า”  (GDH) ทำรายได้ 18 ว้น 280 ล้านบาท และเตรียมฉายอีก 10 เรื่อง เช่น “เธอ ฟอร์ แคช” (นักแสดง : ไบร์ทและญาญ่า) เข้า 25 เม.ย.นี้, ปะฉะดะ, อนงค์ เป็นต้น ตามด้วยหนัง Holly Wood เช่น Kingdom of the Planet (Disney),  Inside Out 2 (Disney), Tarot (Sony Picture) และ Challengers (Warner) และ Quiet Place (UIP) เป็นต้น  และยังรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากเรื่อง Godzilla & Kong จำนวน 77 ล้านบาท เราคาดกำไรสุทธิปี 2024F จะเพิ่มขึ้น 27%YoY จากการขยายโรงภาพยนตร์ต่างจังหวัดมากขึ้นและเน้นภาพยนตร์ไทยมากขึ้น โดยบริษัทวางแผนภาพยนตร์ไทยปีละ 50 เรื่อง ส่งผลให้รายได้อาหารและเครื่องดื่มทานเล่นและรายได้ค่าโฆษณาเติบโตตามรายได้ตั๋วภาพยนตร์ และการขายอาหาร Popcorn ผ่าน delivery รวมถึงร้านสะดวกซื้อ 7-11 เพิ่มขึ้น บริษัทได้มีการขยายช่องทางจำหน่ายผ่าน Lotus, BigC ใน ก.พ.ที่ผ่านมา  และบริษัทวางแผนขยาย โรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะต่างจังหวัด ปีนี้ประมาณ 47 โรงภาพยนตร์ 15 โลเคชั่น จากปีที่ผ่านมามี 851 โรงภาพยนตร์ 184 โลเคชั่น เราคาด Gross margin 34% ใกล้เคียงปีที่ผ่านมา คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย 24% ส่งผลให้คาดอัตรากำไรสุทธิปี 2024F อยู่ที่ 10%   

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 20.50 บาท (อ้างอิงวิธี DCF, WACC 8%) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER24F ที่ 15.7X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มอยู่ที่ 29X สถานะการเงินแข็งแกร่งเป็น net cash คาด Dividend Yield’24 ที่ 2.6%มากกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มอยู่ที่ 1.5% ความเสี่ยง : 1) เศรษฐกิจซบเซา  2) การล็อกดาวน์จากสถานการณ์ COVID-19 หากรุนแรงขึ้น


Anchalin Charoenpit
ID: 045566
(66) 2633 6478
anchalinc@tisco.co.th