สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 14 มีนาคม 2567)-------บมจ.สตาร์ มันนี่ หรือ SM เจ้าตลาดสินเชื่อภาคตะวันออก มีแววเติบโตอย่างน่าสนใจ รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ แม่ทัพใหญ่ “ชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม” ประกาศใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือขยายธุรกิจ ดูแลคุณภาพสินเชื่อ และให้บริการลูกค้าทั่วประเทศ มั่นใจดันรายได้ปี 2567 โตต่อเนื่องแตะ All Time High และทำสถิติสูงสุดได้อีกในปี 2568

** รัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
จากรายงานของสภาหอการค้าประเทศไทย ถึงผลประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้คาดการณ์แนวโน้มการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย (จีดีพี) ปี 2567 ว่า จะขยายตัวในกรอบเดิมที่ 2.8-3.3% โดยมีแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ เช่น โครงการ Easy E-Receipt และการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 33-34 ล้านคน ส่งผลดีต่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนและบรรดาผู้ประกอบการในประเทศโดยตรง

** Easy E-Receipt หนุนยอดขาย Q1/67 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
SM ผู้ประกอบธุรกิจปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกัน รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายใต้การบริหารงานของ "ชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม" กรรมการผู้จัดการ เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่สนับสนุนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการ Easy E-Receipt ที่ให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้า และบริการเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีปี 2567 (ยื่นปี 2568) ได้สูงสุด 50,000 บาท โดยซื้อสินค้าหรือบริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567 กับร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Tax Invoice ได้เท่านั้น และนั่นมีโอกาสทำให้ยอดขายจากร้าน “สตาร์ มันนี่” เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

** รับประโยชน์จาก EEC
ปัจจุบันธุรกิจหลักของ SM ประกอบด้วย 1. จำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ รถจักรยานยนต์ และ 2. ธุรกิจให้บริการปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกัน และสินเชื่อบุคคล โดยหลักประกันเงินให้กู้ยืม เช่น เล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ โฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และให้บริการอื่นเพิ่มเติม เช่น การเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย เป็นต้น และประเด็นสำคัญคือ SM ยังได้รับประโยชน์จากการมีสาขาเกือบทั้งหมดอยู่ในพื้นที่เขต EEC ที่กำลังเติบโตตามอุตสาหกรรมและการลงทุน ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ อาทิเช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีผู้ประกอบการระดับโลกมาลงทุนสร้างฐานการผลิต ก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก และจะสนับสนุนให้ธุรกิจของ SM มีโอกาสเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ

** ตั้งเป้ารายได้ปี67 โต 10% All Time High
SM ในฐานะเจ้าตลาดสินเชื่อภาคตะวันออก ยังเดินหน้าขยายงานอย่างไม่หยุดยั้ง โดยในปี 2567 ได้ตั้งเป้าการขายสินค้าและสินเชื่อใหม่เติบโตรวมไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน ซึ่งจะส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ของบริษัทฯ จากสิ้นปีก่อน 2,500 ล้านบาท และส่งผลให้รายได้รวมเติบโต All Time High เช่นเดียวกัน โดยในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 1,379.85 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 61.75 ล้านบาท และจากประสบการณ์การสร้างรายได้ที่โตต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้ในเบื้องต้นบริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่ารายได้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องไปถึงปี 2568 และในปีถัดๆ ไป

** ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือขยายธุรกิจ
ปี 2567 SM มีแผนนำระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายธุรกิจ เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการลูกค้าได้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการด้านการขายและการให้สินเชื่อ โดยใช้ Data Analytic มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและพัฒนาระบบให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการและคุณสมบัติของลูกค้า รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ ทั้งข้อมูลด้านอาชีพ รายได้ ที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพหนี้ รวมถึงยังช่วยอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้า โดยตั้งเป้าหมายในการช่วยลดระยะเวลาในการให้บริการลง 40% จากปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2567 นี้

** พัฒนา Machine Learning บริหารคุณภาพสินเชื่อ
นอกจากนี้ SM ยังมีแผนนำที่จะพัฒนาระบบ Machine Learning เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุมัติสินเชื่อ เพื่อช่วยพยากรณ์คุณภาพหนี้ที่จะเกิดขึ้นของลูกค้าทั้งก่อนและหลังการอนุมัติสินเชื่อ ช่วยพยากรณ์ชั้นหนี้และการไหลตกชั้นหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายที่เกิดขึ้น โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมการผ่อนชำระที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ สามารถจัดกลุ่มลูกค้า เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีประวัติดี พร้อมเป็นการเฝ้าระวังกลุ่มลูกค้าที่คาดว่าจะมีพฤติกรรมการชำระหนี้ไม่ดี ประโยชน์โดยรวมจึงช่วยทำให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจ เพิ่มสินเชื่อที่มีคุณภาพและยังสามารถช่วยในการบริหารหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

** ควบคุม NPLไม่เกิน 4%
ในปีนี้ SM มีนโยบายในการควบคุมคุณภาพหนี้ บริหารจัดการ NPL ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 4% พร้อมกับการนำระบบไอทีมาใช้ร่วมกับกลยุทธ์มุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อจากการขายสินค้า โดยเฉพาะหมวดสินค้าโทรศัพท์มือถือ และแผนการพัฒนาระบบเทคโนโลยีไปใช้กับหมวดสินค้าประเภทอื่นๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพในการชำระหนี้ของสินเชื่อเช่าซื้อให้ดีมากยิ่งขึ้น รวมถึงวางแผนเพิ่มรายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยที่จะเติบโตควบคู่ไปกับธุรกิจการให้สินเชื่อ ตลอดจนการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ให้เพิ่มมากขึ้นจากจำนวน 60,000 รายที่มีอยู่ในปัจจุบัน นับเป็นความท้าทายของบริษัทฯ ที่ต้องติดตามกันแบบไม่กระพริบตา