บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง
ตั้งเป้ารายได้ครึ่งปีแรกโต 15%
สรุปประขุมนักวิเคราะห์ (เรายังไม่ได้ cover TKN)

ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขาย ครึ่งปีแรกโต 15%YoY จากยอดขายในประเทศไทย อเมริกา อินโดนีเซีย จีน มาเลเซีย เป็นหลัก จากยอดขายที่มีมากกกว่า 40 ประเทศ และคาดอัตราทำกำไร (net profit margin) จะเป็น 2 หลัก

ปีนี้มีความท้าทายมีปัญหาวัตถุดิบมากสุด บริษัทยังมีความกังวลต้นทุนราคาสาหร่ายเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่สูงสุดจากปี 2017 หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% จากปัญหาภัยแล้งเอลนีโญ กระทบผลผลิตสาหร่ายลดลงมากกว่า 50% ในประเทศญี่ปุ่นและจีน ในส่วนเกาหลีใต้ผลผลิตลดลงมากกว่า 30% ส่งผลให้เกิดการสต็อกสาหร่ายในกลุ่มประเทศญี่ปุ่นและจีนจากความกังวลดังกล่าวทำให้สาหร่ายเกิดการขาดแคลนในตลาดกระทบราคาปรับตัวสูงสุด บริษัทคาดจะได้รับผลกระทบใน 2H24F จากต้นทุนใหม่ที่ซื้อเมื่อช่วงต้นปีและคาดจะใช้ในครึ่งปีหลังนี้ (ต้นทุนสาหร่ายปี 2023 คิดเป็น 31% ของต้นทุนรวม)

การบริการจัดการต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น : บริษัทคาดอาจจะปรับราคาขายสินค้าเพิ่มขึ้นตามภาพรวมต้นทุนและอุตสาหกรรมที่คาดจะปรับราคาเพิ่มขึ้นซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการขายลดลงในระยะสั้นจากการปรับตัวของผู้บริโภค และบริษัทมีการบริหารจากการเน้นสินค้าที่มีอัตรามาร์จิ้นดีกว่าเพิ่มขึ้นจาก product mix เช่นเน้นจำหน่ายสาหร่ายอบเพิ่มขึ้นซึ่งมีมาร์จิ้นสูงกว่าสาหร่ายแบบย่างที่มีมาร์จิ้นต่ำกว่าจากต้นทุนการใช้แรงงานที่มากกว่า

ภาพรวม 1Q24F โตขึ้น YoY ใกล้เคียงตามแผนบริษัทตั้งเป้าเติบโต แต่ QoQ แผ่วลงจากจีนที่มีปรับราคาขายใน 4Q23 ที่ผ่านมาส่งผลยอดขายอ่อนลง แต่ยอดขายในประเทศคาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการทำการตลาด

ผลประกอบการปี 2023 : กำไรสุทธิ 743 ล้านบาท (+71%YoY) โดยมีรายได้รวมปี 2023 สูงสุดในรอบ 4 ปี อยู่ที่ 5,323 ล้านบาท (+22% YoY) โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสัดส่วนยอดขายสูงสุด 37% ของรายได้รวม มีการเติบโต 17%YoY จากการขยายฐานผู้บริโภคในสาหร่ายออกสินค้าใหม่ต่อเนื่องและทำการตลาดกิจกรรมแออนไลน์และออนกราวด์, สำหรับการส่งออกมีสัดส่วนรายได้ 63% ของรายได้รวม มีอัตราเติบโต 24%YoY โดยหลักๆได้แก่ จีน (+21%YoY) เน้นกิจกรรมการจัดจำหน่ายและทำการตลาดออกสินค้าใหม่และมีการปรับราคาขายในช่วง 4Q23 และในสหรัฐฯและแคนนาดา ออกสินค้าใหม่และขยายการจัดจำหน่ายมากขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น จากการกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นช่วยประหยัดขนาด และการเน้นขายสินค้าสาหร่ายอบที่มีอัตรามาร์จิ้นดีกว่าเพื่มขึ้น

ผลประกอบการ 4Q23 : กำไรสุทธิ 167 ล้านบาท (+38%YoY, -22%QoQ) มีรายการพิเศษค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการปิด Hinoya และ Bomber Dog ที่ไม่ทำกำไร โดยรายได้ 1,399 ล้านบาท (+9%YoY, -7%QoQ) มาจากรายได้ในประเทศ (+8%YoY, +5%QoQ) เพิ่มขึ้นจากการทำการตลาดและออกสินค้าใหม่ และรายได้ต่างประเทศ (+9%YoY, -13%QoQ) โดยรายได้ลดลง QoQ จากการปรับขึ้นราคาขายในจีนส่งผลประมาณการขายอ่อนตัวลงลดลงและการสต็อกสินค้าล่วงหน้าใน 3Q23 และการเปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายในอินโดนีเซีย ทำให้ 4Q23 ลดลง

มุมมองของเรา : เรามีมุมมองเชิงลบ จากต้นทุนสาหร่ายที่เพิ่มขึ้นจะกดดันมาร์จิ้นที่ลดลงได้ สำหรับแผนกลยุทธ์ที่บริษัทอาจจะมีการปรับขึ้นราคาขายในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการขายที่ลดลง โดยจะเห็นได้จากจีนที่มีการปรับเพิ่มราคาใน 4Q23 ส่งผลต่อยอดขายที่อ่อนตัวลง Bloomberg consensus แนะนำ Buy/Hold/Sell : 2/0/1 ราคาเป้าหมายเฉลี่ย consensus 11.80 บาท, Forward PER 17.3X, PER trailing 20.09X