Industry Focus
กลุ่มโรงกลั่น น้ำหนักลงทุน Neutral
ยังเผชิญกับความไม่แน่นอน
• Recap ผลประกอบการ 4Q23 –บริษัทโรงกลั่นที่เราวิเคราะห์มีผลขาดทุนสุทธิ 959 ล้านบาทใน 4Q23 ซึ่งอ่อนแอลงทั้ง YoY และ QoQ เป็นผลจาก 1) ค่าการกลั่นอ่อนตัวลง, 2) ขาดทุนสต็อก, 3) พรีเมียมน้ำ มันดิบปรับขึ้น, 4)ค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงตามปัจจัยฤดูกาล โดยมีเพียง PTTGC และ TOP ที่รายงานเป็นกำไรสุทธิ เป็นผลจาก PTTGCมีกำไรจาก non-cash ขณะที่ TOP มาจากผลดำเนินงานที่ดี

• คาดมาร์จิ้นปี 24F ลดลง YoY แต่ช่วง 1H24 ยังคงแข็งแกร่ง เราคาดว่าค่าการกลั่นปี 24F จะลดลง YoYเนื่องจาก 1) โรงไฟฟ้าไม่ใช้น้ำ มันผลิตไฟฟ้า เพราะราคา LNG ลงมาระดับปกติ, 2) อุปสงค์ในจีนและยุโรปฟื้นตัวช้า,3) มีกำลังผลิตใหม่เข้ามาราว 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ในช่วง 1H24 ค่าการกลั่นยังคงแข็งแกร่งเพราะความต้องการซื้อจากอินโดเนีเซียและอินเดียสูง, พรีเมียมน้ำ มันดิบลดลงใน 1H24 และจีน & รัสเซียส่งออกน้ำ มันสำเร็จรูปน้อยลง

• BCP ได้เปรียบโรงกลั่นอื่นในเป้าหมาย SAF ความต้องการใช้เชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (SAF) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากกังวลปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประเทศไทยตั้งเป้าหมายให้มีการใช้ SAF 2% สำหรับเที่ยวบินภายต่างประเทศในปี 2025 โรงกลั่นในประเทศส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการผลิต SAF และไม่มีข้อมูลกำลังการผลิตและแผนลงทุนที่ชัดเจน ขณะที่ BCP ประกาศโครงการ SAF เป็นรายแรก มีกำลังการผลิต 1 ล้านลิตร/วัน คาดเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ใน 1Q25 เราเชื่อว่า BCP จะได้เปรียบโรงกลั่นอื่นเมื่อต้องใช้ SAF ในอนาคต

• โรงกลั่นได้ประโยชน์จากโครงสร้างราคา pooled gas ใหม่ เนื่องจากราคา pooled gas ใหม่อยู่ที่ 362 บาท/ล้านบีทียู ต่ำ กว่าราคา pooled gas ปัจจุบันที่ 387 บาท/ล้านบีทียู ดังนั้นโรงกลั่นจะมีต้นทุนก๊าซลดลง โดยทาง PTT และผู้ใช้ก๊าซกำลังรออนุมัติราคา pooled gas ใหม่จากครม.ซึ่งคาดว่าจะใน 2Q24

• คงน้ำหนักลงทุน NEUTRAL กลุ่มโรงกลั่น...โดยให้ TOP และ BCP เป็นหุ้นเด่น ทั้งนี้ TOP มี Market GRM ที่ดีกว่ากลุ่มในช่วง 1H24 ดังนั้นการลงทุนระยะสั้น TOP จะมีการน่าสนใจที่สุดในกลุ่มโรงกลั่น ส่วน BCP มีความได้เปรียบโรงกลั่นอื่นในด้านเชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (SAF) การขยายธุรกิจต้นน้ำ และค่าการกลั่นที่ดีหนุนการเติบโตระยะยาว

นักวิเคราะห์ : ดุลเดช บิค : duladethb@th.dbs.com : Tel. 02 857 7833